บ้านบริบูรณ์ทินยไท
"ใครมาวิไล" ทรงวุฒิที่กำลังนั่งอ่านข่าวออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือเอ่ยถามภรรยาที่นั่งอยู่ใกล้กัน หลังจากที่เขาได้ยินเสียงกดออดดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน
"แฟนสาลี่เองค่ะคุณพ่อ" สาลี่ในชุดเดรสสีขาวสุภาพเอ่ยบอกบิดาด้วยน้ำเสียงสดใส "วันนี้สาลี่ตั้งใจจะพาเขามาไหว้คุณพ่อคุณแม่ค่ะ"
"สรุปแล้วที่แกบอกฉันว่าแกมีแฟนของแกอยู่แล้วมันเรื่องจริงสินะ" แม้ทรงวุฒิจะมีท่าทีไม่พอใจอยู่ในทีแต่สุดท้ายเขาก็ต้องพยายามที่จะข่มกลั้นเอาไว้แล้วรอคอยที่จะสาดแรงอารมณ์ใส่ลูกสาวอีกคราในทันทีที่แขกคนดังกล่าวได้เดินทางออกจากบ้านของเขาไปแล้ว
"ใช่ค่ะคุณพ่อ เดี๋ยวยังไงสาลี่ไปเปิดประตูให้พี่สันต์ก่อนนะคะ พี่สันต์เขารอนานแล้วค่ะ" สาลี่รู้ดีว่าพ่อของเธอนั้นรักและหวงแหนในชื่อเสียงและหน้าตาของวงศ์ตระกูลของตัวเองยิ่งกว่าสิ่งไหน นั่นจึงทำให้เธอนั้นยิ่งมั่นใจได้ว่าพ่อของเธอก็จะไม่มีวันที่จะขับไล่ให้คมสันต์ออกไปจากบ้านอย่างแน่นอน
"ลูกสาวคุณทำให้ผมปวดหัววิไล ตอนเขาจะให้หมั้นไม่หมั้น พอถึงคราวจะหมั้นก็ส่งผู้ชายมาเซอร์ไพรส์ให้พ่อกับแม่ถึงกระไดเรือน" ทรงวุฒิว่าอย่างรู้สึกหงุดหงิดหากแต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ด้วยว่าเขาเองก็ยังคงมีเรื่องที่คิดการณ์ให้ลูกสาวออกเรือนตั้งแต่อายุสิบสี่ติดชนักหลังของเขาอยู่นั่นเอง...
"แต่งกับใครมันก็เหมือนกันจริงไหมทรงวุฒิเพราะอย่างไรเสียคุณเองก็ปรารถนาที่จะมีลูกเขยมานานหลายปีแล้วไม่ใช่หรือไง อีกอย่าง.... ใครมันจะไปรู้ว่าบางทีสิ่งที่ลูกสาวของเราจัดหามาเองมันอาจจะดีกว่าสิ่งที่ที่เราพยายามปั้นแต่งมันให้กับลูกสาวก็เป็นได้"
วิไลกล่าวตอบผู้เป็นสามีอย่างสุภาพพร้อมด้วยรอยยิ้มกริ่มแห่งความภาคภูมิใจที่เธอสามารถที่เอาชนะทรงวุฒิได้เป็นครั้งแรกในชีวิต
"รู้แล้วน่า" เมื่อถูกต้อนเสียจนไร้ซึ่งหนทางจะดิ้นหนี ทรงวุฒิจึงทำได้เพียงแค่ยอมรับในความพ่ายแพ้แต่โดยดี
"พี่สันต์ นี่คุณพ่อทรงวุฒิ คุณพ่อของสาลี่ค่ะ นี่คุณแม่วิไล คุณแม่ของสาลี่ค่ะ"
"สวัสดีครับคุณพ่อ สวัสดีครับคุณแม่"
"ตาสันต์!" วิไลที่ลุกพรวดจากเก้าอี้ที่กำลังนั่งด้วยความยินดีระคนแปลกใจในทันทีที่พบว่าแท้จริงแล้วว่าที่ลูกเขยของเธอและสามีนั้นก็คือเด็กชายคนหนึ่งที่เธอกับลูกสาวเคยช่วยเหลือในเรื่องค่ารักษาพยาบาลของแม่เขานี่เอง
"รู้จักเขาด้วยรึวิไล" ทรงวุฒิหรี่ตาลงมองชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบต้นๆ ที่ยืนอยู่ข้างๆ สาลี่ด้วยความไม่พอใจที่ได้รับรู้ว่าภรรยาของเขาจะรู้จักมักคุ้นกันกับชายหนุ่มเป็นอย่างดี
"วิไลกับสาลี่เคยช่วยเหลือเขาในเรื่องค่ารักษาพยาบาลของแม่เขาค่ะทรงวุฒิ" เพราะไม่อยากให้ทรงวุฒิคิดเอาไปเองจนถึงขั้นที่ว่าเธอนั้นเป็นหญิงแพศยา วิไลจึงรีบออกปากอธิบายให้คนเป็นสามีได้เข้าใจในทันที
"แม่เธอป่วยเป็นอะไร" ทรงวุฒิเริ่มผ่อนคลายตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังเป็นเจ้าบ้านที่เสียมารยาทกับแขกผู้มาเยือน "นั่งก่อนสิ"
"ขอบคุณครับคุณพ่อ" คมสันต์ก้มลงไหว้ชายรุ่นพี่ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งพร้อมๆ กันกับสาลี่ที่นั่งลงข้างๆ กัน
"แม่ของสันต์ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายครับ"
"น่าเห็นใจจริง" ทรงวุฒิกล่าวจากใจจริง ด้วยเขานั้นไม่เคยที่จะมีโรคภัยมาคอยรุมเร้าจนกระทั่งถึงตอนนี้ที่เขาสิริอายุครบห้าสิบห้าปีนั่นเอง...
"แม่เขาก็ป่วยเหมือนกัน" ก่อนจะผายมือน้อยๆ มาทางวิไล "ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เข้าออกโรงพยาบาลเป็นบ้านหลังที่สองเลยละ ฉันเป็นกำลังใจให้เธอนะสันต์"
"ขอบคุณครับคุณพ่อ" ถ้าหากคมสันต์ไม่ได้รับรู้อุปนิสัยของชายตรงหน้ามาจากสาลี่เมื่อก่อนหน้านี้ คมสันต์ก็คงจะหลงเชื่อไม่ได้จริงๆ ว่าพ่อที่สาลี่เคยพูดถึงกับชายคนนี้นั้นจะเป็นคนๆ เดียวกัน...
"วันนี้วันหยุด คนงานก็เลยลากลับบ้านกันหมดนะครับ" ทรงวุฒิชี้แจ้งเพราะกลัวว่าแขกนั้นจะคิดว่าเหตุใดบ้านหลังใหญ่โตจึงไม่มีใครที่ยกน้ำยกของว่างมาต้อนรับแขก
"สาลี่ ยกน้ำกับของว่างมาให้พี่เขาสิลูก" เมื่อได้ยินคนเป็นแม่กล่าวดังนั้น สาลี่จึงหยัดตัวออกจากเก้าอี้เพื่อไปจัดเตรียมของว่างให้กับคมสันต์ในทันที
"ไม่ต้องเกร็งนะ ทำตัวตามสบาย"
"ฉันคุยกับเขาเองวิไล เธอถักหมวกไหมพรมค้างไว้ไม่ใช่หรือไง เธอก็ถักต่อไปสิ" ทรงวุฒิกล่าวด้วยน้ำเสียงลอดไรฟันเพื่อให้สิ่งที่เขาพูดกับภรรยานั้นได้ยินกันแค่เพียงสองคน
"ค่ะ" วิไลลอบถอนใจออกมาอย่างรู้สึกเบื่อหน่ายหมาแก่หวงกระดูกที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของตัวเอง
"แล้วตอนนี้แม่ของเธอเป็นยังไงบ้าง เธอชื่ออะไรนะ"
"คมสันต์ครับคุณพ่อ"
"แม่ของเธออาการเป็นยังไงบ้างละคมสันต์" ทรงวุฒิกล่าวถามอย่างไม่อยากที่จะให้บรรยากาศให้ภายในห้องรับแขกดูอึมครึมมากจนเกินไป
การพบเจอกันครั้งแรกระหว่างคมสันต์และครอบครัวของสาลี่เป็นไปได้ด้วยดี กระทั่งช่วงเย็นในวันเดียวกันก็มาถึงเวลาที่คมสันต์จะเดินทางกลับบ้านเพื่อปรนนิบัติดูแลมารดาของตัวเอง...
"เขาเป็นคนดีนะสาลี่ แฟนแก" แม้ไม่อยากจะเอ่ยปากชมว่าที่ลูกเขยที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนเลือก หากแต่สุดท้ายทรงวุฒิก็พ่ายแพ้ให้กับการวางตัวที่ดีเลิศต่อผู้ที่อาวุโสกว่าของคมสันต์
"พ่อชอบนะ พาเขามาเที่ยวเล่นอีกนะ"
"ค่ะคุณพ่อ" นับว่าเป็นเรื่องโชคดีสำหรับสาลี่ที่พ่อของเธอยอมรับในตัวของคมสันต์ได้ทุกๆ อย่าง แต่ช่างน่าเสียดายที่ในตอนนี้หญิงสาวนั้นยังคงไม่สามารถที่จะหลุดพ้นไปจากพันธนาการชั่วร้ายของชายที่ชื่อว่าไฟท์เตอร์ได้เลย
"ฉันจะทำยังไงดี.." สาลี่ทอดถอนใจอย่างวิตกกังวล เพราะถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอนั้นจะหลุดพ้นจากการแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รักแล้วก็ตามที แต่...ก็ยังมีเรื่องนี้อีกเรื่องที่คอยตามกวนใจเธออยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็คือเรื่องใบสำคัญการสมรสระหว่างเธอและไฟท์เตอร์...
พ่อเธอทำชั่วไว้กับแม่ของเธอมากไปไงสาลี่ ลูกสาวอย่างเธอก็เลยต้องรับผลกรรม 🥹🥹🥹