คืนนี้ท้องฟ้ามัวหม่นไร้ดาวพราวแสงพร่างนภา สายลมเย็นยะเยือกพัดโชยมาต้องยอดไม้ไหวเอนเล่นลู่ลม ในขณะที่หลายคนหลับใหลอย่างมีความสุข ทว่ากลับมีหนึ่งชีวิตกำลังต่อสู้กับฝันร้ายอย่างน่าสงสาร เนื่องด้วยเหตุการณ์สะเทือนใจยังคงคอยตามมาหลอกหลอนไม่หยุดหย่อน
ปัง!
เสียงปืนที่คร่าชีวิตของไมเคิลดังกึกก้องอยู่ในหูไม่จางหาย ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างยังคงวนเวียนเข้ามาในมโนสำนึกครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับฉายหนังซ้ำ
“กรี๊ดดดด!!!” สารวัตรสาวหวีดร้องสุดเสียง
“ไมเคิล ไม่ ม่ายยย…” เสียงแหลมของคนที่ตกอยู่ในภวังค์ร้ายกรีดร้องหลายต่อหลายครั้งก่อนจะตบท้ายด้วยความโหยหวนยืดยาว ที่สุดก็สะดุ้งและหลุดออกจากฝันร้าย
ทวิชาพยุงตัวลุกขึ้น แล้วกระเถิบมานั่งพิงหัวเตียง ยกมือสั่นเทาขึ้นลูบใบหน้าผุดผ่องทว่าชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อเม็ดโตที่กำลังแข่งกันผุดพราย แล้วพึมพำแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบปลุกปลอบขวัญตัวเอง ดวงตาที่เคยแห้งผากระคนหม่นเศร้ามาบัดนี้กลับมีน้ำใสๆ คลอเคล้าอยู่ในเบ้าทั้งสองข้าง ก่อนจะพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้าขึ้นกะพริบตาถี่ๆ ไล่ม่านน้ำตาให้จางหาย
“โอย…เราฝันร้ายอีกแล้วเหรอเนี่ย” เสียงหวานครางออกมาจากลำคอน้อยเบาๆ เมื่อพบว่าทุกอย่างมันก็เป็นเพียงแค่ความฝัน
“ไม่ เราก็แค่ฝันไป ทุกอย่างมันจบแล้ว” ขาดคำหญิงสาวก็ยกลำแขนเสลาทั้งสองข้างขึ้นกอดร่างสั่นสะท้านของตัวเอง แล้วก้มหน้าซบลงกับหัวเข่ามนร่ำไห้กระซิกอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดมิดและหนาวเหน็บ ถึงแม้จะปลอบตัวเองให้ลืมภาพเหตุการณ์ในวันนั้นมากเท่าไร ทว่าทุกอย่างกลับยิ่งชัดเจน และนั่นก็เป็นแรงกระตุ้นให้เธอต้องลากคอคนชั่วมารับผลกรรมที่มันได้กระทำเอาไว้ให้จงได้
หลังจากข่มกลั้นความเศร้าสลดให้ทุเลาเบาบางลงบ้างแล้ว สารวัตรสาวคนสวยก็ยกมือขึ้นคลึงขมับอิ่มชื้นเหงื่อเพื่อให้คลายจากอาการปวดตุ้บๆ อันเนื่องมาจากความเครียดที่สะสมมาตลอดช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา แล้วหย่อนขาลงจากเตียงก้าวเดินออกจากห้องนอน พาร่างเพรียวระหงสมส่วนของตัวเองมาหยุดยืนในครัว ก่อนจะสาละวนชงโก้โก้ร้อนกลิ่นหอมเตะจมูกมาดื่มในเวลาดึกสงัด ที่มีบรรยากาศเย็นเยียบตามสภาพภูมิอากาศของประเทศในแถบเมืองหนาว แล้วจึงกลับไปนอนอีกครั้ง
เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่ทวิชาซัดโก้โก้ร้อนไปถึงสองแก้วใหญ่ติดกันเพื่อหวังจะให้ผ่อนคลาย แต่พลิกตัวไปมาอยู่หลายตลบก็ไม่อาจข่มตาหลับได้ จะมาผล็อยหลับอีกทีก็ใกล้จะรุ่งสางอยู่รอมร่อ
“อ๊าย…ตายแล้วยัยนกเอ้ย ดันตื่นสายจนตะวันแยงตูดซะได้” สะดุ้งตื่นแล้วก็ต้องอุทานเสียงดัง ใบหน้าสวยเริ่มเครียดขึ้นมานิดๆ เมื่อเข็มนาฬิกาเลยเวลาปลุกมาเกือบสี่สิบห้านาที
“แล้วจะทำอะไรก่อนดีล่ะ อาบน้ำ โอเคอาบน้ำ” แม่สาวหัวฟูทว่ายังคงความสวยไม่สร่างเดินไปทางนั้นทีทางนี้ทีแต่ไม่สามารถหยิบจับอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน ใครจะรู้ว่าสารวัตรสาวขาโหดผู้ดูจริงจังกับทุกเรื่องจะมีมุมรั่วๆ ในแบบให้น่าอมยิ้มก็เป็นด้วย
หลังจากวิ่งฝ่าสายน้ำอุ่นในเช้าที่หนาวเหน็บอย่างลวกๆ ทวิชาก็รีบแต่งตัวอย่างเร็วจี๋ สะพายเป้ใบใหญ่ใส่บ่าน้อยทั้งสองข้าง แล้ววิ่งหน้าตั้งมายังโรงจอดรถ วันนี้ผมยาวสลวยไม่ถูกรวบให้เข้าที่ เพราะยังไม่แห้งสนิทจึงกลัวจะมีเชื้อราบนหนังศีรษะจนก่อให้เกิดเป็นรังแค
“วันนี้นกตื่นสาย รถคงติด งั้นขอใช้เจ้าร้ายกาจแล้วกันนะจ๊ะ” ว่าพลางเลิกผ้าคลุมสีดำที่มีฝุ่นเกาะ เพื่อจะเอาบิ๊กไบค์คู่ใจออกไปโลดแล่นในท้องถนน หลังจากที่ไม่ได้เอาพ่อคุณทูนหัวไปเปิดหูเปิดตามาเกือบสองอาทิตย์ วาดเรียวขาสวยขึ้นนั่งแล้วหยิบหมวกกันน็อกสีดำที่ติดตัวอักษรภาษาไทยคำว่าร้ายกาจไว้ที่บริเวณด้านหลังมาสวม ก่อนจะออกแรงสตาร์ทเครื่งยนต์
“ร้ายกาจจ๋า อย่างอนสิจ๊ะ นกไม่ได้ลืมนะ ที่ไม่ได้มาใช้บริการนานก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ฝนมันชอบตกมากวนใจ ครั้นจะให้เอาร้ายกาจไปใช้ก็กลัวว่าพ่อคุณทูนหัวของนกจะเป็นหวัด รักมากถึงได้เป็นห่วงมากไงจ๊ะ” หลังจากพยายามสตาร์ทเจ้าร้ายกาจอยู่หลายรอบ แต่ดูเหมือนพ่อยอดสวาทของเธอจะงอน ถึงไม่มีแม้แต่เสียงให้พอได้ใจชื้น ทุกอย่างนิ่งงัน ทวิชาจึงพูดเชิงงอนง้อกับพ่อคู่หูแล้วลองสตาร์ทใหม่อีกครั้ง
บรื้น!!!
“อ๊าย…น่ารักที่สุดเลย พ่อคุณทูนหัวของนก” สารวัตรสาวโน้มตัวลงไปกอดบริเวณตัวถังรถคู่ใจพลางเอ่ยชม หลังจากที่เสียงเครื่องยนต์ของเจ้าร้ายกาจดังกระหึ่มขึ้น เป็นสัญญาณว่าพ่อคุณทูนหัวของเธอเลิกงอแงและพร้อมทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว
“วันนี้ขอแบบซิ่งเลยนะจ๊ะพ่อสุดหล่อ นกรีบน่ะพอดีว่าตื่นสาย” ขาดคำหญิงสาวก็เหยียบคันเร่งซิ่งออกไปจากบริเวณหน้าบ้านหลังน้อยทันที
บนท้องถนนในเวลาเช้าตรู่เช่นนี้คราคร่ำไปด้วยรถยนต์ที่ต่างดาหน้าจ่อคิวเพื่อจะไปให้ถึงจุดหมาย วันแรกของสัปดาห์รถย่อมติดเป็นปกติ ฟรานเชเซียสถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย สภาวะรถติดทำให้เขาหงุดหงิดและอารมณ์เสียได้เสมอ หากไม่ใช่เพราะความคิดตื้นๆ เพียงชั่ววูบของตัวเอง ก็คงไม่เกิดความผิดพลาดจนเขาต้องมาติดแหง็กอยู่บนถนนในเวลานี้
เนื่องจากในบ่ายวานนี้เจ้าพ่อหนุ่มมาพบลูกค้าที่เมืองนวร์ก ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ แต่พอดีว่าหิมะตกหนักหลังจากที่เขามาถึงเพียงครึ่งชั่วโมง เจรจางานเสร็จหิมะก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง มันคงจะลำบากและเสี่ยงอันตรายหากสั่งให้ลูกน้องขับรถฝ่าหิมะกลับนิวยอร์ก ด้วยคำนึงถึงความปลอดภัยของทั้งตัวเองและลูกน้อง ฟรานเชเซียสจึงตัดสินใจเข้าพักในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งที่ใจกลางเมืองนวร์ก
พอตื่นเช้ามาก็นั่งรถกลับนิวยอร์ก ไม่ได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวอย่างเช่นทุกครั้ง ที่หากเกิดความล่าช้าเขาก็จะให้นักบินเอาเครื่องมารับ เพราะคิดว่านิวเจอร์ซีย์อยู่ติดกับนิวยอร์ก การเดินทางด้วยรถยนต์คงจะใช้เวลาไม่นาน มันคงไม่ต่างอะไรมากนักกับขามา แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะคาดการณ์ผิดถนัด และนั่นก็ทำให้เขาสบถลั่นด้วยความหงุดหงิดมาตลอดทาง ไม่อยากเสียเวลารอเครื่องที่กัปตันจะต้องบินออกมาจากนิวยอร์กแค่ไม่กี่อึดใจ แต่ดันมาเสียเวลาเพราะรถติดซะได้ ยังดีที่เทศบาลมาเคลียร์ทางเอาหิมะออกให้แต่เช้ามืด ไม่เช่นนั้นเขาคงจะต้องติดอยู่บนถนนเส้นหลักอีกหลายชั่วโมง
“นายจะให้ผมพากลับบ้านเลยไหมครับ” แฟรงค์เอี้ยวหน้าเพียงนิดกลับมาถามเจ้านายไว้ก่อน เพราะหากฝ่าการจราจรคับคั่งจากตรงนี้ไปได้ รถก็คงแล่นฉิวอย่างสบาย จะไปติดอีกทีก็คงเป็นในตัวเมืองนิวยอร์ก
ถามไถ่ผู้เป็นเจ้านายเสร็จก็เบนสายตากลับไปทางเดิม เพื่อนำพารถยนต์คันหรูให้แล่นลิ่วไปตามวิถีถนน แต่สิ่งที่ได้กลับมาจากคนที่นั่งอยู่บนเบาะหลังคือความเงียบงัน ทำเอาคนถามต้องขมวดคิ้วหนาเข้าหากัน แปลกใจอย่างมากล้นที่เจ้านายทำเหมือนใจลอย ทนไม่ไหวก็แอบชำเลืองดูท่าทีของอีกฝ่ายผ่านทางกระจก
บรื้น!!!
เสียงเครื่องยนต์ของบิ๊กไบค์สีแดงเพลิงดังกระหึ่มขึ้นใกล้ๆ แต่เพียงชั่วพริบตาก็โฉบเฉี่ยวซิกแซกแซงตัดหน้าทำให้คนที่ทำหน้าที่เป็นพลขับถึงกับสบถออกมาเบาๆ อย่างยั้งใจไม่อยู่ เพราะบิ๊กไบค์คันนั้นเฉียดเข้ามาใกล้จนเกือบจะทำให้รถราคาแพงของเจ้านายมีรอยราคี แต่ถึงจะรีบแค่ไหนมอเตอร์ไซต์คันใหญ่ก็ไม่สามารถผ่านพ้นสัญญาณไฟจราจรไปได้ สุดท้ายก็ต้องมาติดแหง็กที่ไฟแดงดุจดังรถยนต์จากค่ายหรูอีกหลายสิบคันที่กำลังไล่หลังมาติดๆ และหนึ่งในนั้นก็คือรถที่มีผู้โดยสารกิตติมศักดิ์อย่างฟรานเชเซียส โบลาโกนี ร่างสง่างามและทรงพลังนั่งพิงพนักด้วยท่าทางผ่อนคลาย หลังจากถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ คล้ายยอมจำนนต่อความล่าช้า
นัยน์ตาสีทองอร่ามของเจ้าพ่อจอมอหังการทอดฝ่าละออกหมอกที่เกาะกระจกรถคันหรูอย่างเลื่อนลอยและไร้จุดหมาย จนมาสะดุดเข้ากับตำรวจสาวร่างอรชรอ้อนแอ้นนางหนึ่ง ที่สวมเสื้อกันกระสุนสีดำขนาดพอดีตัวทาบทับเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับแขนขึ้นมาเกือบจรดข้อศอกน้อย ซึ่งชายเสื้อถูกเจ้าตัวเก็บไว้ในขอบกางเกงอย่างเรียบร้อย แผ่นหลังบอบบางน่าทะนุถนอมที่มีผมยาวสลวยสีดำขลับทิ้งตัวลงมาปกคลุมจนถึงบั้นเอวคอดกิ่ว รับกับสะโพกผายภายใต้กางเกงยีนส์รัดรูปสีดำสนิทได้อย่างน่ามอง
ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นเธอมันดูเหมาะเจาะลงตัว ดังสวรรค์เสกสรรค์ปั้นแต่งให้แม่เทพธิดานักซิ่งเกิดมาเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ มองแล้วเซ็กซี่เป็นบ้า เท่ห์อย่าบอกใคร แถมยังดูสง่างามอย่างบอกไม่ถูก ถ้าได้นั่งซ้อนท้ายแล้ววาดลำแขนกำยำไปโอบกอดเอวคอดนั่นสักครั้งคงจะรู้สึกดีไม่หยอก คิดแล้วฟรานเชเซียสก็อยากเห็นหน้าแม่สาวใจกล้าที่ออกมาท้าลมหนาวในเวลาเช้าๆ อย่างนี้ขึ้นมาตงิดๆ
ทวิชาไม่มีอาการสั่นไหวเพราะร่างกายของเธอได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี จนแข็งแกร่งไม่ต่างจากชายชาตินักรบ จึงสามารถทานความหนาวเหน็บอย่างไม่สะทกสะท้าน แถมแม่คุณยังไม่ใส่เสื้อโค้ทเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ท้าทายทั้งลมหนาวและสายตาผู้พบเห็น โดยเฉพาะฟรานเชเซียส โบลาโกนี บุรุษผู้ไม่เคยแยแสต่อสตรีใดในโลกยกเว้นมารดาของตัวเอง แต่ตำรวจสาวคนนี้กลับทำให้เขาไม่อาจมองข้ามไปได้ มัวแต่มองแม่นักซิ่งสาวที่ขับบิ๊กไบค์สีแดงเพลิงปรู๊ดปร๊าดปาดหน้ารถยนต์คันแล้วคันเล่า จนลืมสนใจคำถามของลูกน้องไปโดยปริยาย
“นายครับ” แฟรงค์เอ่ยเรียกเจ้านายด้วยความเกรงใจอีกครั้ง หากไม่ใกล้จะเลยทางแยกที่ตัดเข้าไปยังนิวยอร์ก เขาก็คงไม่ขัดอารมณ์สุนทีรย์ของอีกฝ่ายหรอก เพราะไม่เคยเห็นเจ้าพ่อค้าอาวุธผู้ยิ่งใหญ่จะให้ความสนใจกับผู้หญิงคนไหนอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้มาก่อน
“หืม…แกว่าอะไรนะแฟรงค์” คนที่เพิ่งถูกปลุกให้หลุดจากภวังค์ถอนสายตาจากภาพเบื้องหน้า แล้วถามอีกฝ่ายราวคนละเมอ แต่เพียงชั่วเสี้ยวนาทีก็ต้องเบนความสนใจกลับไปทางเดิม
ในจังหวะที่รถติดไฟแดงอีกจุด ทวิชาก็ถอดหมวกกันน็อกใบโตออก ปล่อยผมยาวสลวยให้คนแอบมองได้เห็นเพียงชั่วพริบตา แต่การสะบัดเรือนผมดำขลับไปมาแค่เสี้ยวนาทีก็สามารถตราตรึงสายตาเจ้าพ่อหนุ่มได้อย่างชะงัด ทำเอาหัวใจกระด้างแทบหยุดเต้น ก่อนที่หญิงสาวจะรวบมันด้วยยางเส้นเล็กสีดำ แล้วสวมครอบหมวกกันน็อกลงไปดังเดิม
ขณะเดียวกันนั้นฟรานเชเซียสก็วาดเรียวขาแกร่งไขว่ห้าง แล้วยกมือขึ้นลูบปลายคางบึกบึนเบาๆ พร้อมทอดนัยน์ตาคมเฝ้ามองทุกอากัปกิริยาอย่างไม่อาจละสายตาออกมาจากภาพนั้นได้ มองจนเกือบจะลืมแม้กระทั่งหายใจ ทั้งที่เขาไม่เคยพิสมัยคนในเครื่องแบบเลยสักนิด แต่แม่ตำรวจสาวตรงหน้ากลับทำให้เขารู้สึกเพลินจนไม่อาจถอนสายตาไปไหนได้
“เอ่อ…นายจะให้ผมพากลับบ้านเลยไหมครับ” ถามเสร็จแฟรงค์ก็ลอบยิ้มกริ่มที่มุมปาก เพราะไม่เคยเห็นเจ้านายมองตาก้นสาวจนตาค้างแบบนี้มาก่อน แถมเป้าหมายในครั้งนี้ยังเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ซะด้วย
“ไม่ เข้าบริษัทก่อน บอกคนเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนด้วย” ทั้งที่อยากกลับไปงีบเต็มทนแต่ปากดันสั่งให้ลูกน้องบึ่งรถไปบริษัท เพราะหัวใจกร้าวกระด้างชักเหมือนจะลอยตามแผ่นหลังแสนเซ็กซี่ของแม่ตำรวจสาวปริศนาที่เขายังไม่มีโอกาสได้ยลโฉมหน้า
“นายจะให้ผมไปสืบให้ไหมครับ ว่าเธอเป็นใคร” ตัดสินใจถามไถ่หลังจากที่เห็นเจ้านายชะเง้อมองตามสาวเจ้าจนคอจะยาวเป็นยีราฟ แถมยังทำเสียงเหมือนเสียดายในจังหวะที่เธอเลี้ยวรถเข้าไปในตรอกแคบๆ แห่งหนึ่ง ก่อนที่หญิงสาวจะเอาเท้ากระแทกคันเร่ง ส่งแรงบิดที่แฮนด์ในอุ้งมือน้อยทั้งสองข้างพาเจ้าบิ๊กไบค์สีแดงเพลิงหายลับตาไปในที่สุด
“ไม่ต้อง!” ฟรานเชเซียสปฏิเสธเสียงเข้มพลางยกแขนกำยำขึ้นกอดอก แล้วส่งสายตาดุดันไปมองอีกฝ่ายอย่างตำหนิที่บังอาจมารู้เท่าทันความคิดของเจ้านายอย่างเขา
สถานีตำรวจเมืองนวร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา
หลังจากงานศพของไมเคิลถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติทุกคนก็กลับมาทำงานตามปกติ ถึงแม้จะผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วแต่บรรยากาศก็ยังดูเงียบเหงาเศร้าสลดไม่สร่างซา โดยเฉพาะทวิชาที่ดูเซื่องซึมจนน่าใจหาย แต่ไม่นานเธอก็ต้องสลัดสิ่งรบกวนจิตใจออกไป หน้าที่ย่อมมาก่อนความรู้สึกส่วนตัว
ตลอดบ่ายวันนี้ดูเหมือนว่าสน.จะระอุไปด้วยประเด็นร้อน เพราะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของที่นี่มีคำสั่งลงมาว่าตำรวจทุกนายของแผนกอาชญากรรมจะต้องเข้าประชุมร่วมหารือในภารกิจสำคัญ เนื่องจากสายของตำรวจเพิ่งรายงานมาว่าทุกครั้งที่เกิดเหตุจราจลอาวุธสงครามจะถูกขนย้ายจากโรงงานผลิตรายใหญ่ไปไว้ที่ไหนสักแห่งในแถบชายแดนเม็กซิโก โดยใช้เมืองนวร์กเป็นเส้นทางหลักในการลำเลียง
หลังจากฟังลูกน้องทำการแจกแจงถึงผลกระทบจากปัญหาใหญ่ที่กำลังลุกลามและขยายพื้นที่ราวกับไฟลามทุ่ง คริสโตเฟอร์ ลีโนแวน นายกเทศมนตรีของเมืองนวร์ก ผู้บังคับบัญชาตำรวจทุกนายในที่นี้ก็ลูบปลายคางใช้ความคิด ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักเมื่อไอเดียดีๆ แวบเข้ามาในหัวสมองอันเฉียบแหลม
“เราคงต้องส่งนางนกต่อเข้าไปสืบในคลังแสงโบลาโกนี” น้ำเสียงทรงพลังเอ่ยขึ้นกลางองค์ประชุม