CHAPTER 1

1620 Words
CHAPTER 1 ลือสนั่นวงในนางแบบสาวสวยอักษรย่อ ห ยืนเฉยดูเหตุการณ์ตบสนั่นกอง นางแบบสาวใจน้ำแข็งยืนดูคนถูกตบ จริงหรือมั่วนางแบบสาวอักษรย่อ ห จ้างตบลั่นกอง ไร้ความเคลื่อนไหวข่าวตบสนั่นกอง คนในเผยนางแบบสาวมีเอี่ยว ชีวิตวัยผู้ใหญ่นี่มันโคตรยากเลยเนาะว่ากันไหม รู้งี้ถ้าเลือกได้อย่าเกิดมาเลยดีกว่า “ข่าวบันเทิงไม่มีสำนักไหนไม่เล่นข่าวแกเลย” “ดังอีกแล้วสินะ” “นี่ยังเฉยหรือว่ารู้ว่าในอีกไม่กี่นาทีสำนักข่าวพวกนั้นจะเลือกแต่ชื่อเพราะดับหมดเอง” “…” “ได้แต่ยิ้มไม่บอกอะไรหน่อยเหรอ” “แล้วจะให้บอกอะไร?” และเมื่อประโยคนี้ออกจากปากไปอีกฝ่ายก็เงียบแต่กลับถอนลมหายใจยาวออกมาอย่างเบื่อหน่ายไม่ต่างจากฉัน “เดี๋ยวก็เงียบ” “อืม ฉันเชื่อว่าเดี๋ยวก็เงียบจริง” เพราะมันจะเป็นแบบนั้นจริงอย่างไม่น่าเชื่อ มันไม่ใช่เรื่องราวชวนเหลือเชื่ออะไรหรอกนะแต่มันเป็นจริงทุกครั้งเวลาที่เจออะไรทำนองนี้ ตอนแรกๆ นั่งกังวลแทบเป็นแทบตายกลัวไปสารพัดอย่างแต่ตอนนี้การเติบโตขึ้นและโลดแล่นอยู่ในวงการมายาแห่งนี้ได้สอนความแข็งแกร่ง การใจเย็นและก็สอนความเป็นผู้ใหญ่ให้เสมอ ไม่ชอบก็แค่นั่งยิ้มไม่แสดงออกทางสีหน้า อยากตะคอกใส่แค่ไหนให้ยิ้มรับและลงท้ายว่าค่ะ ตอบหลีกเลี่ยงตัวเองทั้งที่ความจริงจะเกี่ยวข้องแค่ไหนก็ตาม ทุกอย่างต้องทำตัวดีเหมือนผ้าบริสุทธิ์ทั้งที่แปดเปื้อนแทบไม่มีจุดขาวสะอาด ฉันเข้าใจมันทั้งหมด “แล้วคิวงานเดือนนี้หมดใช่มั้ย” “เคลียร์เรียบร้อย จะไปไหนก็ไปได้” ประโยคลงท้ายที่ทำให้ฉันหันใบหน้าไปมองวิวด้านนอกคอนโดที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่แสงแดดจ้าชวนร้อนระอุทั้งๆ ตอนนี้เกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว ความคิดที่แล่นไปไกลทำเอาสิ่งที่วาดฝันไว้จางหายลงไปในพริบตาเมื่อเสียงข้อความโทรศัพท์ในมือดังขึ้น เจอกันที่ออสเตรีย อวสานวันหยุดที่มาถึงในรอบหลายเดือน อวสานกับสิ่งที่คิดและก็ฝันเอาไว้ตรงนี้เลยเพราะว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่ฉันแลกมาเพราะอยากได้คำว่าอิสระจากครอบครัว อิสระที่โหยหาและก็อิสระที่คิดว่ามันจะดีสุดท้ายก็เป็นเหมือนนกน้อยในกรงทองอยู่ดี “คิดอะไรเอ่ยนางแบบสาวพราวเสน่ห์แต่มีเจ้าของแล้ว” “คิดถึงเมื่อก่อน... ตอนที่เจอเขา” เมื่ออายุได้สิบห้า ได้รับรู้เหตุการณ์นี้... “ขนมที่คุณหนูชอบค่ะ” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของคนในบ้านฉันหรอกนะ รู้ไหมเสียงนี้ทำเอาปากกาในมือของฉันชะงักลงหยุดทุกอย่างที่กำลังทำเอาไว้ตรงนั้น เวลาต่อมาก็มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายว่า ‘ขอบคุณครับ ของโปรดเลย’ ประโยคที่ธรรมดาทว่ารู้ไหมว่าน้ำเสียงไม่ใช่เลย อีกฝ่ายดีใจมากถึงแม้จะไม่ได้เห็นใบหน้าเขาก็ตามเนื่องด้วยมีกำแพงกั้นระหว่างเราเอาไว้ทุกอย่างจบลงแค่นั้นแต่สำหรับฉันไม่หรอกเพราะสายตาเบือนไปมองจานขนมบนโต๊ะตัวเองที่ยังไม่แตะสักคำเดียว ซาหริ่ม ขนมไทยที่ฉันเกลียดที่สุด แต่ยังมีคนมาบังคับยัดเยียดให้ทานอยู่ได้ ทำไมถึงไม่เป็นเหมือนบ้านข้างๆ บ้างนะ มันเป็นแค่การตั้งคำถามของเด็กอายุสิบห้าแบบฉันที่รู้ไหมไม่มีทางได้คำตอบหรอก ยังไงหนทางข้างหน้าก็มีแต่การบังคับทุกครั้งคราแม้กระทั่งเรื่องการเรียน เรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ เรื่องที่ชอบกับไม่ได้เรียน แล้วจะให้ตั้งใจเรียนไปทำไมกัน เมื่ออายุได้สิบหก ได้เห็นเหตุการณ์นี้... “มา...” ฉันละประโยคเอาไว้แค่นี้และก็เปิดประตูบ้านค้างเอาไว้แบบนั้นพร้อมกับคำถามในเมื่อสายตาปะทะกับร่างสูงกว่าตัวเองมากถ้าจะให้เดาก็เกือบยี่สิบเซ็นเลย เขาส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ในขณะที่ฉันยังนิ่งไม่ขยับตัวเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้นไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ ตื่นเต้นไปหมด “พี่มาหาสองครับ” มาหาพี่สองเหรอ เขาเป็นอะไรกับพี่สองนะ “…” “ขอเข้าไปหาสองหน่อยนะ” “…” ความคิดที่ตั้งคำถามเองก็ได้แต่เก็บเอาไว้ไม่พูดอะไรแต่ฉันก็หลีกทางให้เขาเข้ามาในบ้านประจวบกับพี่สองลงจากชั้นสองมาจึงได้รู้ว่าเขาชื่อว่า ‘วัน’ รุ่นเดียวกับพี่สองซึ่งห่างจากฉันเกือบสามปี วันนั้นฉันได้เห็นความสนิทสนมของพี่สาวตัวเองกับผู้ชายคนนั้นพร้อมด้วยอาการคันยุบยิบตรงหัวใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แค่เข้าใกล้ทำความรู้จัก แล้วก็แอบชอบพี่วันเหมือนที่พี่วันแอบชอบพี่สอง เมื่ออายุได้สิบแปด ได้เห็นเหตุการณ์นี้... “นี่มันอะไรกันครับสอง” “…” “ที่ผ่านมามันคืออะไรเหรอครับ” “…” ก็ไม่ได้ยินประโยคอะไรจากปากพี่สองนอกจากอาการนิ่งเงียบ นาทีนี้ฉันก็หลบอยู่ในมุมของตัวเองแล้วไม่ออกไปให้สองคนนั้นรับรู้ว่ายังมีอีกคนได้ยินและรับรู้เรื่องราวของพวกเขา พี่วันเอื้อมมือกุมมือของพี่สอง แต่พี่สองสะบัดออกอย่างไม่ใยดี พี่วันจะเอื้อมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พี่สองถอยเท้าห่าง “สอง...” “มีสิทธิอะไรไปบอกแบบนั้นกับพี่เพชรห้ะวัน เราเพื่อนกันนะ” “เพื่อนเหรอ เพื่อนที่ไหนจูบกันสอง” “งั้นก็จำไว้ว่าเราคือเพื่อนกัน จำยัดใส่หัวสมองไว้เลยนะและก็ห่างเราด้วย พี่เพชรกับเรากำลังคบหากันอยู่” “อะไรนะ คบกันเหรอ แล้ววันอยู่ไหนวะ” “อยู่ในที่ของตัวเอง” แค่นั้นกับความสัมพันธ์ระหว่างพี่วันและพี่สอง ทั้งสองได้ห่างกันออกไปโดยปริยายพร้อมกับการไม่ย่างก้าวมาเหยียบที่บ้านของพี่วันจากวันกลายเป็นเดือนแล้วก็ปีแต่ใช้ไม่ได้กับฉันที่ได้เจอพี่วันบ่อยๆ ระยะที่พี่วันไม่มาอะไรกับพี่สองนั้นไม่นึกเลยว่านอกจากที่พี่สองจะไม่สนใจยังทำกับไม่เคยมีพี่วันอยู่ในความทรงจำสักนิดเพราะเดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็พี่เพชรทั้งนั้น กระทั่งวันที่พี่วันกลับมาอยู่ที่บ้านข้างกันปัญหาจึงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เห็นได้ชัดเจนว่าครั้งนี้พี่สองต่างหากที่เป็นฝ่ายเว้าวอนพี่วัน พี่สองที่แข็งแกร่งในวันนั้นกับอ่อนแอในวันนี้ พี่สองที่รักพี่เพชรกับชอบเข้าใกล้พี่วันตลอดเมื่อมีโอกาส ทั้งที่อีกคนเฉยมาก ยอมรับเลยว่าในนาทีนั้นฉันเองที่มีความคิดเห็นแก่ตัวพยายามภาวนาไม่ให้พี่วันกลับไปเป็นอย่างเดิมกับพี่สาวตัวเองอีก ความเห็นแก่ตัวในครั้งนั้นจากการภาวนามันอยู่ในขั้นสำเร็จคราวนี้สามารถเห็นได้เลยว่าใครที่แข็งแกร่งและใครที่อ่อนแอ จุดอ่อนของพี่วันที่พี่สองรับรู้งัดเอามาใช้ทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง พี่วันเปลี่ยนไปเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง เมื่ออายุได้ยี่สิบปี ได้รู้ในเหตุการณ์นี้และก็ได้รู้สึกโคตรแย่ แล้วการภาวนาของตัวเองมันมีผลมาถึง 3 ปี ก่อนที่จะหยุดลงอย่างชะงักเมื่อมีเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรกแซง เหตุการณ์ในครั้งนี้เปลี่ยนชีวิตฉัน เปลี่ยนความเป็นครอบครัวที่แย่แล้วกับแย่ลงไปอีก เปลี่ยนแม้กระทั่งพี่วัน วงจรชีวิตที่ไม่มีใครเอามันเป็นแบบนี้นี่เอง การพยายามปฏิเสธ การพยายามอธิบาย แม้แต่การพยายามทำดี ทุกอย่างที่คิดว่าดีพอจะช่วยให้ทุกคนได้สัมผัสมันใช้ไม่ได้เลยสักนิดเดียว แม้กระทั่งพ่อแม่หรือว่าเครือญาติฝ่ายไหนก็ไม่มีใครอยากจะมองหน้าพูดคุยกับฉันสักคน จนแล้วจนรอดการไม่มีที่ไปการพยายามฝืนยิ้มแม้กระทั่งหัวใจมันแทบขาดแค่ไหนก็ไม่มีใครเหลียวมองคงทำให้บุคคลหนึ่งสงสารมั้งจึงเอ่ยปากบอกพี่วัน บอกความจริงที่ทุกคนคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุ บอกความจริงว่าเรื่องราวไม่เกี่ยวกันกับฉันเลย “จะอยู่หรือจะไป ไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้” นี่เป็นพี่วัน คนที่พยายามปฏิเสธความรักของฉัน “…” “ยังไงคนที่นี่ก็ไม่มีใครดีกับเธอแล้วนะหนึ่ง” “…” ใช่ไม่มีใครดี “ออกจากข้อบังคับทุกอย่าง ไปให้สุดแล้วไปใช้ชีวิตของตัวเอง” “ของตัวเองหรืออยู่ภายใต้เงาของพี่วันกัน” ในตอนนี้เขามีอิทธิพลพอทำให้คนก้มหัว เขามีทุกอย่างและเขาก็สามารถเอาฉันออกจากครอบครัวที่ยังไงก็ยังคิดว่าฉันเป็นฆาตกร “ยังไงกันแน่” “คิดว่ายังไงล่ะ ธุรกิจไม่มีคำว่าลงทุนแล้วไม่ได้คืนหรอกนะ” “…” “แลกมัน แลกกันกับสิ่งที่เธออยากมี” “อิสระนั่นนะเหรอ” “ใช่” “…” “ฉันให้เธอได้ทุกอย่างเว้นแค่อิสระจากฉัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD