ภายใต้บรรยากาศอันคึกคักของโรงเตี๊ยมชื่อดังของเมืองหลวง ผู้คนต่างจับจ้องไปที่สตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดอยู่ในขณะนี้
"เสี่ยวเอ้อเอาอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดของโรงเตี๊ยมมา 2-3 อย่างพร้อมเครื่องดื่มเอาเป็นชาโมลี่ฮวา มาให้ข้าสองที่"
ผู้คนต่างจับจ้องไปที่ดรุณีน้อยวัย 13 หนาว ที่กำลังสั่งอาหารกับเสี่ยวเอ้อ ด้วยเสียงกังวานใส โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง ที่กำลังจ้องมองเธออยู่ในขณะนี้
ซึ่งต่างกันกับสาวใช้คนสนิทของนาง ที่รับรู้ถึงสายตาที่จ้องมองมานั้นอย่างกดดัน
"คุณหนูไยคุณหนูถึงเลือกเข้ามารับประทานอาหารที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ล่ะเจ้าคะ คุณหนูก็รู้ว่าเรื่องครั้งที่แล้ว เอ่อ..ผู้คนต่างก็กล่าวถึงคุณหนูว่าอย่างไรบ้าง"
หลังจากที่ไป๋เยว่ชิงได้ยินคำกล่าวของสาวใช้คนสนิท ก็ให้เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ พร้อมทั้งกล่าวตอบสาวใช้คนสนิทของตนไปด้วยเสียงที่ไม่ดังและเบาจนเกินไป แต่ก็พอที่จะทำให้ผู้คนในโรงเตี๊ยมสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
"หืม ลี่จู ต้องเป็นพวกเราหรือ ที่ควรจะรู้สึกอับอาย ข้าคิดว่ามิใช่เช่นนั้น เจ้าลองคิดดูสิว่าจะมีสตรีดีๆ ที่ไหน ออกมาข้างนอกกับบุรุษที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของน้องสาวของตนเอง บุรุษที่ดีก็มิควรที่จะทำตัวสนิทสนมชิดเชื้อกับผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่สาว ของคู่หมั้นของตนเองเช่นกัน เจ้าว่าหรือไม่"
พร้อมทั้งปรายตามองไปรอบๆ ทุกคนที่อยู่ในโรงเตี๊ยม เพื่อที่จะดูท่าทีของผู้คนในที่นี้ไปด้วย
"หากพวกเขาทำเช่นนี้ก็ไม่เท่ากับว่าเป็นการหักหน้าของข้าเช่นนั้นหรือ หากพวกเขาสองคนพึงใจกันแล้วไซร้ ข้าก็พร้อมที่จะหลีกทางให้กับพวกเขา ที่ผ่านมาถือเสียว่าข้านั้นโง่เขลานัก ที่พยายามวิ่งตามบุรุษที่มิเคยมีใจให้ และเชื่อใจพี่สาวของตนเองเสียเต็มประดา จึงถูกกระทำการหยามเกียรติเช่นนี้ขึ้นมาได้
หลังจากที่ข้าถูกทำร้ายในวันนั้น ตอนนี้ข้าก็ได้ตาสว่างแล้ว ว่าสิ่งใดที่เป็นของตนและสิ่งใดที่มิใช่ของตน ข้าไม่คิดจะแย่งชิงกับผู้ใดอีกต่อไปแล้ว ลี่จูข้าเหนื่อยเหลือเกิน"
ถ้อยคำที่ดรุณีน้อยนางนี้กล่าวออกมาแต่ละคำ ย้ำให้เห็นถึงความเจ็บปวดและเสียใจ ที่ถูกคนที่ตนเองรักทั้งสองคนทรยศหักหลัง อย่างไม่เหลือเยื่อใยสร้างความสงสารละคนเห็นใจจากผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบเป็นอย่างมาก
เมื่อผู้คนในโรงเตี๊ยมได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ต่างก็จ้องขึ้นไปยังชั้น 2 ของโรงเตี๊ยมซึ่งเป็นที่นั่งของบุรุษและสตรี ที่ถูกกล่าวถึงอยู่ในขณะนี้นั่นเอง สายตาที่พวกเขาส่งไปนั้นมีแต่ความชิงชังและดูถูก
"ใช่ สตรีผู้นี้ช่างไร้ยางอาย! แย่งได้แม้กระทั่งคู่หมั้นของน้องสาวตนเองบุรุษก็ไร้คุณธรรม ข้าได้ยินข่าวว่าเมื่อสองเดือนก่อนฝ่ายชายถึงขั้นลงมือทำร้ายตบตี คู่หมั้นของตนเองเพื่อที่จะเอาใจสตรีไร้ยางอายผู้นั้น"
"นี่ยังไม่จบเพียงเท่านั้นนะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้คุณหนูรองไป๋เยว่ชิงถึงขนาดล้มหมอนนอนเสื่อตรอมใจผิดหวังที่คู่หมั้น และพี่สาวของตนเองหักหลังอยู่เป็นแรมเดือน"
"หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น คงจะทำให้ คุณหนูรองสะเทือนใจเป็นอย่างมาก นี่ข้าก็เพิ่งเห็นว่านางปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้"
"พูดไปก็ช่างน่าสงสารเสียจริงสตรีด้วยวัยเพียง 13 หนาว จะเอาความสวยงามอะไรไปเทียบกับสตรีที่พ้นวัยปักปิ่นแล้วอย่างคุณหนูใหญ่เล่า ใช้ความงามของตนหลอกล่อคู่หมั้นของน้องสาวตนเอง จนทำให้บุรุษเพศหลงใหลช่างไร้ยางอายเสียจริงๆ "
"เรื่องนี้จะโทษฝ่ายหญิงเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก จะต้องโทษฝ่ายชายด้วยที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจตนเอง มิรู้ว่าอันใดควรอันใดไม่ควร"
เมื่อผู้คนในโรงเตี๊ยมเริ่มพูดถึงตนในทางที่เสียหายมากขึ้น พวกเขาจึงมิอาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
"องค์ชายหม่อมฉันเห็นว่าท่าจะไม่ดีแล้ว เรารีบออกไปจากโรงเตี๊ยมนี้ ก่อนที่ผู้คนจะพูดถึงเราหนาหูมากขึ้นดีกว่าหรือไม่เพคะ"
"เปิ่นหวางก็เห็นเป็นเช่นนั้น เดี๋ยวเปิ่นหวางจะให้คนไปส่งเจ้ากลับจวนก่อน"
ในขณะที่ทั้งสอง เดินผ่านคู่กรณีของตนเองก็ไม่ลืมปรายตามองไปยังไป๋เยว่ชิงด้วยสายตาคาดโทษ
'ก็มาสิค่ะ เอาไงมองแบบนี้หรือจะเอาคะ ไป๋เยว่ชิงคนนี้ไม่เหมือนคนก่อนนะคะ หนูไม่ได้โง่เหมือนเดิมอีกแล้วค่ะ เพราะไป๋เยว่ชิงคนเก่าได้ตายไปแล้ว'
หลังจากที่คุณหนูรองไป๋เยว่ชิงถูกองค์ชายสาม ซึ่งเป็นคู่หมั้นของตน ตบหน้าต่อหน้าธารกำนัลให้เป็นที่อับอายขายขี้หน้า ทำให้นางถึงกับตรอมใจล้มป่วยลงด้วยโรคทางใจ เป็นผลให้ท่านเสนาบดีไป๋ซือเฉิงผู้เป็นบิดา ต้องให้ท่านหมอชื่อดังมารักษา แต่ก็จนด้วยปัญญา ไม่ว่าจะตามหมอมารักษากี่คนต่อกี่คน ก็ไม่สามารถรักษาอาการป่วยทางใจของบุตรสาวของตนได้
เมื่อนานวันเข้า ก็ทำให้คุณหนูไป๋เยว่ชิงตัวจริง ถึงขั้นเสียชีวิตลงและทำให้วิญญาณของฟ้าใส ผู้หญิงยุค 2020 เข้ามาอาศัยอยู่ในร่างนี้แทน ฟ้าใสเป็นศัลยแพทย์ที่ประจำอยู่ในโรงพยาบาลจังหวัด มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีครอบครัวที่เพรียบพร้อม แต่วันหนึ่งในขณะที่เธอและเพื่อนสนิทเดินทางกลับจากที่ทำงาน เพื่อที่จะไปฉลองปีใหม่กับครอบครัว ก็ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิต ด้วยกันทั้งสองคน
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนั้น ได้มาอยู่ในสถานที่ๆ แปลกประหลาด ที่ไม่คุ้นเคย ในโลกใบนี้ นี่ก็ล่วงเวลามาได้สองเดือนแล้ว ฟ้าใสจึงเริ่มปรับสภาพ การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ให้เข้ากับโลกใบนี้ได้แล้ว
แผนการขั้นต่อไปของเธอก็คือจะต้องล้างแค้น หญิงชั่วชายเลวสองคนนี้ ให้รู้จักหลาบจำกับสิ่งที่ทำกับเจ้าของร่างเดิม ความรู้สึกเจ็บปวด เสียใจที่เจ้าของร่างนี้ได้รับทุกสิ่ง ฟ้าใสก็สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้เช่นกัน
'บอกเลยค่ะแม่ว่าฟ้าใสคนนี้จะไม่ทน พวกมันจะต้องชดใช้ จากนี้ไปไป๋เยว่ชิงคนเก่าถือว่าตายไปแล้ว ไป๋เยว่ชิงคนใหม่จะมาเอาคืนให้สาสม แต่เอ๊ะ! ...เดี๋ยวก่อนนะคะแม่หนูจะเอาคืนเขาเนี่ย แล้วหนูจะเอาอะไรไปสู้เขา กรุณาส่องกระจกดูหนังหน้าตัวเองด้วยค่ะ ไป๋เยว่ชิง อายุเพียงแค่ 13 ปี อะไรที่ควรมีก็ไม่มี อะไรที่ควรไม่มีมันก็มีซะงั้น จะอะไรนะหรอคะแม่! ก็ทรวดทรงองค์เอวของร่างๆ นี้อย่างไรเล่า บอกเลยค่ะว่านี่มันไม้กระดานเดินได้ชัดๆ เลยค่ะแม่ แล้วอย่างนี้ผู้ที่ไหนมันจะชายตาแลคะ แทนที่เห็นคู่หมั้นตัวเองไปรักคนอื่น แล้วจะมาพัฒนาตัวเองให้เขารู้สึกเสียดาย นี่อะไรคะไปตรอมใจตายไม่กินข้าวกินปลาจนถึงขั้นผอมเหลือแต่กระดูก สภาพไม่ต่างจากศพเดินได้ชัดๆ แล้วอย่างนี้ ใครมันจะไปอยากกินค่ะแม่! นี่ไงมันถึงต้องถึงเวลาปฏิวัติตัวเองครั้งใหญ่ รอฉันก่อนนะ พ่อคู่หมั้นที่รัก สักวันบุรุษผู้นี้จะต้องมาสยบใต้แทบเท้าของฉัน…...'