เมื่อคิดได้เช่นนั้นไป๋เยว่ชิงก็ไม่รอช้าอีกต่อไป รีบตรงดิ่งไปที่สองแม่ลูกนั้นในทันที
"ชิงเอ๋อร์ เจ้ากำลังคิดจะไปที่ใด"
"น้องจะเข้าไปดูสองแม่ลูกนั้นสักเล็กน้อยเจ้าค่ะพี่เลี่ยงซู เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดสนใจพวกเขาเลย น้องก็ให้สงสารสองแม่ลูกนั้นยิ่งนัก ขอให้น้องได้ไปดูสักเล็กน้อยเถอะเจ้าค่ะ เผื่อมีอะไรพอที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้"
"เช่นนั้นเราก็ไปดูพวกเขากันเถอะ"
ไป๋เลี่ยงซู ได้แต่จ้องมองแผ่นหลังของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสาวของตนอย่างอ่อนโยน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีต่อกี่ปี นางก็ยังเป็นผู้มีจิตใจดีอ่อนโยนเช่นนี้ไม่เปลี่ยนแปลง
"ลี่จูเจ้าเอากล่องยาที่ข้าให้เจ้าเก็บไว้ออกมาให้ข้าที"
"เจ้าค่ะคุณหนู"
สาวใช้คนสนิทก็ไม่รอช้า เร่งเอากล่องยาที่คุณหนูของตนกำชับไว้ว่า ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ให้นำติดตัวไปด้วยทุกครั้ง ออกมาให้กับคุณหนูของนางในทันที
ไป๋เยว่ชิงไม่รอช้า รีบไปนั่งยังด้านข้างของสองแม่ลูกนั้นและตรวจดูอาการของลูกชายของนางใน เมื่อได้ตรวจดูอาการของคนเจ็บอย่างละเอียดแล้ว ไป๋เยว่ชิงก็พบว่าอาการของบุรุษตรงหน้าถือว่าหนักหนาอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับว่าไม่สามารถรักษาได้ อันดับแรกที่ต้องทำก็คือห้ามเลือดให้กับบุรุษตรงหน้านี้เสียก่อน ก่อนที่เขาจะเสียเลือดมากจนทำให้เสียชีวิตลงได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงรีบเปิดกล่องยาของตนเองออกและเริ่มทำการรักษาในทันที
เมื่อนางเปิดกล่องยาออกและนำอุปกรณ์ที่แปลกประหลาดออกมาจากภายในกล่องยานั้น ไป๋เลี่ยงซูถึงกับขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เหตุใดเขาจึงไม่เคยพบเห็นอุปกรณ์เหล่านี้มาก่อน แล้วเหตุใดน้องสาวของเขาถึงรู้จักกับอุปกรณ์แปลกประหลาดพวกนี้กัน
"พี่เลี่ยงซูท่านช่วยสกัดจุดห้ามเลือดให้เขาก่อนจะได้หรือไม่ ชิงเอ๋อร์ไม่เป็นวรยุทธก็เลยไม่สามารถที่จะทำได้ รบกวนพี่เลี่ยงซูด้วยเจ้าค่ะ"
ถึงแม้ว่าวิธีการสกัดจุดห้ามเลือดจะไม่สามารถห้ามเลือดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังดีกว่าที่จะปล่อยให้เลือดไหลออกมาไม่หยุดเช่นนี้โดยไม่ทำอะไรเลย
"ขั้นตอนต่อไปพี่เลี่ยงซูช่วยเอาเชือกเส้นนี้ ไปมัดไว้ที่เหนือบริเวณบาดแผลตรงหน้าขาของชายผู้นี้ให้ชิงเอ๋อร์ที มัดแน่นๆ เลยนะเจ้าค่ะ"
เชือกที่นางให้ไป๋เลี่ยงซูไปนั้น เป็นเชือกที่นางสั่งทำพิเศษมีลักษณะยืดหยุ่นได้ดี มันจึงมีคุณสมบัติคล้ายกับสายยางรัดแขนเวลาที่จะใช้เจาะเลือดให้กับผู้ป่วยในยุคปัจจุบัน แต่ต่างกันตรงที่ เชือกเส้นนี้มีลักษณะใหญ่และหนากว่า มันจึงสามารถนำมาใช้ในการห้ามเลือดได้ดีเมื่อนำมารัดไว้เหนือบาดแผลของคนเจ็บ
ขณะที่สองพี่น้องกำลังขะมักเขม้นในการช่วยเหลือบุรุษที่ได้รับบาดเจ็บผู้นั้นอยู่นั้น ก็ไม่ได้รับรู้เลยว่า ได้มีสายตาของสตรีนางหนึ่งจ้องมองไปที่อุปกรณ์และวิธีการช่วยเหลือของไป๋เยว่ชิงอย่างมิวางตา นางทั้งตกตะลึงและแทบจะไม่เชื่อสายตาในสิ่งที่เห็น ตรงหน้า หัวใจของนางเต้นกระหน่ำ จนแทบจะทะลุออกมานอกหน้าอกเสียให้ได้ในตอนนี้ นางทั้งดีใจ ตกใจและแปลกใจในเวลาเดียวกัน จนสุดท้ายนางอดที่จะเอ่ยคำบางคำออกไปกับไป๋เยว่ชิงไม่ได้
"แม่นางท่านนี้ จากการที่ท่านได้ตรวจดูอาการของคนเจ็บอย่างละเอียดแล้ว ข้าอยากจะทราบว่า แผลมันลึกถึงชั้น Muscle หรือไม่"
พร้อมกับจ้องมองไปที่พฤติกรรมทุกอย่างของไป๋เยว่ชิงในตอนนี้อย่างไม่วางตา ว่าจะมีพฤติกรรมเช่นไร หลังจากที่ตนถามออกไปเช่นนั้น
เมื่อไป๋เยว่ชิงได้ยินคำถามนั้น ก็ให้ตกใจ นางก็รีบเงยหน้าขึ้นมาแล้วจ้องมองไปยังสตรีที่ยิงคำถามมาที่ตนแทบจะในทันที
สตรีทั้งสองต่างจ้องเข้าไปในดวงตาของกันและกันเนิ่นนาน ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์ แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่จะกล่าวสิ่งใดออกมาก่อน พวกนางได้แต่นิ่งเงียบอยู่เช่นนั้น จนสตรีที่กล่าวถามคำถามออกไปก่อนหน้านี้อดไม่ได้ เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง
"เหตุใดเจ้าถึงไม่ตอบข้าเล่าข้าถามว่า แผลมันลึกถึงชั้น Muscle หรือไม่ หรือว่าแม่นางไม่เข้าใจในคำถามของข้ากัน"
"แผลนี้ยังถือว่าโชคดี ที่ไม่ได้ฉีกขาดลึกจนถึงชั้น Muscle แต่จะว่าโชคดีก็ไม่เชิงเพราะมัน tear atery จึงทำให้บุรุษผู้นี้เสียเลือดไปมาก แม่นางต้องการที่จะช่วยเหลือข้าอีกแรงหรือไม่ ข้าคิดว่าด้วยความรู้ความสามารถที่แม่นางมีในตอนนี้นั้น จะสามารถช่วยข้าเบาแรงไปได้มากเลยทีเดียว"
เมื่อมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้องแล้ว ไป๋เยว่ชิงจึงได้เชื้อเชิญให้สตรีตรงหน้า มาช่วยกันรักษาบุรุษผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนี้ด้วยกันกับเธอ เพราะจากการที่เธอยิงคำถามมานั้น ก็สามารถบ่งบอกได้เป็นอย่างดีแล้วว่า สตรีเบื้องหน้า ไม่ใช่คนในยุคนี้ และอีกอย่างนางยังมีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับด้านการแพทย์อีกด้วย เพราะคำศัพท์ บางคำที่เธอกล่าวออกมานั้นเป็นคำศัพท์แพทย์ ที่ผู้ได้เรียนรู้มาเท่านั้น ถึงจะเข้าใจในความหมายของมัน
ในตอนนี้ไป๋เยว่ชิงก็ให้ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมากที่เธอได้พบกับคนที่จากมายังที่เดียวกันกับเธอ แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าสตรีเบื้องหน้านั้น ได้มาจากยุคเดียวกันกับเธอจริงหรือไม่ หรือจะเป็นยุคใดนั้นเธอก็หาได้ทราบไม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจก็คือ พวกเธอไม่ใช่คนในยุคนี้อย่างแน่นอน
"ข้าจะดูแผลที่บริเวณหน้าขาต่อ เพราะถือว่าแผลบริเวณนี้เป็นแผลใหญ่และเสียเลือดมาก แม่นางท่านนี้ท่านก็ไปดูที่บริเวณแผลที่ตรงแขนซ้ายของบุรุษผู้นี้เถิด อุปกรณ์ในการเย็บแผลข้าจะวางไว้ที่ตรงนี้ เราสามารถแบ่งกันใช้ได้ ถุงมืออีกคู่หนึ่งอยู่ที่ ในกล่องยาของข้านั้น ท่านสามารถหยิบมาใช้ได้เลย"
"ท่านจงเรียกข้าว่าซือเซียนเถิด ข้าก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มาร่วมการทดสอบเป็นศิษย์ของสำนักจิวฝูเช่นกัน"
"งั้นแม่นางซือเซียนก็จงเรียกข้าว่าเยว่ชิงก็แล้วกัน"
เมื่อทั้งสองได้แนะนำตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกนางก็หันกลับไปสนใจกับการรักษาบุรุษตรงหน้าอย่างขะมักเขม้น