“นาเนียร์ เธอจะตายเอา”
เสียงกระเส่าตามแรงอารมณ์ที่เริ่มจะอยู่เหนือการควบคุม มือเล็กซุกซนป้วนเปี้ยนลงต่ำ ทำให้เพลิงรู้เจตนาของคนบนตัก เธอพยายามจะกระตุ้นเขา แต่จะรู้ไหมว่า คนอย่างเขาไม่ต้องกระตุ้นก็ได้ เขาพร้อมเสมอถ้าคนๆนั้นเป็นเธอ เธอที่เขาอดทนเฝ้ารอมานานกว่าห้าปี
เขาเคยเจอเธอเมื่อห้าปีก่อน เจอที่ผับของตัวเองนี่แหละ ตอนนั้นตั้งใจจะไปหาเรื่อง เพราะเธอแอบเข้ามาในผับทั้งที่อายุไม่ถึงยี่สิบ แต่วันนั้นเป็นโชคดีของเธอ เพราะมากับพี่ชายซึ่งเป็นลูกบุญธรรมของพ่อเขา เธอจึงรอดตัวไป หลังจากนั้นเขามีโอกาสได้เจอเธออีกครั้ง ในงานแต่งงานของพี่ชายคนนั้น ตั้งใจจะเข้าไปคุย แต่มีเรื่องให้ต้องจากไปซะก่อน
ความรู้สึกที่ไม่ได้ทำให้สำเร็จในสองครั้งแรก ทำให้เขาตั้งมั่นว่าจะเข้าไปทำความรู้จักกับเธอให้ได้ และเขาก็ทำมันได้ แม้จะไม่ใช่การทำความรู้จักแบบที่คนอื่นๆเขาทำ แต่เป็นการเข้าไปป่วนอารมณ์เธอให้ว้าวุ่น เธอโดนเขาป่วนซะหัวหมุนเลย ซึ่งแน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ต่างกัน
เด็กสาววัยคะนองในวันนั้น ยิ่งโต ก็ยิ่งสวย เธอสวยจนถูกหลายคนยกให้เป็นนางฟ้าในชุดกราว แต่เขาว่าไม่ใช่หรอก ถ้ารู้จักตัวตนจริงๆของเธออย่างที่เขารู้จัก จะรู้ว่าเธอเป็น ‘นางมาร’ มากกว่า ‘นางฟ้า’
“ตายเพราะพี่เพลิง มันน่าจะคุ้ม”
ใบหน้ายั่วยวน ริมฝีปากเผยอขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ยกมือปัดเส้นผมสีดำที่ประระใบหน้าขึ้น ขยับสะโพกส่ายไปมา มองจ้องด้วยสายตายั่วอารมณ์
“โดนตัวไหนวะเนี่ย!”
ผู้หญิงที่ปกติมีแต่ไล่ให้เขาไปไกลๆ วันนี้กลับเอาตัวมาชิดใกล้เขาซะเอง อยากรู้นักว่าโดนยาตัวไหน เขาอุตส่าห์รอวันที่จะได้ครอบครองเธออย่างถูกต้อง กลับมาโดนเธอชิงตัดหน้าถวายตัวให้เพราะยาปลุกเซ็กส์ มันน่าหงุดหงิดที่สุด
“ไม่รู้ อย่าถามได้ไหมอ่า”
“เห้อ! ไม่กลับสินะ?”
“อือ”
“งั้นกอดไว้แน่นๆ”
พรึ่บ
“อื้อ พี่เพลิงถ้าเนียร์ตกขึ้นมา”
“ก็บอกให้กอดไว้แน่นๆไง”
มือเล็กกอดรอบลำคอแน่นขึ้น ขยับเรียวขากอดรอบเอวสอบไว้อย่างกลัวตก มองประตูห้องที่กำลังห่างออกไปด้วยใจระทึก เสียงเปิดประตูอีกบาน ที่อยู่ด้านในสุดของห้องขนาดใหญ่ ทำให้หันไปมอง เตียงสีดำสนิทที่ตั้งอยู่กลางห้อง ทำให้ต้องกลืนน้ำลายลงคอ
อึก!
“หึ! พร้อมจะตายหรือยัง?”
เสียงกลืนน้ำลายของคนตัวเล็ก ดังจนหลุดหัวเราะออกมา เดินเข้าไปวางคนในอ้อมกอดลงบนเตียงสีดำสนิท วางที่ไม่ค่อยต่างจากคำว่าโยน ทำให้ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บ
ตุบ!
“เบาๆหน่อยสิ!”
“เธอต้องเจอหนักกว่านี้อีก”
“รู้แล้วน่า! ทำไมต้องขู่ให้กลัวด้วย”
แหวเสียงสั่น ทำปากขมุบขมิบด่าอยู่ในใจ มองคนตัวโตนิ่งๆ จะทำอะไรก็ทำสักที มาขู่แบบนี้มันกลัวรู้ไหม
“อยากให้กลัว”
แววตาวูบไหวไปมา กระชากเสื้อจนกระดุมทั้งหมดขาดออกจากรังดุม ทำทุกอย่าง พูดทุกคำ เพื่อให้คนตัวเล็กเปลี่ยนใจ เขาไม่ชอบฉวยโอกาส แต่ถ้าเธอยังฝืนจะเดินหน้าต่อ เขาคงใจดีด้วยไม่ได้จริงๆ
“ไม่ ไม่กลัวหรอก”
เสียงหวานสั่นระริก ลำตัวสั่นเทิ้มจนคุมไม่อยู่ แต่ถามว่ากลัวไหม? เธอไม่กลัวหรอก ผีก็เคยเจอมาแล้ว เขาที่แตะต้องได้ ห่างไกลจากคำนั้นมาก
“หึ! ก็ดี”
ร่างสูงขยับตัวขึ้นไปคร่อมทับ บังคับให้คนตัวเล็กอยู่ใต้อาณัติโดยใช้สายตา มือหนากระชากชุดสีดำออกอย่างขัดใจ ชุดดีๆมีมากมายทำไมไม่ใส่ ใส่ชุดล่อตาล่อใจผู้ชายออกมาเที่ยว เกิดอะไรขึ้นมา รับผิดชอบตัวเองก็ไม่ได้
“อือ โกรธอะไรก็ไม่รู้”
บ่นขมุบขมิบอย่างน้อยใจ ยกมือโอบรอบลำคอหนาไว้ ดึงลงมาใกล้จนลมหายใจคนด้านบนเป่ารดแก้ม
“อย่าโกรธกันเลยนะคะ เนียร์ยอมแล้ว”
น้ำเสียงออดอ้อน และใบหน้าอ่อนลงอย่างยอมแพ้ตามที่พูดมา ทำหัวใจคนมองกระตุกวูบขึ้นมาอย่างรู้สึกผิด แต่คิดว่าทำแบบนี่แล้วจะหายโกรธเหรอ?
โอเคหายแหละ แต่มันได้ผลตรงข้ามกับสิ่งที่เธอต้องการ เธอคงต้องการให้เขาอ่อนโยนเลยทำแบบนี้ใส่ แต่เขาคิดว่าตัวเองคงทำแบบนั้นให้เธอไม่ได้
“อืม! ลุกขึ้นมา”
“อะไรอีกล่ะ”
“ทำให้หน่อย”
“ทำอะไร! ทำไม่เป็น!”
“ไม่เป็นก็ต้องทำ”
เพลิงขยับไปนอนพิงหลังเข้ากับหัวเตียง ท่าทางแสนเย้ายวนชวนคนมองน้ำลายสอ มาลีญานั่งนิ่ง ในสมองคิดไปหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาเข้ามาป่วนชีวิตเธอตลอดสี่ปี ตัวตนของเขา รวมถึงเหตุผลที่เขาทำแบบนั้น
คุณเพลิงตรงหน้าเป็นผู้ชายไร้ที่ติ เขาไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ อันนี้เธอไม่ค่อยมั่นใจ แต่เธอไม่เห็นเขาควงใครเลยตลอดสี่ปี ไม่ว่าจะบังเอิญเจอ หรือมีธุระให้ต้องเจอกัน ข้างกายเขาไม่มีผู้หญิงเลย แล้วเขาต้องการอะไรจากผู้หญิงอย่างเธอ ผู้หญิงที่ไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาเลย
“กลับบ้านเถอะ นาเนียร์”
รอยยิ้มมุมปากยกขึ้นนิดๆ เป็นรอยยิ้มที่คนยิ้มรู้ดี ว่ามันเป็นความพอใจ มากกว่าจะเป็นความรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่คนมองเข้าใจ คนตัวเล็กลนลานคลานเข้าไปใกล้ ด้วยเข้าใจว่าตัวเองชักช้าจนทำให้เขาหงุดหงิด มือเล็กปลดตะขอกางเกงออก รูดซิปลงด้วยมือสั่นเทา
ปึก!
“อ๊ะ!”
สิ้นเสียงร้อง ร่างเล็กก็ฟุบใบหน้าลงบนตัก สติสัมปชัญญะหมดลงไปทันที คนที่วาดมือลงบนหลังคอเล็กหนักๆ ได้แต่ถอนหายใจ เขาหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ ตอนที่เห็นเธอมือสั่น
เธอยังไม่พร้อมจริงๆ ซึ่งเขารอได้ ให้รอต่อไปจนถึงวันที่เธอได้เป็นของเขาอย่างถูกต้องก็ได้ มันคงจะรู้สึกดีมากกว่าทำไปเพราะฤทธิ์ยา
“เอริก!”
เพลิงตะโกนเสียงดัง เรียกมือขวาคนสนิทซึ่งประจำอยู่หน้าห้องเข้ามาสั่งงาน ขยับคนที่ฟุบอยู่บนตักนอนลงข้างๆด้วยท่าทางสบายกว่าเดิม ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกายแสนหวงแหนไว้ ไม่นานเอริกมือขวาคนสนิทก็เปิดประตูห้องเข้ามา
“ไปจัดการให้สิ้นซาก”
“ครับ”
เอริกรับคำ หมุนตัวเดินจากไปเพื่อทำตามคำสั่ง แม้คำว่าสิ้นซาก จะหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ แต่มันคงเหมาะสมแล้ว สำหรับคนที่บังอาจมาแตะต้องหัวใจของเจ้านาย