มินทิราเข้าไปอยู่ในชีวิตของคิรินอย่างไม่ตั้งใจ และใช้เวลาหลายเดือนว่าจะช่วยแต่งห้องทำงาน ห้องพักของโรงแรมและส่วนของคลับต่างๆ เสร็จ พร้อมๆ กับความรู้สึกดีๆ ของทั้งคู่เริ่มก่อตัวขึ้นจากความห่วง กลายเป็นความคิดถึง จากความคิดถึงกลายเป็นความรัก แต่ในขณะที่อีกความรู้สึกหนึ่งของคิรินก็ยังคงสับสนวุ่นวายกับหัวใจตัวเองอย่างที่บอกใครไม่ได้
เช่นเดียวกัน มินทิราสาวเก่งแทบจะตกหลุมรักคิรินตั้งแต่วันแรกด้วยซ้ำ กับความเป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยนและเรียบร้อยขี้อาย และนั่นมันทำให้คิรินกลายเป็นคนน่ารักไปโดยปริยาย แต่ก็แปลกที่คิรินดันเก่งกาจทางด้านการทำธุรกิจ ซึ่งมันขัดกับนิสัยส่วนตัวเหลือเกิน
“คริน ครินคะ” มินทิราเรียก เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังเหม่อลอยหลังจากที่จอดรถนานแล้ว
“ว่าไงจ๊ะ” เมื่อได้สติเขาจึงหันมาขานรับคนรัก
“คิดอะไรอยู่คะ เหม่อเชียว” เธอถามด้วยความแปลกใจ
“คิดถึงเรื่องของเราวันแรกน่ะจ้ะ วันที่คุณแปลงร่างเป็นซุปเปอร์เกิร์ล” มินทิราเองก็อดหัวเราะไม่ได้ จนต้องปล่อยฮาออกมา เพราะเมื่อนึกถึงตัวเองตอนนั้นแล้ว ทำไปได้อย่างไรต่อหน้าหนุ่มหล่อขาดบาดใจขนาดนั้น ไม่อายหรือไง
“จะทำให้มินอายใช่ไหมคะเนี่ย”
“แล้วหัวเราะทำไม” เขาแซวยิ้มๆ
“แล้วมินทำไปได้ยังไงคะนั่นน่ะ ยังงงตัวเองอยู่เลย”
“ทำไปแล้วครับ และเก่งมากด้วย”
“ไม่เอาแล้วห้ามพูดถึง อายจะแย่ มินไปทำงานดีกว่า แล้วตอนเย็นจะเข้าไปเอารถที่บ้านคุณนะคะ”
“จ้ะ แล้วเจอกัน” คิรินบอกพร้อมกับยื่นหน้าไปหอมแก้มเธอเบาๆ อย่างที่เธอเคยทำกับเขาเป็นประจำ แต่สายตาอดมองเข้าไปด้านในออฟฟิศไม่ได้
“รักคุณค่ะ” หวานเหลือเกินจริงๆ
“รักคุณครับ” อะไรจะหวานปานนั้น มินทิรารีบลงจากรถแล้วปล่อยให้คิริน รีบกลับ ไม่อย่างนั้นมียาวกว่านี้แน่ ส่วนเธอก็ขึ้นไปทำงานตามเดิม กระทั่งถึงหน้าห้องทำงาน
“อารมณ์ดีจริงจริ๊งพี่เรา ยิ้มมาแต่ไกลเชียว” อรนิลอดแซวไม่ได้เมื่อเห็นพี่สาวกำลังจะเดินเข้าห้องทำงาน ขณะที่เธอออกมาจากห้องทำงานเช่นกัน
“คนมีความสุขก็ต้องยิ้มสิจ๊ะ ไงจ๊ะน้อง มีงานหรือเปล่า” หมายถึงงานของน้องสาวน่ะสิ
“มีสิคะ แต่ก็คงอีกนานน่ะค่ะ” อรนิลตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเช่นเคย
“ทำไมล่ะ” มินทิราถามอย่างแปลกใจ
“อันนี้ตอบไม่ได้ โนคอมเม้นท์”
“จ้าแม่คนเก่ง พี่ไปทำงานแล้ว” จากนั้นสองพี่น้องจึงแยกย้ายกันทำงาน ตามที่หน้าของตัวเองทันที
สองศรีพี่น้อง มินทราและอรนิล พีระสา พี่น้องที่เกิดจากบิดาคนเดียวกันแต่คนละแม่ มินทิราวัยยี่สิบแปด ส่วนอรนิลวัยยี่สิบห้า เกิดห่างกันเพียงสามปี แต่พูดง่ายๆ ว่าคนหนึ่งเป็นลูกภรรยาหลวง อีกคนคือลูกภรรยาน้อย แน่นอนว่าอรนิลเป็นลูกภรรยาน้อย แถมยังเป็นลูกคนรับใช้ในบ้านอีกต่างหาก ทว่าทั้งคู่ก็ได้รับความรักจากบิดาเท่าๆ กัน แต่ที่น่าเสียใจคือมารดาของมินทิรานั้นเสียชีวิตไปเสียก่อนด้วยโรคตรอมใจ เพราะบิดามีเมียน้อยนั่นเอง และเอาคนในบ้านเป็นเมีย ส่วนมารดาของ อรนิลก็รู้สึกผิดคิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง จึงอยู่ในอาการตรอมใจ โรคภัยรุมเร้ากระทั่งเสียชีวิต
จนกระทั่งมาถึงผู้เป็นบิดา เจ้าของบริษัทออกแบบและตกแต่งภายในบ้านแห่งนี้ เสียชีวิตด้วยมะเร็งตับเพราะเอาแต่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ เพื่อดับความเครียดซึ่งเกิดขึ้นภายในครอบครัว สุดท้ายท่านก็จากไปทิ้งลูกสาวทั้งสองไว้ในบ้าน และทิ้งมรดกเอาไว้ให้มินทิราครอบครอง อีกส่วนก็ยกให้อรนิลบ้างเล็กน้อย นั่นคือการเป็นหุ้นส่วนในบริษัทแห่งนี้ และยังให้สิทธิ์การอยู่อาศัยในบ้านด้วย เท่านี้เองที่อรนิลได้รับ ฉะนั้นทุกวันนี้ก็เท่ากับว่าเธอเป็นลูกจ้างของพี่สาว แต่ยังดีที่ทั้งคู่รักและสามัคคีกัน ไม่เหมือนยุคของพ่อและแม่ แต่ใครจะรู้ว่าภายในจิตใจส่วนลึกต่างคนจะคิดอะไรต่อกัน
ขณะเดียวกัน ทางด้านลูกค้าของอรนิลที่เพิ่งหย่อนระเบิดเวลาให้เธอได้เครียดเล่นๆ นั้น ก็ติดตามสืบเรื่องของเธอเช่นกัน เพราะหมายมั่นจะได้เธอมาดูแลสถานที่ก่อสร้างสำคัญ และอยากรู้ว่าอรนิลนั้นเก่งกาจแค่ไหนเท่านั้นเอง
“นายอยู่ไหม” ชายหนุ่มวัยกลางคนเอ่ยถามชายหนุ่มที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องทำงานใหญ่
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ชายเฝ้าหน้าห้องถามกลับ
“เรื่องสำคัญที่นายให้สืบ” ชายคนเดิมตอบเสียงเรียบ
“งั้นก็เข้าไป แต่อย่านานนะ เพราะนายกำลังพักผ่อน“ ชายหนุ่มหน้าห้องบอกด้วยสีหน้าตึงเครียด
“ได้ ไม่นานหรอก”
ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะอย่างมีมารยาท ก่อนจะถูกเปิดออกจากผู้ที่อยู่ด้านใน ซึ่งเป็นสุภาพสตรีแสนสวย
“มีอะไร” เสียงกังวานดังออกมาถาม ทำให้ชายวัยกลางคนสะดุ้งกับน้ำเสียงที่น่ากลัวและทรงอำนาจ อีกทั้งรังสีอำมหิตมันแฝงอยู่ในน้ำเสียงและแผ่มาถึงตัวเขา ในขณะที่เจ้าของเสียงน่ากลัวยังไม่ได้หันเก้าอี้กลับมา
“เรื่องที่นายให้ไปสืบ ผมได้มาแล้วครับ” เขาบอกพร้อมกับมองรอบๆ ตัวเจ้านายที่มีแต่สาวๆ คอยบีบคอยนวดให้ แถมเธอยังส่งตาหวานมาให้เขาด้วย ขนลุกจริงๆ
“นั่งสิ” เจ้าของน้ำเสียงน่ากลัวนั้นกำลังหันมาช้าๆ พร้อมกับส่งสัญญาณบอกให้สาวๆ ที่พากันรายล้อมอยู่ออกไปจากห้อง ยังความไม่พอใจให้สาวๆ พอดู
เมื่อเจ้านายหนุ่มหันหน้ามาประจันกับลูกน้องวัยกลางคนเท่านั้นแหละ เขาถึงกับก้มหน้างุดอยู่กับโต๊ะ ใบหน้าหล่อเหลาเปิดเปลือกตาขึ้น หลังจากที่เขาหลับตาอยู่ ดวงตาคมกริบสามารถบาดใครต่อใครได้เลยแม้กระทั่งสาวๆ เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามแต่น่ากลัวทุกกระเบียดนิ้ว คือความสมบูรณ์แบบที่ใครๆ ก็ยากจะเทียบเทียมได้ แต่ใบหน้าสุดหล่อนั้นมันถูกบดบังด้วยความเคร่งขรึม น่ากลัวและรังสีอำมหิต
“ขอดูผลงานซิ” เจ้านายหนุ่มบอกเสียงเข้ม ลูกน้องคนเดิมจึงยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลขนาดใหญ่ให้ทันที เขารับไปและรีบเปิดมันออก พร้อมกับหยิบออกมาจากซองพลางพิจารณาสิ่งที่เห็น
“คนนี้เหรอ ยังเด็กอยู่เลยนี่” เจ้านายหนุ่มบอกเสียงเรียบ
“เด็ก แต่เก่งนะครับนาย” ลูกน้องเสริมขึ้น
“ใช่เก่ง เก่งมากด้วย ได้ยินชื่อเสียงมาเหมือนกัน”
“แล้วจะทำยังไงต่อครับ” เขาถามเจ้านายด้วยความอยากรู้
“รอก่อน อย่าเพิ่งใจร้อนเดี๋ยวไก่จะตื่น ค่อยเป็นค่อยไปสิ”
“ครับนาย” ลูกน้องรับคำพลางก้มหน้า
“แกชื่อทองใบใช่ไหม” เจ้านายหนุ่มถามอีกครั้ง
“ครับ” เขารับพลางก้มหน้า
“เราเพิ่งร่วมงานกันได้ไม่กี่ครั้งแต่แกก็ทำดีมาก”
เจ้านายหนุ่มบอกพร้อมกับหยิบซองสีน้ำตาลซองเล็กออกมาให้เช่นกันภายในนั้นมีเงินสดก้อนใหญ่ เพื่อเป็นรางวัลให้กับการทำงานดีของลูกน้อง
“รางวัล” เจ้านายหนุ่มบอกน้ำเสียงขรึม
“ขอบคุณครับ” เขาคงไม่ต้องเปิดมันดูหรอก แต่เชื่อแน่ว่ารางวัลข้างในนั้นมากโข
“ไปได้แล้วไป ฉันอยากพักผ่อน” เจ้านายหนุ่มสั่งเสียงเข้มเรียบอีกครั้ง
“ครับนาย” ทองใบออกไปอย่างว่าง่าย และปล่อยให้เจ้านายหนุ่มอยู่กับเอกสารที่เขาหามาให้
“อรนิล อ้อเหรอ ชื่อน่ารักดี” ชายหนุ่มอ่านชื่อที่เขียนเอาไว้ในเอกสาร พร้อมกับรอยหยักยิ้มที่มุมปากอย่างมีแผนการ ดวงตาคมกริบจ้องมองภาพถ่ายของ หญิงสาวอย่างไม่วางตา
“จะเก่งสักแค่ไหนเชียว” เขาเอ่ยลอยๆ อีกครั้ง คราวนี้จะได้เห็นหน้าอรนิลตัวจริงเสียที หลังจากที่เขาตามหาผ่านรูปถ่าย นิตยสาร จากคนรอบกาย จากนั้นเขาหยิบรูปขึ้นมาพร้อมกับพรมจูบเบาๆ สายตาน่ากลัวพิลึก คนที่มีโปรเจคจะให้อรนิลทำก็เขานี่แหละ เขาคือ คาร์ล เคอร์แรน หนุ่มหล่อไฟแรง วัยสามสิบปี เคร่มขรึม ดุดันน่ากลัว เจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ในมัลดีฟ เขามีเหตุผลมากพอที่จะตามสืบค้นหาประวัติทุกอย่างของอรนิล อยากรู้แม้กระทั่งว่าเธอโสดหรือเปล่า
“ต่อให้คุณมีคนรักแล้วผมก็ไม่สน” คาร์ลบอกกับตัวเองอย่างมาดมั่น เพราะว่าคนอย่างเขาลองถ้าต้องการอะไรแล้วต้องได้ทุกอย่างแม้กระทั่งความรัก