บทที่23) แสบถึงทรวง

1256 Words
"ไอ้ชะมด! มึงคิดจะทำอะไร" สาลี่ที่พึ่งกลับมาจากให้อาหารปลาคาร์ฟเอ่ยถามชายที่อาวุโสกว่าเธอสี่ปีอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นักเมื่อได้เห็นว่าชายหนุ่มกำลังเข้ามาวุ่นวายกับข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของเธอ "มาช่วยนังดาวเรืองมันย้ายสัมภาระของคุณสุนิสาไปไว้ที่เรือนใหญ่ตามคำสั่งของคุณอนุชัยครับ" ชะมดกล่าวตอบโดยที่ไม่ได้หันหน้ากลับมามองหญิงสาว ก่อนจะยื่นมือไปรับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ดาวเรืองส่งมาให้ "หวาม่า" (ไหวไหม) ดาวเรืองเอ่ยถามเพื่อนคนงานด้วยกันอย่างนึกเป็นห่วง ด้วยว่ากระเป๋าของเจ้านายสาวนั้นค่อนข้างที่จะใบใหญ่พอตัวอยู่ทีเดียว "อืม แกไปพักเถอะดาวเรืองเดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการต่อเอง เดี๋ยวโรคหอบแกกำเริบขึ้นมาแล้วจะยิ่งยุ่งกันไปใหญ่" ชะมดแตะไหล่เล็กของดาวเรืองเบาๆ และหญิงสาวก็ยินยอมที่จะทำตามคำแนะนำของเขาแต่โดยดีเช่นเดียวกัน "ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละไอ้ชะมด ฉันจะอยู่ที่นี่ ที่เพิงของฉัน" ขมับสวยนั้นเริ่มที่จะมีเม็ดเหงื่อแห่งความหวาดระแวงขึ้นมาให้เห็น เนื่องด้วยกลัวว่าตัวเองจะโดนไฟท์เตอร์และชะมดเข้ามากลั่นแกล้งในตอนที่เธอกำลังเผลอนั่นเอง "ชะมดเตือนด้วยความหวังดีนะครับว่าขอให้คุณสุนิสารีบเดินตามชะมดไปดีๆ เสียตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่คุณอนุชัยเขาจะเดินลงมาแบกหามคุณขึ้นไปเรือนใหญ่ด้วยตัวของเขาเอง" ชะมดที่สัมผัสได้ถึงความหวาดระแวงในดวงตาคู่สวยนั้นก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมา หากแต่ก็ยังไม่วายที่จะออกปากขู่เด็กสาวรุ่นน้องออกไปแบบนั้นเพราะความรู้สึกมันเขี้ยวหญิงสาว "กูไม่ไป! เรื่องอะไรที่กูจะต้องโง่เดินไปให้ไอ้หมอนั่นมันแกล้งถึงที่ กูจะอยู่ที่นี่ แค่ที่นี่เท่านั้น กรี๊ด! งู! ไอ้ชะมด! งู! กรี๊ด! เอามันออกไป! เอามันออกไปเดี๋ยวนี้นะ!" "ฮ่าๆๆ" อนุชัยที่ทำการโยนงูของเล่นเสมือนจริงทิ้งไปบนใบหน้าสวยของสุนิสาตรงเข้ามาแปะมือกันกับชะมดอย่างคนที่รู้ใจกัน "ไอ้ไฟท์เตอร์! ไอ้คนบ้า!" "ไอ้เลยเหรอวะ!" ใบหน้าที่เคยฉีกยิ้มเสียจนตาหยีเพราะรู้สึกสะใจที่กลั่นแกล้งม้าจอมพยศอย่างสุนิสาได้สำเร็จ ก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งไร้ซึ่งความทะเล้นเช่นที่เคยในทันทีที่เขาได้ยินสรรพนามแทนตัวเขาเองว่า 'ไอ้' ออกมาจากปากเล็กๆ ของสุนิสา "คะ...คือ" สาลี่ที่เห็นดังนั้นก็เริ่มที่จะรู้สึกหวาดกลัวคนตรงหน้าขึ้นมาเสียจนเนื้อตัวสั่นไปทั่วสรรพางค์กาย "ขอโทษค่ะ สาลี่ตกใจก็เลยพูดจาไม่ดีแบบนั้นออกไป" ก่อนหญิงสาวจะตัดสินใจเอ่ยคำขอโทษออกมาด้วยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งนี้ว่ามันอาจจะช่วยลดอาการเคืองขุ่นของอนุชัยได้ "เก็บของคุณสุนิสาครบหมดทุกอย่างรึยังไอ้ชะมด" ใบหน้าหล่อคมคายเริ่มผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำขอโทษออกมาจากปากของหญิงสาว และสิ่งนี้มันก็ทำให้สุนิสารู้สึกหายใจได้ทั่วท้องอย่างไม่ต้องสงสัย "เรียบร้อยแล้วครับนาย จะเหลือแค่จัดห้องหับใหม่บนเรือนใหญ่ครับนาย" ชะมดส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับเด็กหญิงตัวน้อยอย่างนึกเอ็นดูหญิงสาวขึ้นมา ก่อนจะออกแรงลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของสาลี่กลับไปบนเรือนใหญ่ โดยที่มีร่างเล็กๆ ของสาลี่เดินตามหลังชะมดไปติดๆ "เธอจะไปไหนสาลี่" หากแต่ไฟท์เตอร์กลับไม่ยอมที่จะให้หญิงสาวทำแบบนั้น "ใครบอกให้เธอไป" "นายจะเอาอะไรกับฉันนักหนาไฟท์เตอร์ ฉันเหนื่อยแล้วนะ" สาลี่ก้มลงมองมือใหญ่ที่กำลังเกาะกุมอยู่รอบข้อมือของตัวเองอย่างเริ่มที่จะรู้สึกเหนื่อยอ่อนกับการกระทำที่ไร้ซึ่งเหตุผลของคนตรงหน้า "พี่ไฟท์ขา..." สาลี่รีบชักมือของตัวเองกลับในทันทีที่เธอได้ยินเสียงปริศนาดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของตัวเอง ก่อนที่เธอจะเจอผู้หญิงในชุดเดรสสีหวานคนหนึ่งที่กำลังส่งรอยยิ้มละมุนละไมมายังไฟท์เตอร์และจงใจที่จะมองข้ามเธอที่ยังคงยืนอยู่ในที่แห่งนี้เสียอีกด้วย "ครับเชอร์รี่" ไฟท์เตอร์ขานรับให้กับผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงสุภาพ สาลี่ที่เห็นดังนั้นจึงเลือกที่จะเลี่ยงตัวเองออกมาทันทีอย่างไม่อยากจะเสียมารยาทไปมากกว่านี้ "เธอคือภรรยาของพี่ครับ สาลี่" ไฟท์เตอร์ฉุดรั้งข้อมือเล็กนั้นเอาไว้ในกำมือ ก่อนจะออกปากแนะนำสถานะของสาลี่ให้เชอร์รี่ได้รับรู้ "เรียนจบชั้นมัธยมปลายหรือยังเอ่ย ทำไมถึงดูเด็กจังเลยคนสวย" เชอร์รี่จิกกัดสาลี่ด้วยสายตาด้วยความไม่พอใจเมื่อได้รับรู้ว่าตำแหน่งที่ตัวเองเฝ้าฝันมาเนิ่นนานนั้นมันได้ตกไปเป็นของสาลี่แล้วเป็นที่เรียบร้อย "พี่ไฟท์เตอร์" "หืม" ไฟท์เตอร์ขานรับสาลี่ที่จู่ๆ ก็เอ่ยเรียกตัวเองอย่างรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อยว่าหญิงสาวนั้นมีแผนการณ์อันใดซุกซ่อนอยู่อีกหรือไม่ "คุณเชอร์รี่เธอกำพร้าพ่อกับแม่หรือเปล่าคะ" สาลี่ที่หยั่งรู้ได้ว่าคนตรงหน้าไม่พึงพอใจกับสถานะที่อนุชัยพึ่งจะยกมันให้กับเธอก็ตรงเข้าควงแขนกำยำนั้นอย่างจงใจจะเย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตัวเองนั้นปรารถนาที่จะรู้ "มะ...เอ่อ...ไม่ครับ พ่อกับแม่ของเชอร์รี่...ท่านทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่...ครับ" นาทีนี้นี่เองที่อนุชัยแทบจะหลุดหัวเราะออกมา ด้วยพอที่จะรับรู้ได้แล้วนั่นเองว่าสุนิสากำลังจะเอ่ยอะไรออกมาต่อจากคำตอบนี้ของเขา "ก็เห็นทำตัวเหมือนไม่มีพ่อแม่คอยอบรมสั่งสอน สาลี่ก็เลยคิดว่าคุณเชอร์รี่เธอใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวเอาเสียอีก!" "กรี๊ด! แก! อีเด็กบ้า! แกกล้าดียังไงถึงมาพูดแบบนั้นกับฉัน กรี๊ด!" "*เต้นนกเอี้ยง*เข้ามาสินังผีเปรต! ตบกู กูสวนนะบอกเลย!" สาลี่สะบัดมือของไฟท์เตอร์ที่เกาะกุมตัวเองอยู่ให้ออกห่างไป ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นอย่างเตรียมพร้อมสำหรับการปะทะกับหญิงสาวรุ่นพี่ที่ชื่อว่าเชอร์รี่ "ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!" เชอร์รี่ที่ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ที่มีดีแค่ฝีปากดึงฝ่ามือของตัวเองลงมาแนบตัวในทันทีที่พอที่จะสัมผัสได้แล้วว่าสาลี่นั้นไม่ได้เป็นเพียงมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ตัวเองจะบี้บดทำลายได้แต่โดยง่าย ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าของตัวเองออกไปให้ห่างจากเด็กสาวรุ่นน้องในทันที "มองอะไร!" ดวงตาคู่สวยตวัดขึ้นมองสามีตีทะเบียนของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์นักเมื่อพบว่าชายหนุ่มนั้นกำลังจดจ้องมายังเธออย่างไม่ลดละสายตา "เต้นนกเอี้ยงคืออะไรเหรอสาลี่..." ้เออ ก็เต้นนกเอี้ยงเข้ามาสินังเชอร์รี่ 🤣 ป.ล. เต้นนกเอี้ยงนั้นมีความหมายประมาณว่าท้าทายฝ่ายตรงข้ามให้ตรงเข้ามาปะทะกับตัวเองนั่นเองจ้า ป.ล. 2 เหยินคนใต้ป้ายนครศรีธรรมราชค่ะ 🥰
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD