ตอนที่ 1
“คุณลุงขา”
อย่าบอกใคร
ขณะที่ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสือนิยายสุดฟินอยู่ในเปลที่ผูกเอาไว้ระหว่างต้นมะม่วงสองต้น จู่ๆ ภายในหูก็พลันได้ยินเสียงรถกระบะคันหนึ่ง วิ่งเข้ามาในบ้านเช่าที่อยู่ติดกับสวนมะพร้าวข้างบ้าน
ตอนแรกฉันไม่ได้สนใจมอง แต่เป็นเพราะว่าบ้านหลังนี้อยู่ติดกับสวนมะพร้าวของพ่อฉัน ห่างกันเพียงรั้วกั้น ใครเข้าใครออกก็ต้องเห็น ลักษณะของบ้านปลูกสร้างแบบปูนเปลือยชั้นเดียวผสมไม้ ดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เจ้าของเปิดให้เช่าแบบรายเดือน จึงมีลูกค้าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเช่าบ้านหลังนี้ไม่ซ้ำหน้า เท่าที่เห็นส่วนมากก็เป็นพวกฝรั่งต่างชาติที่นิยมมาเที่ยวเมืองไทยแล้วอยู่นานแบบลองสเตย์
บอกตรงๆ ว่าตอนแรกฉันไม่ได้สนใจมอง กระทั่งได้ยินเสียงคนที่มาเช่าบ้าน ถือโทรศัพท์แนบหูเดินออกมาที่สวนหลังบ้าน
เสียงสนทนาเป็นภาษาอังกฤษสะดุดหูฉันอย่างจัง ทำให้ต้องลุกขึ้นจากเปล เดินมาที่รั้ว มองผ่านช่องว่างระหว่างแนวรั้วหลังบ้าน
และพลันนั้นเอง ที่สายตาของฉันปะทะเข้ากับฝรั่งร่างสูงใหญ่วัยลุงคนหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาสไตล์หนุ่มลาตินที่ฉันชอบ กำลังเดินตรงมาที่ป่ากล้วย ใกล้กับแนวรั้วที่ฉันยืนอยู่ แกไม่ได้สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงบอลขาสั้นบางๆ
เนื้อตัวของฝรั่งคนนี้กำยำล่ำสันไปด้วยมัดกล้าม แผงอกแน่นนูนไปด้วยมัดเนื้อ มีเส้นขนสีดำแผ่กระจายทั่วอกกว้าง ซิกแพคเป็นลูกเป็นลอนน่าลูบไล้ ที่ปั้นไหล่ด้านขวามีลายสักคลาสสิคเป็นเส้นสายสีดำขลัง สวมนาฬิกาสีเงินวาวที่ข้อมือข้างซ้าย โครงร่างสูงใหญ่ล่ำสันสะดุดตาฉันเหลือเกิน
‘ว้าว… อีตาลุงคนนี้เซ็กซี่สุดๆ’
ฉันอุทานในใจ เบี่ยงตัวหลบวูบว่องไวเพราะกลัวว่าแกจะเห็น รีบซ่อนร่างไว้หลังเหลี่ยมเสา แอบมองฝรั่งวัยลุงควักกล้วยของเขาออกมาอวดสายตา
‘ว้าย… อกอีแป้นจะแตก’
ไม่คิดว่าจะได้เห็นของดีเป็นบุญตาแต่เช้าตรู่ ฉันอุทานเสียงดังลั่นอยู่ในใจ อีตาลุงคนนี้ไม่ได้ดึงขอบกางเกงลงมา แต่ควักแก่นกายชนิดที่ว่าทำเอาฉันใจเต้นระทึก เพราะว่าแกรั้งเป้ากางเกงไปไว้ข้างซอกขาแล้วควักดุ้นเอ็นยาวใหญ่ออกมาจากด้านล่าง ล้วงออกมาแบบแมนๆ
‘โห… ’
ฉันตะลึง มองอีตาลุงฝรั่งยืนแอ่นสะโพก ปลดปล่อยน้ำฉี่สีเหลืองอำพัน พวยพุ่งออกมาเป็นสาย สะท้อนอยู่ในประกายแสงแดดเหลืองอร่ามของยามสาย ราดรดลงมาที่โคนต้นกล้วย ที่เห็นมันพุ่งแรงนั้นคงเป็นธรรมดาของคนท่อใหญ่
‘โอ้แม่เจ้า… ของคนหรือของม้าวะนั่น โห… ยังกะแขนเด็กแน่ะ… ใครโดนเข้าไปตายแน่ๆ’
ฉันยังคงอุทานลั่นอยู่ในใจ เอามือลูบแขนตัวเองไปมา ยอมรับว่ารู้สึกขนลุกขนพอง หากดวงตาก็ยังเบิกโพลง มองแล้วมองอีก มองจนตาแทบจะถลนออกจากมาจากเบ้า ตะลึงกับความ ‘ใหญ่’ และ ‘ยาว’ ของอีตาลุงฝรั่งสุดหล่อที่จู่ๆ ก็ควักไอ้จ้อนออกมาให้สาวน้อยอย่างฉันตาค้าง เพ่งมองด้วยใจกระเจิง
นี่ขนาดอยู่ในสภาพปกติธรรมดาก็ยังใหญ่ยาวราวกับมะเขือยาว แล้วถ้าตอนที่มันอยู่ในสภาพแข็งตัวสุดๆ ล่ะ โอ้ย… ไม่อยากจะคิด แต่ก็คิดไปแล้ว… มันคงใหญ่เบ้อเริ่มเท่าแขนของฉันกระมัง
ฉันนิ่งมอง ยืนตัวแข็งทื่อ ราวกับโดนสะกดด้วยเวทย์มนต์คาถาอะไรสักอย่าง ยืนมองลุงฝรั่งจับแท่งเอ็นฟาดกับต้นขาของตัวเองสองสามทีจนสะเด็ดน้ำแล้วดึงกลับเข้ามาทางซอกขากางเกง เมื่อเก็บอาวุธไว้ในสภาพเรียบร้อยก็ผิวปากหวือ เดินออกไปจากป่ากล้วยโดยไม่รับผิดชอบกับความรู้สึกของฉันที่ยังตะลึง ใจเต้นแรง
“อีตาลุงบ้า”
ฉันรู้สึกโล่งใจ ที่แกเดินออกไปเสียได้ สิ่งที่เห็นทำเอาเหงื่อซึมออกมาชื้นอยู่ในอุ้งมือทั้งสองข้าง ใจยังเต็นรัวไม่หาย ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้มาเห็นอวัยวะเพศชายขนาดอลังการในตอนกลางวันแสกๆ
“โอ๊ย… ตกใจหมดเลย”
ฉันยกมือขึ้นทาบอก ใจยังเต้นแรงเหมือนกลองรัว ก่อนที่เสียงแหวของแม่ช่วยฉุดฉันออกจากภวังค์
“นังฟ้า… นั่นเอ็งอยู่ไหนวะ”
เสียงของ ‘นางชบา’ แม่ฉันดังขึ้นมาอีก ฉันมีชื่อจริงว่า ‘เฟื่องฟ้า’ แต่แม่มักจะเรียกสั้นๆ ว่า ‘ฟ้า’ ด้วยความเคยชิน
“จ๋า… อยู่หลังบ้านจ้ะ แม่มีอะไรจ๊ะ”
เสียงของแม่เรียกสติฉันกลับมา รีบเก็บอาการพิรุธแล้วก้าวยาวๆ กลับเข้ามาในบ้าน สงสัยว่าแม่คงมีอะไรจะใช้จึงร้องเรียกเสียงดังลั่นมาถึงหลังบ้าน
“มีอะไรจ๊ะแม่จ๋า”
ฉันยื่นใบหน้าเข้ามาในครัว
“เดี๋ยวเอ็งช่วยเอาปิ่นโตไปส่งให้ลุงฝรั่งข้างบ้านนะ”
แม่บอกถึงธุระที่ต้องร้องเรียกฉัน
“เอ่อ… ฝรั่ง… หมายถึงอีตาลุงตัวใหญ่ๆ ที่เพิ่งมาเช่าบ้านเมื่อไม่กี่วันนี้ใช่ไหมจ๊ะ”
ฉับเกือบจะหลุดไปว่าอีตาลุงรูปหล่อที่เพิ่งมายืนอวดจรวดให้ฉันเห็นเมื่อกี้ใช่ไหม
“เออ.. บ้านเช่าหลังที่อยู่ติดบ้านเรานี่แหละ… จะใครเสียอีกล่ะ”
แม่ตอบห้วนสั้น
“แล้วทำไมต้องเอาปิ่นโตไปให้เค้าด้วยล่ะ”
ฉันสงสัยอีก แกล้งถามกวนๆ ทั้งที่รู้ว่าบ้านเรามีอาชีพทำกับข้าวขายและส่งปิ่นโตมาแต่ไหนแต่ไร
“เอ็งนี่ถามแปลกๆ… ก็เค้าขอผูกปิ่นโตกับบ้านเรา… คงคิดว่าน่าจะสะดวกเรื่องอาหารการกิน เพราะแกเป็นผู้ชายมาเช่าอยู่คนเดียวด้วย”
“อ๋อ… ”
เป็นแบบนี้นี่เอง ฉันเข้าใจละ
“แล้วอีตาลุงคนนี้มาเช่าอยู่นานไหมจ๊ะแม่”
ฉันทำเสียงอยากรู้ขึ้นมาทันที
“เดือนนึง”
แม่ตอบพลางเดินกลับเข้าไปในครัว ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับเถาปิ่นโตสีเหลืองในมือ
“เอาไปส่งให้ที… อย่าลืมเก็บเงินมาด้วยนะ ทั้งหมดนี้ห้าร้อย”
แม่กำชับ ฉันมองดูปิ่นโตสามใบซ้อนกัน
“แพงเหมือนกันนะแม่”
“ก็ต้องแพงสิ… อาหารทะเลทั้งนั้น… ”
แม่บอกเหตุผลที่คิดราคาหนัก ฉันเดินเข้ามาคว้าปิ่นโต หิ้วออกมาจากบ้านด้วยความรู้สึกใจเต้นรัว ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวออกมาพ้นประตูแม่ก็เรียกเอาไว้
“เดี๋ยว ฟ้า… เอ็งเอากุญแจบ้านไปด้วยนะ ถ้าจะออกไปไหนก็อย่าลืมล็อคประตูบ้านนะ เดี๋ยวแม่จะออกไปข้างนอกสักครู่”
แม่กำชับ
“อ้าว… แม่จะไปไหนหรือจ๊ะ”
ฉันถาม
“แม่จะไปร้านเสริมสวยสักหน่อย… อยากทำผม”