เป็นไปตามที่สามพี่น้องบ้านเซี่ยคิดกันจริง ๆ หลังจากฝาแฝดเซี่ยกลับไปไม่นานทั้งสามก็ได้ยินเสียงก่นด่าทอดังเข้ามาใกล้
‘นังเด็กสารเลว!’
‘ท่านแม่ ท่านแม่ต้องให้ความยุติธรรมกับยุ่นเอ๋อร์นะเจ้าคะ! โฮ หลานของท่านแม่จะมีบาดแผลไม่ได้!’
‘ใช่ ๆ’
‘เด็กพวกนี้มันกล้าทำขนาดนี้ ถ้าปล่อยไว้มันต้องทำอาหรงแน่ ๆ ขอรับท่านพ่อ’
‘นั่นสิ’
“เซี่ยซูเจี๋ย!”
เซี่ยซูเหยาหลบหลังพี่สาวทันทีที่เห็นกลุ่มคนเดินเข้ามาใกล้ ในกลุ่มมีนางซือหลิงที่ตาแดงเดินตามมาด้วย คาดว่าคงเห็นที่แขนลูกสาวแล้ว
“ท่านย่า” เซี่ยซูเจี๋ยเอ่ยเรียกย่าเซี่ยหรือก็คือย่ารองสกุลเซี่ย ภรรยาปู่รอง น้องชายของท่านปู่นาง
ท่านปู่และท่านย่าแท้ ๆ ของพวกนางเสียไปนานแล้วท่านย่าเซี่ยคือผู้อาวุโสของสกุลเซี่ย พวกนางจึงต้องเรียกตามที่คนอื่นเรียก
“เซี่ยหลินยุ่นเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเจ้าคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องลงไม้ลงมือกันด้วย”
“นางจะตีอาเหยา ข้าจึงปกป้องน้องสาวของข้าเจ้าค่ะท่านย่า” เซี่ยซูเจี๋ยเอ่ยขึ้นเสียงเบา
เซี่ยหลินยุ่นเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของท่านย่าเซี่ยที่ขึ้นชื่อว่าใจร้ายในหมู่บ้าน นางทำให้หลานสาวของท่านย่าเซี่ยมีบาดแผล ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง
ยิ่งมากับนางซือหลิงและลูกชาย ลูกสะใภ้ อีกสามสี่คน เซี่ยซูเจี๋ยถอนหายใจ ถึงนางจะโตที่สุดในบ้าน ทว่านางก็ยังเด็กอยู่
เพียะ!
เซี่ยซูเหยาตาลุกวาวอย่างโมโห สตรีแก่ชราที่เดินต้องมีคนประคองตบหน้าพี่สาวของนาง! ยิ่งเสียงตบที่ดังแล้วพรุ่งนี้หน้าของเซี่ยซูเจี๋ยต้องบวมมากแน่ ๆ
“ท่านย่า!”เซี่ยซูเหยียนรีบวิ่งเอาตัวเข้ามาบังพี่สาวที่ใช้มือกุมใบหน้า มุมปากของเซี่ยซูเจี๋ยยังมีเลือดที่ไหลออกมา
“นังเด็กสารเลว!”
เซี่ยซูเหยาสะดุ้งเสียงตวาด นางรีบปลอบลูกหมาป่าที่สะดุ้งไม่ต่างกัน จริง ๆ พี่สาวไล่ให้นางเข้าไปอยู่ในบ้านนานแล้ว ทว่านางไม่ไว้ใจ
“ยุ่นเอ๋อร์มีแผล ใครจะกล้ามาขอนางกันท่านแม่”
นางซือหลิงยังโอดครวญไม่หยุด นางหรือทะนุถนอมลูกสาวมาตั้งแต่เล็ก ใช้เงินเก็บในบ้านเพื่อส่งลูกชายไปร่ำเรียนในสำนักศึกษา และส่งลูกสาวไปเรียนกับเหล่าอาจารย์สตรีเพื่อแต่งเข้าจวนพวกขุนนาง เงินที่มีก็แทบไม่เหลือแล้ว หวังว่าปีหน้าลูกสาวของนางจะแต่งไปเป็นอนุสักจวนในเมืองได้ ทว่ายามนี้ลูกสาวของนางมีตำหนิ!
“ไม่ใช่ลูกของท่านไปโดยใครทำร้ายมาหรือ มากล่าวหาแบบนี้ได้ยังไง” เซี่ยซูเหยากล่าวขึ้น
ช่วงที่เกิดเรื่องเพื่อนบ้านไม่มีใครอยู่สักคน เซี่ยซูเหยาจึงกล้าพูดออกมา ใคร ๆ ก็รู้ว่าบ้านของนางยอมบ้านรองเซี่ยมากแค่ไหน หากมีคนเป็นพยานพวกเขาก็จะเข้าข้างนางอยู่แล้ว
“นางเด็กนี่!” นางซือหลิงถามลูกสาวมาหมดแล้วว่าทำไมเซี่ยซูเจี๋ยจึงลงมือ นางจึงเสียหน้าไม่ได้ ลูกสาวของนางจะตีเด็กที่เล็กกว่าหลายปีทว่าสุดท้ายบาดเจ็บเอง
“มีอะไรกันรึ!”
เพื่อนบ้านที่เห็นบ้านรองเซี่ยยกโขยงกันมารังแกเด็กสามคนที่อยู่ด้วยกันเพียงลำพังจึงออกมาดู เซี่ยห้าวไห่ฝากดูแลพวกเขา หากเกิดเรื่องขึ้นของที่เคยได้จากเซี่ยห้าวไห่คงจะไม่ได้อีกแน่ ๆ
เซี่ยซูเหยาขยับตัวปล่อยเจ้าเสี่ยวเฮยลงตะกร้าไม้สานที่เซี่ยห้าวไห่ทำให้ บรรยากาศแบบนี้คงไม่เหมาะที่นางจะอุ้มเจ้าเสี่ยวเฮย
“เรื่องสกุลเซี่ย อย่าเข้ามายุ่ง!”
“แหม่ ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะบ้านรองเซี่ย ข้าก็ไม่ยุ่งหรอกโว้ย”
มีใครบ้างไม่รู้ว่าสกุลเซี่ยสายหลักกับสายรองไม่ถูกกัน ยิ่งปัจจุบันสายหลักมีผู้อาวุโสเพียงคนเดียวนั่นก็คือเซี่ยห้าวไห่ ทว่าผู้อาวุโสที่ว่าก็ยังเทียบกับสายรองที่มีทั้งท่านปู่เซี่ย ท่านย่าเซี่ยไม่ได้
“ยายแก่หลี่ฮัว นี่มันเรื่องของสกุลเซี่ย” คราวนี้เป็นย่าเซี่ยที่เอ่ยปากขึ้นมาเอง
หลานในไส้กับหลานนอกไส้ท่านย่าเซี่ยก็เลือกหลานตัวเองก่อนอยู่แล้ว อีกไม่นานหลาวสาวของนางก็จะได้แต่งเป็นอนุของขุนนางในเมือง ทว่าเซี่ยซูเจี๋ยกับทำเสียเรื่อง!
“โถ่ ๆ เรื่องสกุลเซี่ย สกุลเซี่ยสายรองที่ยกพวกมาข่มเหงทายาทสายหลักที่มีแต่เด็กนั่นหรือ”
“นี่!”
สายหลักกับสายรองมีเส้นแบ่งอย่างชัดเจน สายหลักคือคนที่สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ส่วนสายรองคือแตกแยกออกไปเรื่อย ๆ คนในหมู่บ้านที่มีหลายสกุลต่างยกสายหลักไว้ด้านบน ส่วนสายรองไว้ด้านล่าง
“ท่านยายหลี่ฮัวเจ้าคะ ช่วยพี่สาวอาเหยาด้วยเจ้าค่ะ!” เซี่ยซูเหยาช่วยยังไม่ได้คือเรื่องจริง ทว่านางสามารถขอร้องให้คนอื่นช่วยพี่สาวของนางได้
“ยายแก่เซี่ย! เรื่องนี้ต้องนำไปบอกผู้นำหมู่บ้านนะ! สายรองรังแกสายหลักเกินไปแล้ว” ยายหลี่ฮัวเอ่ยอย่างไม่เกรงกลัว
นางมีสามีเป็นคนสกุลหลี่สายหลักและลูกชายของนางก็เป็นผู้นำในสกุล นางจึงไม่ชอบสายรองที่พยายามแย่งตำแหน่งลูกของนาง การที่แจ้งผู้นำหมู่บ้านก็หมายความว่าต่อจากนี้ชีวิตบ้านรองจะอยู่ยากขึ้น! ชาวบ้านที่เป็นสายหลักต่างรังเกียจสายรอง และสายหลักมีมากกว่าครึ่งในหมู่บ้าน
“เหอะ แค่คำพูดยายแก่ คิดว่าใครจะเชื่อเจ้ากัน” นางซือหลิงพูดอย่างอวดดี นางไม่เชื่อหรอกว่าผู้นำหมู่บ้านจะเข้าข้างคนสกุลหลี่
“พอ!”
ท่านย่าเซี่ยตวาด หญิงชราใช้ชีวิตในหมู่บ้านมามากกว่าครึ่งชีวิต มีหรือที่จะไม่รู้ว่าหากนางหลี่ฮัวแจ้งผู้นำหมู่บ้าน ชีวิตครอบครัวสกุลเซี่ยสายรองจะเป็นอย่างไร
“ท่านแม่!” นางซือหลิงโมโห แม่สามีจะมาแก้แค้นให้ลูกของนางไม่ใช่หรือ?
เซี่ยซูเหยาส่ายหน้าหลังท่านย่าเซี่ยบอกลูกชายพยุงนางกลับไป นางไม่รู้ว่าสายหลักกับสายรองที่ท่านยายหลี่ฮัวเอ่ยขึ้นมันสำคัญมากแค่ไหน ทว่ามันต้องสำคัญที่ทำให้หญิงแก่ชราอย่างท่านย่าเซี่ยยอมลง ทั้ง ๆ ที่พวกนางตีหลานสาวของนางไป
แค่นี้? นี้คือสิ่งที่เซี่ยซูเหยางุนงง บ้านเซี่ยสายรองมายังไม่ถึงครึ่งเค่อก็กลับไปแล้ว เกิดอะไรขึ้น ทว่านางรีบหันไปขอบคุณท่านยายหลี่ฮัวที่ออกหน้าช่วยเหลือครั้งนี้ จำได้ว่าคนพวกนี้เคยได้รับของจากบ้านนาง นางจึงต้องผูกมิตรเอาไว้
“ขอบคุณท่านยายเจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเจี๋ยถูกเซี่ยซูเหยาสั่งห้ามทำอาหาร อาหารมื้อเย็นนางจะเป็นคนลงมือเอง ส่วนพี่สาวนางสั่งให้เซี่ยซูเหยียนพาไปทำแผลแล้ว
เย็นวันนี้เซี่ยซูเหยาทำข้าวต้มที่ไม่ใส่เนื้อสัตว์ให้พี่สาว เพราะกลัวพี่สาวเคี้ยวไม่ได้ นางไม่โดนเองยังเจ็บแทน พี่สาวของนางโดนเต็ม ๆ จะเจ็บแค่ไหน
เซี่ยซูเหยาทำปลาผัดเกลือให้เซี่ยซูเหยียนเพิ่ม ส่วนนางก็รับประทานข้าวต้มกับพี่สาว ซึ่งแน่นอนว่าเซี่ยซูเหยียนก็รับประทานด้วย ปลาผัดเกลือเป็นเพียงเครื่องเคียง
และมันก็เป็นไปตามที่เซี่ยซูเหยาคิดจริง ๆ ตื่นเช้ามาเซี่ยซูเจี๋ยหน้าบวม! ยังดีที่มีสมุนไพรบรรเทาอาการปวดไม่เช่นนั้นแย่แน่ ๆ พี่สาวของนางก็ไม่ยอมไปโรงหมอเพราะกลัวว่าต้องเสียเงิน
“เมื่อไหร่ท่านพ่อจะกลับเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาเอ่ยขึ้นระหว่างช่วยพี่ชายปลูกผัก
จริง ๆ หน้าที่นี้จะเป็นของเซี่ยซูเจี๋ย ทว่าพี่สาวของนางหน้าบวมเซี่ยซูเหยาจึงอาสามาปลูกผักช่วยพี่ชายแทน
“หือ”
“อาเหยาไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”
“อาเหยา…”
เซี่ยซูเหยาไม่ได้พูดเล่น นางอยากย้ายไปอยู่ที่อื่นจริง ๆ หากนางสามารถค้าขายได้ บ้านรองเซี่ยจะไม่เข้ามายุ่งหรือ? เซี่ยซูเหยาไม่ใช่คนโง่ที่มองไม่ออกว่าเซี่ยห้าวไห่ยอมบ้านรองเซี่ยเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกนาง
หากท่านย่าเซี่ยโมโหและลงมือแรงกว่านี้ไม่แน่ว่าเซี่ยซูเจี๋ยอาจเจ็บหนัก และท่านย่าเซี่ยสามารถบอกได้ว่าเป็นผู้อาวุโสจึงลงมือสั่งสอนหลานสาว
เซี่ยซูเหยียนส่ายหน้าเมื่อได้ยินน้องสาวกล่าว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปอยู่ที่อื่น บิดาของพวกเขาเป็นห่วงบ้านมาก อีกอย่างเงินเก็บก็มีเพียงน้อยนิด
“อีกไม่เกินห้าวันท่านพ่อน่าจะกลับแล้ว อาเหยาอยากทำอะไรหรือไม่ พี่ชายจะพาทำเอง” เซี่ยซูเหยียนเอ่ยถามน้องสาว
“ไม่เจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาปฏิเสธ พร้อมวางตะกร้าในมือลง
ผักมีหลายแปลงและแต่ละแปลงก็มีพื้นที่มากพอสมควร วันเดียวแน่นอนว่ามันเสร็จไม่ทันอยู่แล้ว เซี่ยซูเหยาจึงชอบเข้าร่มมานั่งพักท่ามกลางอากาศร้อน
ร่างกายเซี่ยซูเหยาไม่เคยทำงานหนักและถึงนางจะออกกำลังกายบ่อยแค่ไหนมันก็ช่วยไม่ได้ทั้งหมด ต่างจากเซี่ยซูเหยียนที่สามารถลงเมล็ดผักแปลงหนึ่งเสร็จก็ค่อยมานั่งพัก ซึ่งจริง ๆ ก็เป็นเซี่ยซูเหยาที่ลากพี่ชายมาพักเอง
ช่วงบ่ายเซี่ยซูเจี๋ยอาการก็ดีขึ้นมากเพราะเซี่ยซูเหยาแนะนำวิธีประคบหน้า นางจึงออกมาช่วยน้อง ๆ แม้จะถูกห้ามแต่ก็ห้ามไม่ได้ เซี่ยซูเจี๋ยสงสารน้องสาวที่ตัวแดงไปหมดแล้ว
“อาเหยียน ไปตักน้ำใส่ถังไว้ให้อาเหยาที ตัวแดงหมดแล้ว” เซี่ยซูเจี๋ยบอกน้องชาย
ที่บ้านมีบ่อน้ำทว่ามันเป็นบ่อเก่าที่ใช้ไม่ได้และเป็นบ่อที่ใช้ดินถมแล้ว บ้านเซี่ยจึงต้องออกไปตักน้ำที่ลำธารภายในหมู่บ้าน ทว่ายังดีที่มันไม่ได้อยู่ไกลมาก อีกอย่างก่อนที่เซี่ยซูเหยาจะอาบน้ำ น้ำต้องต้มให้สะอาดก่อน ถ้าบอกว่าเป็นคุณหนูในห้องหอก็ไม่เกินจริง
เซี่ยซูเหยาส่ายหน้าทว่าก็ไม่ได้ห้าม นางร้อนมากจริง ๆ แต่ก็ไม่อยากไปล้างตัวเพราะยังอยากช่วยทุกคนอยู่ อีกอย่างก็ไม่กล้าใช้พี่ชาย
“อาเหยาขึ้นไปพักเถอะ”
เซี่ยซูเจี๋ยอดปวดใจไม่ได้ ที่ว่าตัวเซี่ยซูเหยาแดงทั้งตัวนางไม่ได้พูดเล่น อีกสามวันจะหายผรือเปล่าก็ไม่รู้
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเหยายอมหยุดทำงานในแปลงผัก ซึ่งจริง ๆ มันก็เย็นแล้วด้วย ทว่าเหลือปลูกให้เต็มแปลงอีกไม่มาก เลยตัดสินใจจะทำให้เสร็จ
“เสี่ยวเฮย”
ระหว่างรอพี่ชายไปตักน้ำมาใส่ถังเซี่ยซูเหยาก็ไปจุดเตาไฟ น้ำในถังมีประมาณหนึ่งมันสามารถใช้อาบได้แล้ว
และพอจุดเตาเสร็จเซี่ยซูเหยาก็หันมาเล่นกับเจ้าเสี่ยวเฮยที่วิ่งตามหลังมา มันตามติดนางมากจริง ๆ ช่วงนี้ หรือบางทีมันอาจกลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อวาน
“อาเหยาวันนี้พี่สาวจะลงครัวเอง”
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยซูเหยาพยักหน้าเมื่อพี่สาวเดินเข้ามาบอก เซี่ยซูเจี๋ยคงกลัวว่านางจะจุดเตาทำอาหาร ซึ่งอันที่จริงนางก็สามารถทำได้แล้ว ทว่าเซี่ยซูเจี๋ยบอกว่านางเหนื่อยมาทั้งวัน
อาหารเย็นวันนี้เซี่ยซูเหยาได้รับประทานกุ้งผัดล่าเจียวและปลาทอดเกลือที่หอม อร่อย แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้คือน้ำจิ้ม