แทนที่หยางหมิงลู่จะนำว่าที่ฮูหยินหมาดๆ ของตนไปพักผ่อนที่เรือนรับแขก เขากลับพานางมายังเรือนของตนแทน โดยไม่สนใจถึงความเหมาะสม หยางหมิงลู่ได้ให้คนของตนไปแจ้งแก่บิดามารดาของเขา เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเขาไม่สามารถตัดสินใจได้ เนื่องด้วยว่านางนั้นยังมิพ้นวัยปักปิ่นเสียด้วยซ้ำ หากจะจับนางแต่งเป็นฮูหยินของตน ก็เกรงว่าจะเป็นที่ครหาออกไป เรื่องนี้เขาจึงต้องคิดใคร่ครวญให้ดีเสียก่อน
หลังจากที่จัดการสวมอาภรณ์ ให้กับนางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ทำเพียงจ้องมองใบหน้าเรียวเล็กนั้นอย่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง นางคือสตรีที่เขาเฝ้ารอมาเนิ่นนาน ด้วยวัย 25 หนาวของเขาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย เขาถือว่าเป็นบุรุษที่องอาจและเพรียบพร้อมไปด้วยความสามารถ จนสามารถรั้งตำแหน่งของประมุขพรรคมังกรวารีได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่มีเพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ นั่นก็คือเขายังขาดฮูหยินคู่ใจ ไม่ว่าเขาจะรอมาเนิ่นนานเพียงใด นางก็ไม่เคยปรากฏตัวออกมาเสียทีเพราะทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามลิขิตของสวรรค์กำหนดเท่านั้น เขาจึงทำได้เพียงแค่เฝ้ารอนางเรื่อยมา จนอยู่ดีๆ เมื่อนางปรากฎกายขึ้นก็ถึงกับทำให้เขาตกตะลึงไปไม่ถูก ฮูหยินตราตั้งของเขาผู้นี้ช่างไม่เหมือนกับสตรีใดที่เขาเคยพบพาน
หากจะให้พูดถึงความบ้าบิ่นของนางที่ทำกับเขาไว้ เขาก็เพียงกล่าวได้ว่า คงมิมีสตรีใดที่จะสามารถทำได้เช่นนาง ที่เป็นฝ่ายจาบจ้วงบุรุษก่อนเช่นนี้ เมื่อคิดถึงสิ่งที่นางได้ทำกับตนไว้ เขาก็ให้หน้าแดงลามไปจนถึงใบหูแต่จะให้เขาทำเช่นใดได้เล่าในเมื่อสวรรค์ส่งนางมาให้เขาแล้ว
"ฮูหยินเจ้าช่างไม่เหมือนสตรีใดจริงๆ "
พร้อมกับก้มลงไปจุมพิตที่หน้าผากน้อยๆ นั้นของนางอย่างเอ็นดู และโอบกอดนางไว้ในอ้อมกอดและหลับไปพร้อมกับนางอย่างมีความสุข...
เมื่อไป๋เยว่ชิง ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบกับบรรยากาศภายในห้องที่ไม่คุ้นชิน ทำให้นางต้องกระพริบตาหลายๆ ครั้ง เพื่อให้ภาพบรรยากาศตรงหน้าชัดเจนยิ่งขึ้น
"โอ๊ยปวดหัวฉิบหาย ไม่น่าแดกเข้าไปเยอะขนาดนั้นเลยเมื่อคืน แล้วที่นี่มันคือที่ไหนอะ ไม่คุ้นเลยแฮะ"
"ฮูหยินของข้าเจ้าตื่นแล้วหรือ"
เมื่อบุรุษที่นอนอยู่ข้างๆ นางในตอนนี้รู้สึกถึงการเคลื่อนไหว ก็ทำ ให้เขารู้ว่าสตรีในอ้อมกอดของเขาได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
"ห๊า ท่านเรียกผู้ใดหรือเจ้าคะ แล้วนี่ท่านมานอนกอดข้าอยู่เช่นนี้ได้อย่างไร แล้วอีกอย่างท่านคือผู้ใดกัน แล้วข้ามานอนอยู่ในห้องนี้ได้เช่นไรมันเกิดอะไรขึ้น"
เมื่อไปเยว่ชิงตั้งสติได้ นางก็ไม่รอช้ารัวคำถามออกไปให้กับบุรุษตรงหน้าในทันทีด้วยความมึนงงสงสัย ว่าเหตุใดนางถึงได้มานอนค้างอ้างแรมอยู่บนเตียงเดียวกันกับบุรุษแปลกหน้าผู้นี้ได้ คำบุรุษผู้นี้ยังกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอีกด้วย
"เจ้าจะให้พี่ตอบคำถามใดของเจ้าก่อนเล่า หึ สตรีไร้ยางอาย"
เมื่อได้ยินบุรุษตรงหน้าเรียกขานตัวเองด้วยคำพูดเช่นนั้น ความจำส่วนหนึ่งก็ได้ผุดขึ้นมาในสมองของเธอทันทีถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
'เชี่ยแม่! น่าอาย! น่าอายเกินไปแล้ว เมื่อคืนนี้หนูเมา หนูไม่รู้เรื่องนะแม่ หนูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีหนูทำมันไปได้ยังไง นี่เขาคงไม่ได้ปู้ยี้ปู้ยำหนูไปแล้วใช่ไหม หนูจำได้แค่หนูไปกระโดดขี่เขาแค่นั้นอ่ะแม่'
เมื่อคิดได้เช่นนั้นไป๋เยว่ชิงก็รีบก้มลงไปสำรวจร่างกายของตนเองแทบจะในทันที และใช้มือของตัวเองสัมผัสไปที่กึ่งกลางกายของตน ให้ตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเลยว่าบุรุษผู้นั้นกำลังจ้องมองดูเธออยู่
"เฮ้อ….ไม่เจ็บไม่มีเลือดออก แสดงว่าไม่ได้โดนกิน"
"นี่เจ้ากำลังคิดเรื่องไร้สาระอันใดอยู่ว่าที่ฮูหยินของข้า"
เมื่อเห็นพฤติกรรมที่ไร้ยางอายของสตรีตรงหน้า ที่คิดอะไรเลยเถิดไปไกลขนาดนั้น ก็ทำให้เขาอดที่จะอ่อนใจกับความคิดของสตรีตรงหน้านี้ไม่ได้
"ข้ามิได้นิยมชมชอบของแปลกประหลาดถึงขนาดที่จะลงมือข่มเหงสตรี ที่ยังไม่พ้นวัยปักปิ่นเช่นเจ้าได้ลงคอหรอกนะ ดูเยี่ยงไรเจ้าก็ยังเหมือนกับเด็กที่ยังไม่โตด้วยซ้ำ"
พร้อมกับจ้องมองไปที่ ตัวนางตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยไม่ลืมชำเลืองมองที่หน้าอกของนางด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นสายตาที่บุรุษตรงหน้าจ้องมองมาที่หน้าอกของตน และยังคำพูดที่บอกว่าดูอย่างไรนางก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น ทำให้ไป๋เยว่ชิงโมโหจนเลือดขึ้นหน้าไม่สามารถกักเก็บอารมณ์โกรธของตนเองไว้ได้อีกต่อไป
ไป๋เยว่ชิงเป็นฝ่ายพลิกตัวขึ้นไปนั่งทับบุรุษตรงหน้าเอาไว้ พร้อมกับกดหัวไหล่ของเขาเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง เพื่อไม่ให้คนตัวโตใต้ร่างของตนขยับไปไหนได้ นั่นคือสิ่งที่ไป๋เยว่ชิงคิด
"ท่านว่าผู้ใดเป็นเด็กกัน ลองมองข้าดูให้ดีอีกครั้งซิ ถ้าหากว่าท่านยังบอกว่าข้าเป็นเด็กอีกละก็ วันนี้ข้าจะจับท่านกินให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียเลยดีหรือไม่"
ในขณะที่พูดไปนั้นมือบางของนางก็ได้เลื่อนมาลูบไล้ที่แผงอกกำยำนั้นอย่างช่ำชอง จนทำให้ผู้ที่อยู่ใต้ร่างของนางในตอนนี้ถึงกับเกร็งกระตุกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
"แล้วอีกอย่างเมื่อกี้ ถ้าหากว่าถ้าฟังไม่ผิดแล้วล่ะก็ ท่านเรียกข้าว่าฮูหยินเช่นนั้นหรือ ผู้ใดเป็นฮูหยินของท่านกัน พูดมาให้ข้ากระจ่างเสียตั้งแต่ตอนนี้เร็วเข้า"
บุรุษใต้ร่างของไป๋เยว่ชิงในตอนนี้ได้แต่สบถในใจอย่างเสียไม่ได้ เหตุใดเวลาที่เขาถูกนางสัมผัสลูบไล้เช่นนี้ ถึงทำให้เขา ไม่มีแรงจะต้านทานนางกัน นี่นางใช้เล่ห์กลอันใดกับเขากันแน่ เหตุใดเรี่ยวแรงของเขา ถึงได้หดหายไปหมด เมื่ออยู่ใกล้นางเช่นนี้กัน
ในขณะที่ไป๋เยว่ชิงกำลังนั่งทับหยางหมิงลู่อยู่นั้น ประตูเรือนก็ถูกเปิดออกเสียงดัง เมื่อพวกเขาหันไปก็ได้พบกับอดีตประมุขพรรคมังกรวารีและฮูหยินของเขาซึ่งก็คือบิดาและมารดาของหยางหมิงลู่นั่นเอง หลังจากที่เขาได้รับแจ้งจากคนของบุตรชายว่าเขาได้พบกับสตรีที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขาแล้ว สองสามีภรรยาก็ไม่รอช้า รีบตรงดิ่งมาที่พรรคมังกรวารีแทบจะในทันที
แต่ภาพที่พวกเขาพบเห็นอยู่เบื้องหน้าในตอนนี้ถึงกับทำให้พวกเขาไม่สามารถ คิดคำพูดใดกล่าวออกมาได้ นอกเสียจากคำว่า พวกเขามาผิดเวลาเสียแล้ว ใครจะคาดคิดเล่าว่าบุตรชายของเขาจะเป็นบุรุษ ที่มีความใจร้อนถึงเพียงนี้
"เอ่อ ถ้า 'งั้นพวกเจ้าก็ต่อให้เสร็จเลยแล้วกัน' เดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปรออยู่ที่ข้างนอก"
พร้อมทั้งรีบออกไปจากภายในห้องและไม่ลืมปิดประตูให้กับทั้งสองอีกด้วย
"-" 'แม่ นี่พวกเขากำลังคิดไปถึงไหนต่อไหนกัน หนูยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยนะ'