รุ่งเช้าแสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องไปทั่วเมือง แต่กลับไม่อาจทำให้บรรยากาศในสำนักงานตำรวจลดความตึงเครียดลงได้เลย เสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุดหย่อน เสียงกระซิบและความวุ่นวายแพร่กระจายไปทุกมุม คนจากสื่อต่าง ๆ มารวมตัวกันเพื่อรอรายงานข่าวล่าสุดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
ข่าวการพบศพที่ถูกจัดวางราวกับงานศิลปะในห้องสวีทของโรงแรมหรูแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว พาดหัวข่าวในทุกสื่อยืนยันในสิ่งที่ทุกคนหวาดกลัว "จิตรกรแห่งความตายกลับมาแล้ว!" ข้อความบนหนังสือพิมพ์พาดด้วยตัวอักษรใหญ่สีดำหนา สะกดสายตาของทุกคนที่พบเห็น ข่าวการกลับมาของฆาตกรต่อเนื่องที่เคยสั่นสะเทือนเมืองนี้เมื่อหลายปีก่อน ได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาทั่วเมือง สื่อทุกสำนักรายงานถึงรายละเอียดที่น่าสยดสยองและความคล้ายคลึงกับคดีเก่าที่หายไปนาน
เกเบรียล รอสส์ อ่านพาดหัวข่าวในมือด้วยสายตาเยือกเย็น เขายืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟและเสียงคำถามจากผู้สื่อข่าวที่รอคำตอบอย่างกระวนกระวาย ทั้งหมดต้องการรู้เพียงคำตอบเดียว… "จิตรกรแห่งความตาย" ฆาตกรที่เคยทิ้งรอยเลือดในลักษณะของงานศิลปะกลับมาแล้วจริงหรือไม่
ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งก้าวเข้ามาใกล้เกเบรียลมากขึ้น เธอยื่นไมโครโฟนเข้ามาหาเขาอย่างเร่งเร้า “เจ้าหน้าที่รอสส์ ข่าวนี้เป็นจริงใช่ไหมคะ? คนที่คุณกำลังตามล่าคือ ‘จิตรกรแห่งความตาย’ จริงหรือ?”
เกเบรียลเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเข้มและเยือกเย็น “ตอนนี้เรากำลังตรวจสอบคดีอย่างละเอียด และจะทำทุกวิถีทางเพื่อตามจับตัวคนร้าย…ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม”
คำตอบนั้นไม่ทำให้สื่อหยุดซักถาม แต่ทำให้ความหวาดกลัวและความอยากรู้อยากเห็นทวีคูณยิ่งขึ้น ข่าวการกลับมาของ "จิตรกรแห่งความตาย" แพร่กระจายไปทั่วเมือง ราวกับเงามืดที่ค่อย ๆ ครอบงำหัวใจของผู้คนทุกคน ไม่มีใครรู้ว่าครั้งต่อไป เขาจะปรากฏตัวที่ไหน หรือจะทิ้งผลงานสยดสยองใดไว้ แต่ทุกคนรู้ดีว่า…เงาของความตายได้กลับมาเยือนเมืองนี้อีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน เกเบรียลจ้องมองภาพถ่ายศพบนโต๊ะอย่างนิ่งสงบ ร่องรอยเลือดที่กระจายเป็นลวดลายตามผนัง ราวกับพู่กันที่ทิ้งร่องรอยแห่งความวิปริตบนผืนผ้าใบ พฤติกรรมและการจัดวางนั้น…ทุกอย่างมันบ่งบอกถึงเขา คนที่หายไปนานหลายปี คนที่ทิ้งฝันร้ายไว้ในหัวใจของทุกคนที่เกี่ยวข้อง
“จิตรกรแห่งความตาย…” เขาพึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบา สายตาเต็มไปด้วยความตั้งใจ เขารู้ดีว่าการตามล่าครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิม…และจะต้องแลกกับอะไรบางอย่างที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิต
เกเบรียลนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องสืบสวน ความเงียบงันรอบตัวทำให้เขาย้อนนึกถึงวันคืนเก่า ๆ ที่คดีนี้ยังคงเป็นเพียงปริศนาที่ยากจะไข ช่วงเวลาที่เขาเคยตามสืบ “จิตรกรแห่งความตาย” ครั้งแรกยังคงเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเขามาจนถึงวันนี้
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน คดีเหล่านั้นช่างเต็มไปด้วยความสยดสยองและรายละเอียดที่บิดเบี้ยว ทุก ๆ การฆาตกรรมถูกวางแผนอย่างรอบคอบ ราวกับว่า “จิตรกร” กำลังสร้างงานศิลปะชิ้นเอก ชิ้นแล้วชิ้นเล่า เขายังจำได้ถึงตอนที่เข้าไปในห้องที่เกิดเหตุครั้งแรก—แสงไฟที่สลัว ภาพของศพที่ถูกจัดวางอย่างจงใจ และกลิ่นคาวเลือดที่อบอวลไปทั่ว ราวกับศพนั้นกลายเป็นผืนผ้าใบให้ฆาตกรได้ “แต่งแต้ม”
ทุก ๆ ครั้งที่เขาเข้าไปในที่เกิดเหตุ มันเหมือนฆาตกรตั้งใจสร้างการแสดงที่เขาเป็นเพียงผู้ชม เกเบรียลต้องตามดูร่องรอยที่ทิ้งไว้ บางครั้งพบเบาะแสบางอย่างที่คล้ายจะเป็นคำใบ้ ข้อความที่แฝงอยู่ในรอยเลือด รูปทรงที่กระจัดกระจายราวกับสัญลักษณ์บิดเบี้ยว พฤติกรรมที่ชี้ชัดถึงความบิดเบี้ยวและความเยือกเย็น เขาเคยหวังจะไขปริศนานี้ให้ได้ แต่ทุกครั้งที่คิดว่าใกล้ถึงคำตอบแล้ว ฆาตกรก็กลับหายไป
เกเบรียลสูดหายใจลึก ความรู้สึกเดิม ๆ กลับมาอีกครั้ง ทั้งความตื่นเต้นและความหวาดกลัวจากการตามล่าฆาตกรที่เหมือนปีศาจในเงามืด คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการฆาตกรรม แต่เป็นเกมที่เขาต้องเผชิญหน้ากับใครบางคนที่ฉลาดล้ำและจงใจเล่นกับจิตใจของเขาเอง
“ครั้งนี้ฉันจะไม่พลาด” เกเบรียลพูดกับตัวเองเบา ๆ ราวกับเป็นคำสัญญา เขารู้ดีว่าการกลับมาของ “จิตรกรแห่งความตาย” จะยิ่งท้าทายมากกว่าเดิม แต่ครั้งนี้เขาตั้งใจแล้วว่าจะไม่ให้ฆาตกรหลุดมือไป
เกเบรียลนั่งนิ่งอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยแฟ้มคดีเก่า ๆ มือของเขากวาดไปตามกองเอกสารที่ถูกเก็บมานาน หยิบแฟ้มคดีเดิมของ “จิตรกรแห่งความตาย” ขึ้นมาเปิด หน้าแรกปรากฏภาพถ่ายเหตุการณ์สยองของเหยื่อรายแรก ภาพถ่ายนั้นยังคงชัดเจนในความทรงจำ ศพถูกจัดวางอย่างประณีตเหมือนผลงานศิลปะที่จัดแสดงอยู่ในแกลเลอรี่ เขาเลื่อนนิ้วไปสัมผัสภาพนั้น รู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่เคยรู้สึกในวันนั้นกลับมาอีกครั้ง
เกเบรียลยังจำได้ดีถึงทุกคืนที่เขานั่งทบทวนหลักฐาน พยายามวิเคราะห์ความคิดและจิตใจของฆาตกร เขารู้ว่า “จิตรกรแห่งความตาย” ไม่ใช่คนธรรมดา เป็นฆาตกรที่ใช้ศิลปะเป็นแรงขับเคลื่อน แทนที่จะทิ้งร่องรอยแบบฆาตกรทั่วไป เขากลับเลือกที่จะทิ้ง "ผลงาน" ให้โลกได้เห็น ราวกับว่าเขากำลังประกาศตัวและท้าทายให้เกเบรียลตามจับ
“ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างมีนัยยะ ไม่ใช่แค่การฆ่า…แต่เป็นการสร้างความหมาย” เกเบรียลพึมพำกับตัวเอง เขาเคยใช้เวลาไม่รู้กี่คืนเพื่อวิเคราะห์ถึงจิตใจที่บิดเบี้ยวของฆาตกรที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดนั้น ฆาตกรที่พยายามจะสร้างภาพลักษณ์ของการตายให้กลายเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอก
แต่ในคดีครั้งก่อนนั้น ฆาตกรก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งให้เขาต้องจมอยู่กับความสงสัยและความล้มเหลว เกเบรียลนึกถึงช่วงเวลาที่ทุกอย่างดูเหมือนจะสิ้นหวัง แต่เขาก็ยังคงพยายาม เพราะเขารู้ดีว่าความอันตรายนี้จะกลับมาอีกครั้ง…และวันนี้ก็มาถึงจริง ๆ
“ครั้งนี้…” เกเบรียลยิ้มเย็น ๆ พร้อมกับปิดแฟ้มในมือ “จะไม่มีการหลบหนีอีก”
เกเบรียลลุกขึ้น เดินตรงไปยังบอร์ดข้อมูลที่แปะภาพและเบาะแสล่าสุดจากเหตุการณ์เมื่อคืน ข้อมูลต่าง ๆ ถูกจัดเรียงอย่างมีระเบียบราวกับเป็นแผนที่ที่จะนำเขาไปสู่ฆาตกร ภาพศพล่าสุดถูกจัดวางเช่นเดิม เส้นสายของเลือดที่ถูกทิ้งไว้ราวกับเป็นการวาดลวดลายที่เจตนา
เขายืนมองภาพนั้นด้วยสายตานิ่ง เยือกเย็นและเต็มไปด้วยความตั้งใจ แน่นอนว่า “จิตรกรแห่งความตาย” กลับมาแล้ว…และเกมนี้กำลังจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
"คราวนี้..." เกเบรียลกระซิบเบา ๆ "...ฉันจะเป็นคนเขียนตอนจบเอง"