พ่อบ้านจำเป็นเตรียมกับข้าวไว้ให้ภรรยาเรียบร้อย วันนี้เธอตื่นสายกว่าทุกวัน เขาขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเธอยังคงนอนหลับอยู่เลย ใจก็อยากปลุกอยู่หรอกแต่อีกใจก็ไม่อยากจะรบกวน แต่พอจะเดินออกจากห้องขากลับก้าวไม่ออก ปลุกหน่อยก็ได้วะ
"เพียง ตื่นได้แล้วพี่จะไปทำงานแล้ว" รู้สึกว่าช่วงนี้เธอจะเริ่มเป็นตัวของตัวเอง ปกติคงตื่นสายแบบนี้เป็นประจำสินะ ทนหลอกเขามาปีกว่าถือว่าเก่งใช้ได้ ที่ผ่านมาเขาดูออกแต่แค่ขี้เกียจพูด
ตุลย์ภพเตะลงเบาๆ ที่แขนของภรรยาก็พบว่าเธอตัวร้อนมาก ไม่ได้สบายได้ยังไงเขาเองก็ยังสงสัย หรือเมื่อคืนเขาจะรุนแรงเกินไปวะ ร่างสูงเดินไปเปิดม่านเพื่อให้ห้องสว่างขึ้นเดินกลับมามองคนที่นอนซมอยู่บนเตียง อยู่ด้วยกันมาปีกว่าเธอป่วยประมาณสามสี่ครั้งสำหรับเขาถือว่าบ่อย ลูกคุณหนูก็คงป่วยง่ายเป็นธรรมดา จะเอายังไงต่อไปเขาเองก็ยังไม่รู้ จะมาป่วยอะไรตอนนี้ตอนที่เขามีธุระสำคัญต้องไปทำ จะให้เดินออกไปเฉยๆ ก็ดูจะใจร้ายเกินไป โอเคงั้นก็เช็ดตัวป้อนข้าวป้อนยาให้ก่อนก็แล้วกัน จากเมนูข้าวผัดก็ต้องเปลี่ยนเป็นข้าวต้มแทน
ภายในครัวเวลาแปดโมงระหว่างรอข้าวต้มเดือดเขาก็โทรหาเพื่อนสนิท ร่างสูงยืนหลังพิงประตูครัวมือหนึ่งถือโทรศัพท์อีกมือถือทัพพี แต่พอกดโทรออกเขากลับเอาทัพพีขึ้นไปแนบหู..
"ฮัลโหล ฮัลโหลๆ ไอ้ธันมึงได้ยินกูหรือเปล่า ฮัลโหล! " โทรศัพท์เป็นอะไรวะ เขารีบดึงโทรศัพท์ออกมาดู
"อ้าว ไอ้เหี้ย! ทัพพี" รีบยกอีกข้างขึ้นมาแนบหู ดีไม่มีใครเห็นไม่งั้นอายตาย เสียฟอร์มหมด ช่วงนี้มีแต่เรื่องเครียดๆ ไงเลยเบลอ..ถ้ามีเรื่องเครียดเพิ่มเข้ามาอีกต่อไปคงต้องเข้าโรงบาลจิตเวช
" มึงได้ยินกูแล้วใช่ไหม"
(กูได้ยินตั้งนานแล้ว มึงจะฮัลโหลๆ ทำแป๊ะอะไรนักหนา กูก็ตะโกนฮัลโหลๆ ตามจนคอจะแตก)
"ช่วยไปรับโฉมที่บ้านแทนกูหน่อย มีนัดหาหมอเก้าโมงเช้า"
(โฉมคงอยากให้มึงพาไปมากกว่า แล้วมึงเป็นอะไรทำไมไม่ไปเอง)
"กูติดธุระที่บ้านนิดหน่อย กลัวไปไม่ทัน ถ้าเสร็จธุระแล้วกูจะรีบตามไป โฉมไม่ว่าหรอกถ้าเป็นมึง"
(กูรู้ว่าโฉมไม่ว่าแต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนกันไง แต่ก็ช่างเถอะเดี๋ยวกูเข้าไปรับโฉมเองส่วนมึงก็จัดการธุระเร็วๆ ก็แล้วกัน ไม่มีใครรู้วันเวลาที่แน่นอนหรอก ในเมื่อมึงทำมาขนาดนี้แล้วกูก็อยากให้มึงทำให้ดีที่สุด)
" อืม"คำพูดสุดท้ายของเพื่อนทำเอาเขาจุกพูดอะไรไม่ออก ไม่มีใครรู้วันเวลาที่แน่นอนหรอก อืม.. มันก็จริงของมัน
ยืนซึมไปสักพักเขาก็เดินกลับมาดูข้าวต้มตอนนี้เขาเบลอหนักจนไม่รู้ว่าใส่อะไรลงไปบ้างแล้ว เวลาคนมันเครียดมากๆ สมองมันก็มักจะสั่งการอะไรบ๋องๆ เช่นตอนนี้ จะหยิบเกลือดันไปหยิบน้ำตาล จะปิดเตาแก๊สดันเดินไปเปิดไฟ เออ เอาเข้าไป กูล่ะงงกับตัวเองไปหมดแล้วตอนนี้ กว่าจะได้สติเขาก็ต้องยืนทำสมาธิอยู่นานทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวมันตีรวนกันไปหมด
ห้องนอนด้านบน คนไข้นอนครางเสียงงึมงำไม่ได้สติ ใบหน้าสวยยิ้มพริ้มคงกำลังฝันหวาน
'ชีวิตดีเสียจริง อยู่บ้านโน้นก็มีคนใช้รอบบ้านพอมาอยู่ที่นี่ก็มีเขานี่ไงที่เป็นคนใช้'
"ตื่นมากินข้าวกินยาก่อนเพียง" ข้าวต้มร้อนๆ ถูกเสิร์ฟวางอยู่ข้างเตียง เมื่อเธอรู้สึกตัวเขาก็ก้มลงพยุงตัวเธอลุกขึ้นนั่ง พอเพียงดูจะงงๆ ว่าเป็นอะไรจะอ้าปากพูดก็ไม่ได้เสียงแห้งไปหมด ฝ่ายบริกรจึงต้องบริการน้ำเมื่อดื่มเสร็จเธอก็พูดขึ้น
"พี่ตุลย์ ยังไม่ไปทำงาน" ดวงตาแทบจะลืมไม่ขึ้นแต่ก็อยากเห็นหน้าสามี
"ยัง..กินข้าวกินยาเร็วๆ พี่จะได้รีบไปทำงาน"
พอเพียงพยักหน้าตอบ เธอรู้สึกตัวรุมๆ แรงจะยกแขนก็ยังไม่มี สามีที่รักไม่คิดจะป้อนข้าวเธอเลยหรือไง เธอทำหน้าอ้อนให้เขาป้อนข้าวให้ ใบหน้าหล่อบึ้งตึงเล็กน้อยแต่เพราะรีบก็เลยต้องทำตาม
"เป่าก่อนได้ไหมคะ เพียงกลัวร้อน" ช้อนมาจ่อที่ปากแต่ก็ไม่กล้ากิน ควันขนาดนั้นปากพองมาไม่คุ้ม
"อืม พู่ๆ" อยู่ดีๆ ก็อยากกินน้ำลายเขาซะงั้น
งั้ม...อื๊อ..รสชาติมันเค็มๆ หวานๆ
"อะแฮ็กๆ" คำแรกก็อยากตายเลย ขอป่วยต่อได้ไหม ผิดสูตรหรือเปล่า
"ทำไม? รสชาติไม่ได้เรื่องเหรอ พี่ไม่ได้ชิม"เห็นสีหน้าเธอแล้วคิดถึงหน้าตัวเอง ตอนที่นั่งกินกับข้าวฝีมือเธอสีหน้าแบบนี้เด๊ะเลย กรรมตามทันแล้วไง
"รสชาติแย่มากเลยค่ะ มันหวานๆ แล้วก็เค็มมาก" หยี๋ รสชาติเหมือนกับข้าวฝีมือเธอเลยอะ ห่วยสุดๆ
"เดี๋ยวพี่ลงไปทำให้ใหม่รอแป๊บนึง" ยิ่งรีบยิ่งเสียเวลา..
ครืด.. ครืด..
ในจังหวะนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็มีคนโทรเข้ามาพอดีเมื่อหยิบออกมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์เพื่อนเขาจึงเดินออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก
" ฮัลโหลว่างะ..ฮ๊ะ! อะไรนะ ได้ๆ เดี๋ยวกูจะรีบไปเดี๋ยวนี้" พอได้ยินเรื่องสำคัญเขาก็ลืมทุกอย่างร่างสูงวิ่งลงบันไดอย่างไม่คิดชีวิตยังดีที่มีสติเดินไปคว้ากุญแจรถจากนั้นก็รีบขับออกไป อะไรสำคัญกว่าคงรู้กัน
พอเพียงได้ยินเสียงรถขับออกไปคิดว่าไม่ใช่ พี่ตุลย์บอกว่าจะไปทำข้าวต้มมาให้ใหม่หรือออกไปซื้อเครื่องปรุง คนป่วยก็รออย่างมีความหวังจนแล้วจนรอดข้าวต้มถ้วยใหม่ก็ยังไม่มา รอมาจะชั่วโมงหิวไส้จะขาดเขาไปปลูกข้าวอยู่หรือไงถึงได้ทำนานขนาดนี้ ทนไม่ไหวขอลงไปดูหน่อย ร่างบางพยุงตัวลงมาชั้นล่างเพื่อดูว่าเขาทำอะไร ได้กลิ่นหอมๆ ในครัวคงกำลังพิถีพิถันทำข้าวต้มให้เธออยู่ พอเพียงเดินเข้าไปหาเขาในครัวกระพริบตาถี่รัวเพื่อดูให้แน่ใจ.. ทำไมสามีเธอถึงเปลี่ยนไป
"คุณเพียงสวัสดีค่ะ คุณตุลย์โทรให้ป้ามาดูแลคุณเพียงค่ะ" ป้าจุ๊ยกมือไหว้สวัสดีอย่างนอบน้อม
"สะ.. สวัสดีค่ะป้าจุ๊" งงไปสิ แล้วสามีเธอไปไหน ป้าจุ๊เป็นป้าแม่บ้านที่สามีเธอจ้างมาช่วยงานบ้านในช่วงแรกๆ
"รอป้าสักครู่นะคะ ข้าวต้มใกล้เสร็จแล้วค่ะ" ป้าจุ๊ปิดเตาตักข้าวต้มใส่ถวยเดินมาเสิร์ฟที่โต๊ะ พอเพียงดูจะยังงงๆ สรุปแล้วสามีเธอไปไหนความสงสัยมันยังวนอยู่ในหัว แต่หิวมากนาทีนี้ต้องกินข้าวก่อน
"ขอบคุณนะคะ" ข้อดีของข้าวต้มก็คือมันเหมาะสำหรับคนป่วยแต่ข้อเสียก็คือมันร้อน สามีเธอไปไหนทำไมถึงไม่บอก เขาทำนิสัยแบบนี้อีกแล้วนะพอถามก็ชอบบอกว่ามีธุระด่วน แต่ครั้งนี้มันเกินไปมันมีอะไรหนักหนาที่สำคัญกว่า เมียป่วยอยู่ยังจะไปอีกบอกกันสักนิดก็ไม่มี..
หลังจากกินข้าวกินยาเสร็จเธอก็ขึ้นไปพักวันนี้ป้าจุ๊จะมาทำงานบ้านให้ เมื่อเข้ามาในห้องสิ่งแรกที่เธอทำก็คือเข้าแอปพลิเคชันเช็คว่าสามีออกไปไหนเสียงรถที่เธอได้ยินคือใช่ เขามีอะไรที่ต้องรีบขนาดนั้นเมื่อก่อนเธอไม่เคยตามเพราะไว้ใจไง ภาพในจอมือถือบ่งบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ทำงานเพราะมันอยู่คนละโซนกันเลย เมื่อกดซูมเข้าไปก็พบว่ามันเป็นโรงพยาบาล
'เขาไปทำอะไรที่โรงบาล ญาติป่วยหรือใครตายถึงได้รีบขนาดนั้น' ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย จะตามไปดูสังขารก็ไม่เอื้ออำนวยป่วยร่อแร่ จากที่จะไปตามสามีคงได้ไปนอนโรงพยาบาลแทน
'คงไม่มีอะไรหรอก คิดมากน่ะ อย่าให้เธอต้องร้ายก็พอ'
พักผ่อนเอาแรงพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย ภรรยาทุกคนมักจะมีเซนส์โดยอัตโนมัติ ซึ่งเธอก็รับรู้ได้แต่ก็ต้องค่อยๆ หาหลักฐานไป หากทำอะไรโดยไม่มีหลักฐานมันก็เหมือนผู้หญิงไม่มีเหตุผลดูไม่แพง คนอย่างพอเพียงจะเล่นให้แพงจนจุกเลยแหละ อย่าได้คิดนอกกายนอกใจเชียวนะ..ไม่งั้นจากอยู่ในคุกพี่ได้ไปอยู่ในนรกแน่ เพียงนี่แหละจะเป็นคนเผาพี่เอง
เวลาทั้งวันของพอเพียงหมดไปกับการนอนพักผ่อน พอถึงตอนเย็นสามีเธอก็กลับบ้านเวลาเดิม เขายังคงทำตัวตามปกติ แต่สีหน้าท่าทางดูไม่ได้เลย เขาดูเหนื่อยและเครียดกว่าทุกวัน ทำเอาเธอกังวลไปด้วยจากที่ตั้งใจจะจับผิดกลายเป็น เป็นห่วงเป็นใยเขาแทน สภาพเขาเหมือนทำงานไม่ได้พักมาเป็นเวลาสิบปี เป็นแค่ผู้จัดการโรงแรมต้องทำงานหนักขนาดนั้นเลย หรือว่าเขาจะไปรับจ๊อบพิเศษที่โรงบาลเพราะเธอเห็นในแอปพลิเคชันแจ้งว่าเขาอยู่ที่นั่นครึ่งวัน พอช่วงบ่ายหมุดก็เปลี่ยนไปปักที่โรงแรมมุกทราแกรนด์ เขาทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมที่นี่มาหลายปีแล้ว เธอจึงไม่ได้สงสัยอะไร พอถามว่าทำไมถึงต้องรีบออกไปขนาดนั้น เขาก็บอกว่าติดธุระด่วนตามสเต็ปเดิม เธอรู้เท่าที่เขาอยากให้รู้ไม่ได้เข้าไปเจาะลึกอะไร ความจริงเธอสามารถเลี้ยงเขาได้โดยไม่ต้องไปทำงานด้วยซ้ำแต่เขาไม่เอาไง ขยันชอบทำงานชอบออกนอกบ้าน..
สามวันต่อมาอาการไข้ของพอเพียงหายดีแล้ว แต่อาการอยากรู้อยากเห็นของเธอยังไม่หายไป เธอไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่แอบติดตั้งแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ของสามีเพราะตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอก็ไม่เป็นอันทำอะไรเลย ค่อยกดเข้าส่องดูสามีทั้งวัน ยิ่งส่องก็ยิ่งเห็นความผิดปกติ หากไม่รู้จักเธอคงคิดว่าเขาทำงานอยู่โรงพยาบาล ทำไมต้องแวะไปทุกวัน เห็นทีวันนี้เธอต้องตามไปดูหน่อยละ
หลังจากที่สามีออกไปทำงานเธอก็เตรียมตัวใส่ชุดอำพรางแต่งตัวเรียบง่ายดูธรรมดา สองวันมานี้สามีเธอแวะมาที่โรงพยาบาลช่วงเที่ยงๆ เธอก็เลยขับรถออกมารอที่โรงพยาบาล