แต่ถ้าอรนิสากำลังมีคนอื่น มันคงเป็นเรื่องแย่สำหรับเขา เนตรคงสงสารหมอนั่น และเข้าไปดูแล จนหลงลืมแฟนตัวเองก็เป็นได้ นี่ขนาดมีเขาอยู่ ยังใส่ใจถึงขนาดนี้
“พี่เตือนแล้วใช่ไหมครับว่าเนตรไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องนี้!” เขาส่งเสียงดุ
“เนตรแค่ไม่อยากให้สองคนเลิกกัน” คนถูกดุตอบเสียงอ่อย ถ้ารู้ความจริงเร็ว เธออาจเตือนสติเพื่อนได้ สองคนได้ไม่ต้องเลิกรากัน
“เขาจะเลิกหรือไม่เลิก มันก็ไม่เกี่ยวกับเนตร มันเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวมาก เราอาจถูกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่พอใจก็ได้นะเนตร!”
เธอส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ สองคนนั้นสนิทกับเนตร อีกอย่างถึงเนตรรู้ เนตรก็ไม่บอกหรอกค่ะ เนตรแค่ต้องการช่วยอร ไม่ให้ทำร้ายพี่รามเท่านั้นเอง เนตรรู้ดีค่ะว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เนตรก็ทำใจปล่อยไปไม่ได้จริงๆ” เห็นสีหน้าพี่รามแล้ว ทำเอาเธออดสงสารไม่ได้
ภานุพงษ์ระบายลมหายใจด้วยความหงุดหงิด ทำไมต้องเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับไอ้หมอนั่นตลอด ไม่สบอารมณ์เลยจริงๆ แต่หากตนโวยวายมากกว่านี้ เนตรอาจโกรธเอาก็ได้
“ก็ได้ สืบมาได้เรื่องแล้วก็อย่าเอาไปบอกใคร คุยกับอรก็พอ รู้เรื่องก็ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเขาแล้วรู้ไหม” เขาบอกน้ำเสียงอ่อนลง
เธอยิ้มกว้าง แล้วควงแขนซบศีรษะกับไหล่หนา
“ค่ะพี่พงษ์”
ทินกรเดินมายังสวนด้านหลัง เห็นลูกสาวเจ้านายนั่งเล่นกับสุนัขอยู่ในสวน เขาสาวเท้ามาหยุดยืนตรงหน้า เห็นเธอเงยหน้ามาสบตาแล้วยิ้มกว้าง
“มาแล้วเหรอคะ” เธอถามน้ำเสียงอ่อนโยน
“ครับ”
“เชิญนั่งค่ะคุณทินกร”
ทินกรทรุดกายลงตรงข้าม รู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก พอเห็นใบหน้าของบุตรสาวเจ้านายแล้วทำเอานึกถึงใครบางคน ผู้หญิงที่อยู่ในหัวใจของเขาตลอดมา ไม่ขอครอบครอง แค่ได้ปกป้องดูแลเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
“ที่คุณหนูให้ไปสืบ ผมได้ข้อมูลมาตามนี้นะครับ” เขาบอก แล้วเปิดรูปจากมือถือให้ดู
เนตรดาวชะงักจ้องมองภาพเพื่อนตนเอง กำลังควงแขนหนุ่มรุ่นน้อง ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ทานข้าว จนกระทั่งหายไปในโรงแรมก็มี หญิงสาวสบตาลูกน้องพ่อสีหน้าเครียด
“สองคนได้เข้าไปด้านในหรือเปล่าคะ”
“เข้าไปครับ แต่ผมไม่ได้ตามไปนะครับ โรงแรมไม่ให้คนนอกเข้า”
“คุณอาคิดว่า... สองคนนี้ เป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงานไหมคะ” เนตรดาวถาม แม้รุ้คำตอบอยู่แล้ว
“ผมคิดว่าคุณหนูดูรู้นะครับ ไม่เช่นนั้นคงไม่ให้ผมตามสืบ”
เนตรดาวสีหน้าเครียดน้ำตาพาลเอ่อคลอ
“อย่าคิดมากไปเลยครับ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ”
“แต่ว่า...”
“อย่าเก็บเอาเรื่องของคนอื่นมาทำให้ตัวเองต้องปวดหัวเลยครับ รักเลิกเป็นสัจธรรม บางทีเขาสองคนอาจไม่ใช่คู่กัน”
เธอช้อนสายตามอง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แต่ถ้าเนตรพอจะทำให้สองคนไม่ต้องหมางใจกัน เนตรก็คงทำค่ะ”
“เราทำเท่าที่เราทำได้ก็พอครับ แต่อย่าเอาตัวลงไปยุ่งกับเรื่องนี้มากนะครับ เพราะอาจเกิดปัญหาภายหลัง บางทีคุณอรอาจจะแค่เล่นๆ กับหนุ่มคนนี้ก็ได้”
“ค่ะ เนตรคงทำได้แค่เตือนสติเพื่อน เพื่อไม่ให้ทุกอย่างสายไป พี่รามเองก็คงไม่ยอมถูกอรทรยศหักหลังหรอกค่ะ”
ชายวัยกลางคนยิ้มบางๆ นึกเอ็นดูที่คุณหนูเห็นใจผู้อื่นเสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนอย่างเขา
“ครับ ทำในสิ่งที่คุณหนูคิดว่าดีก็แล้วกันครับ”
เธอยิ้มเศร้า “ค่ะอา”
ทินกรลุกยืนกล่าวลาลูกสาวเจ้านายแล้วเดินกลับเข้าไปด้านในบ้าน นันทวัฒน์เหลือบมองขณะภรรยากำลังผูกเนคไทให้อยู่ ชายชราขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าทิน ยัยเนตรก่อเรื่องอย่างนั้นเหรอ” นันทวัฒน์ถามลูกน้อง นลินีชะงักมือ แล้วมองลูกน้องสามีก่อนหันไปสนใจเนคไทต่อ
“อ๋อ เปล่าครับ คุณหนูแค่ให้ผมช่วยสืบเรื่องใครบางคนน่ะครับ”
นันทวัฒน์พยักหน้าช้าๆ “แล้วได้เรื่องไหมล่ะ”
“ครับ”
“เรียบแล้วแล้วค่ะ” นลินีบอกขณะจัดเนคไทเรียบร้อย แล้วเหลือบมองไปยังชายอีกคนก่อนเดินเลี่ยงไป
ทินกรนิ่งเงียบ เก็บความรู้สึกเอาไว้ภายใน เพียงเท่านี้ก็ดีมากแล้ว
“ไปกันเถอะ” นันทวัฒน์บอกแล้วเดินออกจากตัวบ้าน
ขณะขับรถ ประธานบริษัทไดเนอร์กรุ๊ปหยิบแฟ้มเอกสารเปิดอ่าน สีหน้าเคร่งเครียด จรดปากกาเซ็นเสร็จปิดแฟ้มลง แล้วมองลูกน้อง
“เนตรให้ไปสืบเรื่องของใครเหรอทิน” เขาถามลูกน้องเสียงหนัก
“เรื่องของคุณอรครับ”
“มีปัญหาอย่างนั้นเหรอ ไหนว่าจะแต่งงานอีกไม่กี่วันนี้แล้ว”
“เหมือนว่าเธอจะมีคนอื่นน่ะครับ คุณหนูเลยเป็นห่วง”
นันทวัฒน์สีหน้าเครียดขึ้น เพราะครอบครัวตนเองสนิทกับครอบครัวของพิรามมากทีเดียว ทั้งพิรามและยัยเนตรสนิทสนมกันสมัยมัธยม ความจริงเขาอยากให้ทั้งสองคบหาแต่งงานกันเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าอรนิสาเพื่อนของลูกจะเข้ามาแทรกระหว่างสองคนได้ เขาจำต้องปล่อยเลยตามเลย เรื่องของหัวใจคงบังคับกันไม่ได้ ไม่อยากฝืนใจลูก ภานุพงษ์เองก็เป็นคนดี ฐานะทางบ้านไม่ได้ด้อยกว่าเราสักเท่าไหร่ จึงพอยอมรับได้ ถึงแฟนลูกจะเทียบกับพิรามไม่ได้ก็ตาม
“ความจริงเรื่องนี้ยัยเนตรก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องเอาเสียเปล่าๆ!”
“ผมเตือนคุณหนูแล้วครับ”
ชายชราเหลือบมองวิวด้านนอก เรื่องของเด็ก คงต้องปล่อยไป จะโกรธเกลียดกัน หรือรักกันดี ก็คงไม่ทำให้ธุรกิจของเขามีปัญหาหรอก ลูกโตแล้ว คงต้องปล่อยให้จัดการปัญหาของตัวเองไป
“อืม... เราก็คงทำได้แค่เฝ้ามองเท่านั้นล่ะทิน” เขาทิ้งท้าย
“ใช่ครับ” ทินกรตอบรับ