ซีรีส์อันว่าความรัก
เล่ม 1. อันว่าความรัก
ธีรัชนั่งมองวิวทิวทัศน์นอกรถด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเช่นนี้ เนื่องจากเขาชอบบันทึกภาพความทรงจำอันสวยงามของธรรมชาติเป็นที่สุด
เส้นทางที่จะเดินทางกลับไปนั้นคือบ้านเกิดเมืองนอนอันเป็นความทรงจำที่เขาไม่เคยลืมเลือน บ้านสวนริมน้ำที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มารดาได้ตามบิดาย้ายถิ่นฐานมาอยู่ปักษ์ใต้เป็นเวลานานหลายปีแล้ว จวบจนเขาเรียนจบที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของภาคใต้ และตอนนี้ทำงานเป็นช่างภาพอิสระ
การกลับมาในครั้งนี้มารดานั้นคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะถูกใจหญิงสาวที่ท่านเลือกเอาไว้ให้ หลังจากขยันหาบรรดาลูกสาวเพื่อนมาให้นัดเดต รับประทานอาหารกับเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่เขาไม่เคยคิดนึกชอบใครขึ้นมาเลยสักคนเดียว จนท่านออกปากว่าหากคนนี้เขาไม่ชอบอีก ท่านจะปล่อยวางในการจับคู่ให้เขา
ธีรัชผุดยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคิดถึงแผนการในใจ เขาจะรังเกียจผู้หญิงคนนั้นให้ถึงที่สุด จะแสดงท่าทีไม่อยากยุ่งเกี่ยวให้มารดาได้เห็น และเขาก็จะเป็นไทจากการถูกจับคลุมถุงชนอันน่าเบื่อหน่ายนี้ไปเสีย
เขานึกอยากรู้ว่ามารดาจะหาผู้หญิงคนไหนให้เขา นึกไปถึงที่บ้านสวนนั้นเท่าที่จำได้ก็มีอยู่หลายคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันหรืออายุน้อยกว่า คงเป็นลูกบ้านไหนสักบ้านที่ท่านคิดว่าเขาจะชอบ และถูกใจจนยอมตกล่องปล่องชิ้นกับเจ้าหล่อนสินะ
ธีรัชยังนึกไปว่าหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขานั้นคงมีสามีและมีลูกเป็นโขยงกันไปหมดแล้ว ปีนี้เขาอายุสามสิบสาม คนรุ่นเดียวกันก็อายุสามสิบขึ้นไป จะมีสาวรุ่นดรุณีแรกแย้มที่ไหน นอกจากเด็กเพิ่งคลอดหลังจากเขาห้าถึงสิบปี หลังจากที่เขาย้ายจากอยุธยาไปอยู่ปักษ์ใต้เมื่อสิบกว่าปีก่อน
บิดาของเขาปลดเกษียณก็ปรึกษากับมารดาว่าต้องการจะย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง เขาก็ไม่ติดขัด พวกท่านมีเขาเป็นลูกคนเดียว แม้จะเป็นชายแต่เขาก็ปรนนิบัติบิดามารดาได้ไม่แพ้ผู้หญิง คิดว่าพวกท่านเป็นผู้มีพระคุณและให้กำเนิดเขาขึ้นมาด้วยความรัก
แต่นี่กระมังคงเป็นสาเหตุให้พวกท่านอยากให้เขาเป็นฝั่งเป็นฝา จะได้มีคนดูแล
เขาทำอาชีพอิสระจึงสามารถย้ายถิ่นฐานไปไหนมาไหนได้สะดวก นี่ถือว่าเป็นเรื่องดีของงานประเภทนี้ ตอนเรียนจบใหม่ๆ เขาเคยทำงานบริษัทเป็นพนักงานเงินเดือนอยู่หลายปีก่อนจะลาออกมาทำงานที่ตัวเองรักเต็มเวลาพร้อมด้วยการพักผ่อนที่ยาวนานเท่าที่จะพักได้
“ถึงแล้วจ้ะ” บ้านสวนที่ถูกปิดมาหลายปีนั้นมีญาติๆ ของมารดามาช่วยดูแลและทำความสะอาดให้อยู่เนืองๆ บิดามารดาไม่ใคร่ได้กลับมาที่นี่สักเท่าไหร่ หรือกลับมาก็แค่เพียงเทศกาลต่างๆ เท่านั้น เรียกว่าปีละครั้งได้กระมัง
ธีรัชเงยหน้ามองบ้านเรือนไทยหลังใหญ่แล้วอมยิ้ม แรกเริ่มเดิมทีอารมณ์ของเขาขุ่นมัวเล็กน้อยกับความกระตือรือร้นอยากให้เขาได้เจอกับหญิงสาวที่ท่านหมายตาเอาไว้ ท่านกลับมาอยุธยาเมื่อเดือนที่แล้วเพื่อให้ญาติๆ ช่วยกันทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่และขนข้าวขนของกลับมาอยู่ที่นี่ ส่วนสิ่งไหนที่ไม่จำเป็นท่านก็บริจาคให้เพื่อนบ้านที่ปักษ์ใต้ไปจนหมด ด้วยว่ามารดาเป็นคนเอื้อเฟื้อและมีน้ำใจต่อญาติมิตรอยู่เสมอ จึงมีกัลยาณมิตรที่ดีคอยช่วยเหลืออยู่เนืองๆ
ตอนที่บิดามารดาเร่งขนข้าวขนของกลับอยุธยานั้น เขาติดงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซียเลยไม่ได้มาช่วย เลยนึกอยากรู้อยู่เหมือนกันว่าท่านกลับมาเจอหญิงสาวนางใด ถึงได้ถูกอกถูกใจจนอยากให้เขาตกล่องปล่องชิ้นกับหล่อนเสียขนาดนี้
นัยว่าไปชิมอาหารสาวเจ้าแล้วติดใจ ทำอย่างกับจะออกเรือนไปกับเจ้าหล่อนเสียอย่างนั้น ธีรัชเผยยิ้มกับสิ่งที่มารดากระทำ ถึงจะไม่ชอบใจเรื่องการโดนบีบบังคับให้แต่งงาน แต่เขาก็ไม่ได้ต่อต้านโต้เถียงให้โกรธเคืองกัน เช่นไรก็เป็นบิดามารดา เขามีวิธีการให้ท่านล่าถอยไปเอง
“ที่นี่ยังอากาศดีเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“จ้ะ แม่จัดห้องให้ธีเรียบร้อยแล้วนะ” คุณธาริกาบอกลูกชาย ส่วนคุณเพิ่มนั้นเดินขึ้นไปนั่งพักบนบ้านก่อนหน้านั้นแล้ว
“ขอบคุณครับ”
“เราอยากเจอว่าที่เจ้าสาวหรือยังล่ะ”
“ดูพูดเข้าสิครับคุณแม่ ถามเขาหรือยังครับว่าอยากได้ผมเป็นเจ้าบ่าวหรือเปล่า” เขาพูดขำๆ แต่เอาจริงๆ เขาไม่ยอมโดนคลุมถุงชนแน่ๆ คุณธาริกาค้อนลูกชายก่อนจะยิ้มเอาใจ
“เขาน่ารักนะคนนี้ เรียบร้อยอ่อนหวาน ทำกับข้าวอร่อยอย่าบอกใคร”
“คุณแม่ก็ทำกับข้าวอร่อยนี่ครับ”
“เกี่ยวอะไรกับแม่”
“ถ้าผมอยากกินกับข้าวอร่อยไม่จำเป็นต้องมีเมียก็ได้นี่ครับ”
“ขึ้นคานแล้วรู้ไหม สามสิบสามแล้วยังไม่มีเมีย”
“การแต่งงานต้องมีอะไรมากกว่านั้นนะครับ ไม่ใช่แค่ทำกับข้าวอร่อย เธออาจจะมีข้อเสียอย่างอื่นที่ผมรับไม่ได้ก็ได้” เขาพูดอย่างใจเย็น
“ก็ไม่เห็นชอบใครสักคน ถ้าไม่บอกว่าแมนทั้งแท่งแม่นึกว่าลูกแม่ไม่ชอบผู้หญิงเสียอีก”
“ก็ว่าไปโน่น” เขาส่ายหน้าไปมากับความคิดของมารดา
“แม่อยากอุ้มหลาน”
“ผู้ชายแต่งงานสี่สิบห้าสิบก็ได้นี่ครับ”
“แม่คงรอไม่ไหว ตายเสียก่อน”
“ทำไมแช่งตัวเองแบบนั้นล่ะครับ ผมว่าที่นี่วิวสวย บรรยากาศดี ผมขอไปถ่ายรูปสักครู่นะครับ” เขารีบเอ่ยขอตัวและคว้ากล้องถ่ายรูปเดินออกไปริมคลอง
“อีกหนึ่งชั่วโมงได้เวลาอาหารเย็นนะลูก อย่ากลับมาช้าล่ะ” เสียงของมารดาดังขึ้น เขารู้ว่าดีว่าอาหารเย็นของท่านคือการชวนแขกคนสำคัญมาร่วมรับประทานอาหารด้วย เขาจะกลับไปสายให้ต้องรอ คะแนนความนิยมของเขา จะได้ตกฮวบฮาบเพราะเป็นคนไม่รักษาเวลา ผู้หญิงมักหงุดหงิดที่ต้องให้รอและตำหนิเขาอยู่ในใจแน่ๆ
ธีรัชถ่ายรูปต้นไม้ใบหญ้า นกตัวเล็กๆ ที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ ท่าน้ำและเรือที่สัญจรผ่านไปมา เขาหมุนกายไปตรงตลิ่งเจอเข้ากับหญิงสาวนางหนึ่ง เธอเกล้าผมเป็นมวยอยู่กลางกระหม่อมกำลังเด็ดดอกไม้อยู่ตรงนั้น มือหนายกกล้องถ่ายรูปขึ้นกดชัตเตอร์บันทึกภาพหญิงสาวแสนน่ารักคนนั้นเอาไว้
รักแรกพบมีจริงไหมไม่รู้ แต่ทำไมหัวใจของเขาถึงได้เต้นแรงแทบจะโลดออกมาจากอกได้ถึงเพียงนี้ เขาเปิดภาพที่ตัวเองถ่ายแล้วผุดยิ้มที่มุมปาก เธอเดินจากไปแล้ว ทำให้เขานึกอยากรู้ว่าเธอเป็นใครกัน แล้วความทรงจำเก่าๆ ก็กลับมา บ้านเรือนไทยที่อยู่ใกล้ๆ กันคือภาพเด็กหญิงหัวฟู ผมหยิก ตัวอ้วน และใส่แว่นตาหนาเตอะผุดขึ้นมาในหัว แต่คงไม่ใช่... นั่นคือสิ่งที่ธีรัชคิดในใจ
“ธี” เสียงของมารดาทำให้ธีรัชสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมอง
“ไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้วจ้ะ” นึกอยากไปให้สายสักครึ่งชั่วโมง เขาก็ต้องพับเก็บความคิดนั้นไปเสีย แต่การทำให้ผู้ใหญ่รอนานขนาดนั้นคงไม่ดีแน่ ธีรัชจำต้องเดินตามมารดาไปอาบน้ำอาบท่าเพื่อรับประทานอาหารเย็น
“ยังไม่จัดโต๊ะอาหารเหรอครับ” ธีรัชถามอย่างแปลกใจเมื่อไม่เห็นอาหารบนโต๊ะ
“ไม่จ้ะ เราไปรับประทานอาหารกันที่บ้านของว่าที่เจ้าสาวของลูก”
“อ้าวเหรอครับ ผมนึกว่าเราจะรับประทานอาหารกันที่บ้านเสียอีก”
“บ้านโน้นเขาจัดอาหารเอาไว้รอแล้วจ้ะ เรามากันเหนื่อยๆ เลยเลี้ยงต้อนรับเสียเลย แม่เองก็ทำอาหารไม่ไหวเหมือนกัน”
“ครับ” เขาไม่ได้พูดว่าอะไร นึกอยากรู้ว่ามารดาจะพาไปรับประทานอาหารเย็นบ้านหญิงสาวคนไหนในละแวกนี้ เขาก็ไม่ได้เอ่ยถาม เดินตามไปเงียบๆ แต่ท่านแค่เดินลัดเลาะมายังบ้านข้างๆ เท่านั้นทำให้ธีรัชนึกแปลกใจไม่น้อย
หัวใจของเขาเต้นแรงยามนึกถึงหญิงสาวก่อนหน้า ถ้าเขามาที่นี่คงได้เจอเธออีก
“ธีไหว้คุณยายจิตรสิลูก จำคุณยายได้ไหม” เสียงของมารดาทำให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิด
“จำได้ครับ” เขาเอ่ยตอบหลังจากยกมือไหว้