Chapter 5 น้ำตกซ่านเสียว
เย่วสือหายใจสะดุดเมื่อพบว่าเสื้อท่อนบนของตนถูกเปลื้องออกจนเห็นเนินอกอวบอิ่ม อีกทั้งชุดลงเล่นน้ำสีฟ้าอ่อนก็มิอาจปิดบังอำพรางร่างกายของนางได้เลย เพราะมันได้เปียกลู่จนเห็นเรียวขาอ่อน เอวขอด สามเหลี่ยมโหนกนูน และสะโพกผายตระการตา
“ว้าย! เกิดอะไรขึ้นกับข้า”
นางรีบยกมือปิดบังทรวงอกของตนเอง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย จำได้ว่าถูกปีศาจปลาฉุดกระชากลากลงไปในน้ำ นางพยายามต่อสู้ขัดขืนแต่ก็ไม่อาจต้านทานแรงของมันได้ ท้ายที่สุดนางจึงหมดสติไป ครั้นรู้สึกตัวตื่นก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของชายยาใจผู้มีนามว่า ‘หานตง’ เสียแล้ว
“ละ...แล้วคนอื่นๆ ไปไหนกันหมด”
นางเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเอาแต่นั่งนิ่ง ดวงตาคมปลาบจ้องจดมายังนางด้วยประกายแวววับไม่ต่างจากดวงตาเสือที่กำลังออกล่ากระต่ายสาว
เย่วสือรับรู้ได้ว่าแก้มนวลของนางกำลังสุกปลั่งจนเป็นสีผลท้อชมพูระเรื่อ นางเหลียวมองไปรอบกายเพื่อหลบสายตาคมคู่นั้น พบว่าสถานที่ที่นางและเขาอยู่ค่อนข้างมืดราวกับอยู่ในถ้ำ ข้างนอกมีม่านน้ำตกไหลแรงจนเกิดเสียงดังราวกับห่าฝนเทกระหน่ำก็ไม่ปาน
“เพื่อไม่ให้ใครรบกวนระหว่างถ่ายเทปราณเพื่อช่วยชีวิต ข้าจึงต้องนำท่านมาที่นี่เพียงลำพัง”
ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ใบหน้าของเขาเรียบเฉยจนคุณหนูจิ้งจอกขาวมิอาจประเมินได้เลยว่าเวลานี้เขากำลังคิดสิ่งใดในใจอยู่กันแน่ ท่าทางมิได้โอ้อวดหรือต้องการทวงบุญคุณ แต่กลับเป็นท่าทางนิ่งๆ สบายๆ ราวกับว่าเขาไม่เคยพานพบความทุกข์ร้อนใดๆ ในชีวิต
“ข้าขอบคุณเจ้ามาก บุญคุณนี้ข้าจะไม่มีวันลืม หากมีสิ่งใดต้องการให้ข้าช่วยเหลือ ขอได้โปรดเอ่ยปากอย่าได้เกรงใจ”
เย่วสือประคองตัวเองให้คุกเข่า แล้วค้อมตัวก้มคำนับชายหนุ่ม หานตงตกใจกับกิริยาเช่นนั้นของหญิงสาว เขาโผเข้ารับนางไว้เพื่อไม่ให้นางก้มคำนับเขา แต่การณ์กลับเป็นว่าเขาได้รวบร่างนางเข้ามากอดเสียแล้ว
“อะ...เอ่อ”
จิ้งจอกสาวใจเต้นแรง ตึก! ตึก! ตึก! มันเต้นระรัวราวกับเสียงกลองศึก อยากจะสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดแข็งแกร่ง แล้วสะบัดฝ่ามือตบลงบนใบหน้าของชายหนุ่มสักฉาดใหญ่ ทว่ามันกลับเป็นเพียงแค่ความคิด เพราะเรี่ยวแรงที่นางเคยมีบัดนี้ได้หดหายไปสิ้น เหลือทิ้งไว้เพียงความอ่อนระทวยราวกับเปลวเทียนลนไฟ
“ข้าถือว่าวาจาเป็นคำสัตย์ เมื่อเอ่ยปากไปแล้วย่อมไม่มีทางคืนคำ แล้วท่านล่ะถือคำพูดเป็นคำสัตย์หรือไม่”
หานตงก้มหน้าลงไปใกล้ๆ แล้วกระซิบถามจนลมหายใจร้อนเป่าลดลงบนหน้าผากของหญิงสาว
“นะ...แน่นอนอยู่แล้ว นี่เจ้าคิดว่าข้าพูดแล้วจะคืนคำงั้นเหรอ ข้าถือเรื่องบุญคุณเป็นใหญ่ ดั่งคำที่ว่ากินข้าวอย่าลืมความทรหดอดทนของควายม้า ร้อยด้ายอย่าลืมคนเลี้ยงตัวไหม”
เย่วสือสูดลมหายใจเข้าปอดลึก นึกโกรธที่ชายหนุ่มซักถามราวกับนางเป็นคนไม่มีสัจจะ พยายามจะสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดทว่าเขากลับกระชับวงแขนโอบรัดนางเอาไว้แนบแน่น
“อื้อ! ปล่อยข้านะ”
นางสะบัดเสียงห้วน พยายามสะบัดตัวออกแรงๆ ทว่ายิ่งนางดิ้นรนออกจากอ้อมกอดเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกอดรัดนางแน่นขึ้นราวกับจะกลั่นแกล้งกัน
“ข้ามีเรื่องจะขอร้องให้ท่านช่วย”
ทันทีที่เขาเอ่ยทวงสิ่งตอบแทนอ้อมแขนแข็งแกร่งก็คลายออกจนร่างบางเป็นอิสระ เย่วสือถอยกรูดไปไกลราวกับว่าการอยู่ใกล้เขาแม้เพียงเสี้ยวนาทีจะทำให้นางมีเขางอกขึ้นบนศีรษะเสียกระนั้น
จากนั้นนางจึงหันไปมองหน้าชายหนุ่มทันที ‘ช่วย’ เขามีเรื่องให้นางช่วยงั้นหรือ เรื่องอะไรกันเหตุใดน้ำเสียงของเขายามเอื้อนเอ่ยถึงทำให้นางรู้สึกใจกระตุกผิดจังหวะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ได้! ไม่ว่าเรื่องใดข้าจะช่วยเจ้า ถือว่าตอบแทนบุญคุณที่เจ้าช่วยชีวิตข้า ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ หรือต้องแลกด้วยชีวิตข้าก็จะทำ”
“เรื่องที่ข้าจะขอให้ท่านช่วย ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง ท่านไม่จำเป็นต้องแลกด้วยชีวิต อาจจะเหนื่อยบ้างแต่ข้ารับรองว่าความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดข้าจะเป็นคนรับเอาไว้เอง ข้าจะไม่ให้ท่านต้องเหนื่อยเลย ขอเพียงท่านยอมช่วยข้าก็พอ”
ประกายตาของชายยาใจวิบวับ อีกทั้งคำพูดที่แสนกำกวมกลับยิ่งทำให้แม่นางจิ้งจอกใสซื่อถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ
“ว่ามาเลย ข้าพร้อมช่วยเจ้าทุกอย่าง”
“ช่วยทำให้ข้าหายทรมาน”
“เจ้ากำลังทรมานงั้นเหรอ บาดเจ็บตรงไหน หรือว่าไอ้ปีศาจปลาบ้านั่นมันทำร้ายเจ้า”
นางปราดเข้าไปสัมผัสแขนแข็งแกร่ง ไล่มองไปตามเรือนร่างสูงใหญ่อย่างสำรวจ แล้วดวงตาก็ไปสะดุดอยู่บริเวณกึ่งกลางหว่างขาของชายหนุ่ม มีบางสิ่งบางอย่างกำลังตื่นอยู่ มันชูผงาดดันเนื้อผ้าที่เปียกลู่จนชี้ขึ้นเห็นเป็นท่อนลำใหญ่ยาวชัดเจน
แม้นางจะออกเรือนแต่งงานมีสามีแล้ว และแม้นางจะไม่ประสากับการสัมผัสชายหญิง แต่นางก็พอรู้จักเจ้าสิ่งที่กำลังแข็งชี้เด่ราวกับกำลังเชื้อเชิญให้ยื่นมือไปสัมผัส
“จะ...เจ้าไม่เป็นอะไรนี่ ไม่เห็นบาดเจ็บตรงไหนเลย”
เย่วสือละสายตาจากเจ้าสิ่งนั้นแล้วเสมองไปทางอื่น ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาของชายหนุ่มด้วยซ้ำไป ด้วยกลัวว่าเขาจะล่วงรู้ว่านางแอบมอง ‘ไอ้นั่น’ ของเขาเต็มสองตา
“ข้าทรมานตรงนี้”
หานตงจับมือหญิงสาวแล้ววางลงบนท่อนเอ็นยาวใหญ่แข็งขึงราวกับหินผา
“ว้าย!”
เย่วสือถึงกับชักมือกลับด้วยความตกใจ ง้างมือหมายจะตบที่จู่ๆ ชายหนุ่มก็ทำกิริยาจาบจ้วง ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้ทำในสิ่งที่คิด หานตงกลับรวบร่างบางเข้าไปกอดแล้วปิดริมฝีปากสีชาดเอาไว้แนบแน่นด้วยริมฝีปากหนาหยักได้รูป
จูบหวามฉกฉวยเอาแต่ใจ กระตุกเร้าให้นางเผยอริมฝีปากรับลิ้นร้อนให้เข้าไปค้นหาความหอมหวานอย่างง่ายดาย
“อะ...อื้อ...”
นางอ่อนระทวยร้อนผ่าวราวกับถูกไฟลามเลียไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว มือหนาสากค่อยๆ เลื่อนจากหัวไหล่ลงไปยังต้นแขน จากนั้นจึงเลื่อนลูบไปยังแผ่นหลังนวลเนียนอย่างเบามือ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าเปียกชุ่มออกจากเนื้อกายอุ่น