Talk ไอริส
ย้อนกลับไปกลับไปหลายเดือนก่อน....
“จู่ๆ จะให้น้องหมั้นได้ยังไง พ่อจะทำธุรกิจก็ทำไปแต่อย่าเอาน้องไปเกี่ยว”
“ไม่ใช่เรื่องของแก” คุณพ่อละสายตาจากเฮียคานส์มามองฉัน “ไอริสเข้าใจพ่อใช่ไหมลูก”
“....ค่ะ” ฉันได้แต่ก้มหน้ายอมรับ เพราะไม่กล้าขัด ถึงจะไม่ต้องการหมั้นกับคนที่พ่อบังคับก็ตาม
“ไอริส!!” เฮียทำหน้าดุใส่ฉัน
ตอนนี้เฮียคานส์กำลังทะเลาะกับคุณพ่อ เพราะจู่ๆ คุณพ่อก็กลับมาจากต่างประเทศ แถมยังมาบังคับจะให้ฉันหมั้นกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ เฮียคานส์ไม่ยอมจึงโวยวาย
เฮียคานส์คือพี่ชายแท้ๆ ของฉันเอง
“ที่พ่อกลับมาจากอังกฤษเพราะเรื่องนี้เองเหรอครับ หึ!! ถ้าไม่มีผลประโยชน์อะไรผมกับน้องคงไม่มีทางได้เจอหน้าพ่องั้นสินะ”
“ไอ้คานส์!! แกไม่รู้อะไรก็หุบปากไปซะ”
“อยากหมั้นนักหรือไง!!” เฮียคานส์ถามฉันเสียงดุ ทำให้ฉันเงียบเม้มปากแน่นทันที
“พ่อคงจะให้น้องหมั้นกับผู้ชายคนอื่นไม่ได้หรอกครับ”
“แกหมายความว่าไง”
“ไอริสมีคู่หมั้นอยู่แล้ว”
“คู่หมั้น ตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง” คุณพ่อถามเฮียด้วยสีหน้าจริงจัง
ไม่ใช่แค่พ่อที่ไม่รู้เรื่อง ตัวฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันไปมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เฮียพูดอะไรของเฮียกันนะ
“คู่หมั้นของไอริสคือไอ้เลย์ ลูกชายของคุณป้ารสรินไงครับ”
“ฮะ เฮีย....”
ฉันเบิกตากว้าง เมื่อได้ยินเฮียบอกแบบนั้น มันจะเป็นอย่างที่เฮียพูดได้ยังไง ฉันกับพี่เลย์เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างเรื่องหมั้นก็ไม่มีใครเคยพูดถึงเลยสักครั้ง เฮียเอาอะไรมาพูด
“พ่อใช้น้องเป็นเครื่องมือทางธุรกิจไม่ได้แล้วนะครับ” เฮียกระตุกยิ้มมุมปาก
“ทำไมฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน พวกแกทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาฉันแบบนี้ได้ยังไง!!” พ่อโวยวายเสียงดัง
“ก็พ่อเอาแต่กกอยู่กับเมียใหม่ไงครับ ผมกับน้องจะเป็นยังไงพ่อเคยสนใจหรือไง”
คุณพ่อพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเดินออกไปจากบ้านด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ฉันคิดว่าพ่อจะอยู่กินข้าวด้วยกันสักมื้อ เพราะฉันไม่ได้เจอพ่อนานแล้ว แต่ไม่เลย คงเป็นอย่างที่เฮียว่า ถ้าไม่มีเรื่องอะไรพ่อก็คงไม่กลับไทยมาเจอเราสองคน
เฮียคานส์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหงุดหงิด และสบถคำหยาบออกมา
“เฮียไปบอกพ่อแบบนั้นได้ไงคะ แล้วถ้าพ่อไปถามป้ารสรินขึ้นมาจะทำยังไง”
“เรื่องนั้นเฮียจัดการเอง”
“จัดการยังไงเหรอคะ...?” ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ
“เธอคงต้องหมั้นกับไอ้เลย์ไปก่อน”
ฉันเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่อได้ยินคำตอบและสีหน้าที่แสนจะจริงจังของเฮีย “มะ หมั้นเหรอคะ หนูไม่คิดว่าเฮียจะ...”
“หรืออยากหมั้นกับคนที่พ่อหาให้ ?” เฮียถามสวนขึ้น ทำให้ฉันปิดปากเงียบทันที
“ถึงไอ้เลย์มันจะไม่ใช่คนดี แต่มันก็ไว้ใจได้”
“ละ แล้วพี่เลย์จะยอมเหรอคะ เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย”
“มันต้องยอม ยังไงมันก็ขัดคำสั่งแม่มันไม่ได้” เฮียตอบอย่างมั่นใจ
ฉันได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ และยอมอยู่เฉยๆ ให้เฮียเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดเอง
ปัจจุบัน
วันนี้พี่เลย์มารับฉันที่มหาวิทยาลัย แต่เขาไม่ได้เข้าไปรับที่หน้าคณะ ให้ฉันเดินออกมาขึ้นรถที่ด้านหน้ามหาวิทยาลัยแทน ถึงจะเดินไกลหน่อยแต่ฉันก็ไม่ได้บ่นหรือว่าอะไร
ตอนนี้สถานะของฉันกับพี่เลย์ถือว่าเป็น ‘ว่าที่คู่หมั้น’ อย่างเต็มตัวแล้ว ในตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะปานปลายและจริงจังมากขนาดนี้
“พี่เลย์จะไปส่งไอริสที่บ้านเลยเหรอคะ” ที่ถามแบบนั้นก็เพราะว่าพี่เลย์เขาเอาแต่เงียบ ชวนให้อึดอัดเวลานั่งรถด้วย ฉันก็เลยหาเรื่องคุย
พี่เลย์ละสายตาออกจากถนน หันมามองฉัน “ทำไม หรืออยากจะไปนั่งเล่นที่ห้องฉันก่อน ?”
ก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นว่านี่มันก็เพิ่งจะบ่าย “ไปห้องพี่เลย์ก่อนก็ได้ค่ะ เผื่อถ้าห้องรกเดี๋ยวไอริสจะได้เก็บให้ ^_^”
“หึ!! ไปกับผู้ชายง่ายดีนิ” พูดจบพี่เลย์ก็เบือนหน้าไปมองถนน ซึ่งฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าที่พี่เลย์พูดมันหมายความว่ายังไง
ฉันทำท่าคิด ไม่รู้ว่าคนที่เขาเป็นคู่หมั้นกันต้องทำอะไรแบบไหนบ้างนี่สิ ถึงจะเป็นการหมั้นโดยที่เราต่างไม่เต็มใจทั้งคู่ แต่ก็ควรเข้ากันได้มากกว่านี้สิเนอะ
แบบนี้มันชวนอึดอัดเกินไปแล้ว ก่อนหน้าพี่เลย์ก็ยังพูดคุยกับฉันบ้าง แต่พอรู้ว่าจะได้หมั้นกัน เขากลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน แถมยังขี้หงุดหงิดใส่ฉันอีกต่างหาก