bc

จองรักเพื่อนไม่จริง (Love The Way We Are)

book_age18+
515
FOLLOW
13.1K
READ
HE
bxg
lighthearted
campus
highschool
addiction
like
intro-logo
Blurb

เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ

 คนใกล้ตัวรุกหนักริอยากข้ามเส้นเป็นผัว นี่ก็คือนิยามความสัมพันธ์หลังจากกลับมาเจอกันอีกครั้งของเพื่อนรักเพื่อนแท้

 ป้อมปราบเฝ้ามองผู้หญิงแสนดีคนหนึ่งด้วยแววตาซ่อนเร้นความรู้สึกมานานเกือบยี่สิบปี

แอบชอบเธอ แอบหึงหวงเธอเงียบๆ และอยากให้เธอมีความสุขกว่าใคร

ทุกครั้งที่เมลลินเล่าอย่างตื่นเต้นว่าชมชอบไอ้หนุ่มคนไหน เวลาที่ขอคำปรึกษาเรื่องผู้ชายพวกนั้นกับเขา

สิ่งหนึ่งที่อยากบอกเพื่อนสาวใจจะขาดคือ

ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องไปชอบใคร ไม่ต้องแบ่งสายตาไปให้คนอื่น 

เขาต้องการเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอรัก 

หน่วงเหนี่ยวเธอไว้ด้วยค่ำคืนยาวนานอันแสนหวาน และเมื่อสวรรค์หยิบยื่นโอกาสที่ไม่คาดฝันมาให้

ต่อจากนี้ก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ มันจะไม่จบแค่วันไนท์สแตนด์แน่นอน

chap-preview
Free preview
ตอนที่1 ไม่มีทางเลือก
ฤดูหนาวท้องฟ้าขมุกขมัว เมฆสีขาวขุ่นดั่งหมอกควันกระจายปกคลุมเป็นริ้วหยุดนิ่งอยู่กับที่ นับจากวันนี้ไปอีกห้าเดือนก็จะถึงพิธีจบการศึกษา ทว่าโต๊ะนักเรียนว่างเปล่าทางด้านหลังสุด ยังคงไม่ปรากฏเงาของใครบางคนอีกเช่นเคย แม้แต่คุณครูที่ปรึกษาซึ่งใส่ใจถามไถ่สารทุกข์สุขของนักเรียนในชั้นอยู่เสมอ เวลานี้ก็ข้ามการขานชื่อที่ไม่เคยตอบกลับไป ราวกับยิ่งผ่านไปนาน การมีตัวตนอยู่ของเขายิ่งลดน้อยลง ออดพักเที่ยงดังกังวานก้องไปทั่วอาณาบริเวณ นักเรียนชายกรูกันออกจากห้องเหมือนมดแตกรัง ส่วนนักเรียนหญิงบางกลุ่มหยิบแป้งกระป๋องยี่ห้อยอดนิยมออกมาผัดหน้าคุมความมันระหว่างวัน แต้มลิปสติกสีสันสดใสเสร็จค่อยทยอยพากันลงไป “เมลลิน” เจ้าของชื่อหมุนศีรษะหันไปตามเสียงเรียก ใบหน้าจิ้มลิ้มรับกับจมูกปลายเชิดทรงสวย เสริมให้อิริยาบถเหม่อลอยเมื่อครู่น่าชมราวกับนางเอกมิวสิกวิดีโอ ในห้องเหลือเธอนั่งอยู่คนเดียว ไม่ใช่เพราะต้องแต่งหน้าทาแป้งเหมือนกับเพื่อนนักเรียนคนอื่น เพียงแต่เมื่อเข้าสู่ภวังค์ครุ่นคิดเกี่ยวกับเจ้าของโต๊ะที่ว่างเปล่าทีไร ก็มักจะปลงไม่ตกจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทุกที เมลลินถอนหายใจยาวค่อยจัดการพับเก็บหนังสือลงไปซุกไว้ใต้โต๊ะ จากนั้นเดินไปหาเด็กสาวหน้าตาน่ารักและเด็กหนุ่มส่วนสูงชะลูดท่วมศีรษะเธอ พวกเขาทั้งสามเป็นเพื่อนกลุ่มก้อนเดียวกัน หากแต่อยู่กันคนละห้องด้วยเหตุผลบางอย่าง และแม้จะเป็นแบบนั้นก็ไม่ใช่ปัญหา พนัสกับฟองดาวไม่ได้ถือตัวว่าดีเลิศเช่นนักเรียนห้องคิงส่วนใหญ่ของโรงแห่งนี้ กลับปฏิบัติกับเมลลินดีจนใครต่อใครต่างก็อิจฉามิตรภาพแน่นเหนียวของพวกเขา “มหาวิทยาลัยใกล้ปิดรอบโควต้าแล้วนะ อย่าบอกว่ายังไม่ยื่นเอกสารจนถึงตอนนี้ เมลคงไม่ได้รอเพื่อนคนนั้นอยู่หรอกใช่ไหม” ฟองดาวถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกล้วนหาที่ทางไปต่อกันตั้งแต่เมื่อเทอมก่อน เกรดเฉลี่ยและผลงานสะสมด้านวิทยาศาสตร์ของเมลลินสามารถทำให้เธอชิงที่นั่งในรั้วมหาวิทยาลัยดังได้สบาย แต่จนป่านนี้คนยังไม่ยื่นใบสมัคร เก่งแค่ไหนก็มีสิทธิ์พลาดโอกาสดีๆ สูง “เราจะยื่นอาทิตย์นี้แหละ” เมลลินตอบเสียงอ่อย ไม่สมกับนิสัยที่ตรงไปตรงมาของเธอ นั่นทำให้เพื่อนยิ่งร้อนรนแทน “กับคนไม่สนใจอนาคตตัวเอง เมลเลิกให้ความสำคัญได้แล้ว สัญญาสิว่าจะยื่นใบสมัครภายในสัปดาห์นี้จริงๆ” พนัสวางมือลงบนไหล่ของเพื่อนสาวขอความชัดเจนอีกเสียง สัมผัสจากฝ่ามือของเขาทำให้บริเวณไหล่ของเธออบอุ่น เมลลินสบตากับเด็กหนุ่มแวบหนึ่งจากนั้นรีบมองไปทางอื่นทันที สุดท้ายหาข้ออ้างมาบ่ายเบี่ยงไม่ได้จึงจำต้องพยักหน้าให้สัญญา ส่วนคนบางคน ไม่สมควรเสียเวลาเคี่ยวเข็ญจริงๆ หลังออดคาบเรียนสุดท้ายดัง เมลลินปฏิเสธไปติวหนังสือกับเพื่อนแล้วนั่งรถรับส่งสองแถวของโรงเรียนตรงกลับบ้าน เกือบจะถึงรั้วไม้แซมเครือตำลึงแดงปลั่งแนวยาว รถรับส่งคันเก่าชะลอเตรียมเบรก ทว่าล้อยังไม่หยุดหมุนดีเด็กสาวผมสลวยมัดโบว์กรมท่าก็กระโดดพรวดลงไป ร่างเพรียวบางโงนเงนหยุดทรงตัวบนถนนชั่วอึดใจหนึ่ง จากนั้นรีบสาวฝีเท้าฉับๆ ลัดเลาะผ่านสวนดอกไม้สีสันสดใสไปส่องหน้าต่างห้องของเพื่อนบ้าน เมลลินอังมือป้องแสงแดดกวาดสายตาผ่านกระจกกั้นเข้าไปด้านใน ไล่ดูตั้งแต่เตียงนอนไปจนทั่วไม่เห็นเงาคนก็ก้าวขาข้ามรั้วสีขาวเตี้ยกลับไปยังเขตบ้านตัวเอง เธอยัดกระเป๋าเรียนใส่ตะกร้าหน้ารถจักรยานแล้วปั่นไหลลงเนินลาดไป พอมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งก็ปล่อยคว่ำทิ้งไว้ เวลานี้เด็กสาวใจร้อนเกินกว่าจะสนเรื่องขี้ปะติ๋วแล้ว “อยู่นี่จริงด้วย ทำไมวันนี้ไม่ไปเรียน ใบสมัครมหาวิทยาลัยล่ะ เอาให้กรอกรายละเอียดตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว เสร็จหรือยัง” “เพื่อนหรือเมีย บ่นอยู่ได้” เด็กหนุ่มน้ำเสียงเบื่อหน่าย แสงแดดอ่อนรำไรตกกระทบผืนน้ำอาบลงบนตัวเขา คิ้วดกเข้มรับกับดวงตาประกายหม่นวาว บุคลิกโดยรวมดูไม่ยินดียินร้ายกับความเป็นไปใดๆ หากแต่พอฟังเด็กสาววัยใสเท้าสะเอวโก่งคอตะเบ็งเสียงบ่นซ้ำๆ ดวงตานิ่งเฉยคู่นั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นแฝงกลิ่นอายอ่อนโยน ท่าทียังคงรำคาญคล้ายไม่สนเธอ ทว่ามุมปากกดลงเป็นรอยยิ้มจางๆ รู้สึกดีใจที่จนป่านนี้แล้วยัยเต่าน้อยก็ไม่เคยล้มเลิกจะตะล่อมกล่อมให้เขาไปเรียนเมืองกรุงด้วย เมลลินหย่อนตัวนั่งปุ๊กลงบนก้อนหินใหญ่ข้างเด็กหนุ่ม อารมณ์ขุ่นข้องทั้งหลายมลายสิ้น น้ำเสียงแข็งกระด้างปรับเปลี่ยนเป็นนุ่มหูน่าฟัง “ก็สมควรบ่นปะ…ใบสมัครกรอกเสร็จยังจะไปส่งให้ อย่าขาดเรียนอีกไม่งั้นครูจะไม่ให้สอบ” เด็กหนุ่มเด็ดไฟที่ปลายบุหรี่ หยิบก้อนหินขนาดเท่าไข่ไก่หนึ่งฟองขึ้นมาโยนลงไปในน้ำ “ก็ขาดมาเป็นเดือนแล้วไหมวะ กลับไปก็ไม่สิทธิ์สอบเหมือนเดิม เมลไปตั้งใจเรียนให้จบเถอะ ไม่ต้องมาเสียเวลากับคนไร้อนาคตอย่างเรา” “เออ!…ก็ถ้าไม่ใช่เพื่อนกัน เมลไม่โผล่หน้ามาให้ปราบรำคาญหรอก ไร้อนาคตอะไร บอกแล้วไงว่าโควต้านักกีฬาไม่ต้องจ่ายค่าเทอม ปราบไปสอบสัมภาษณ์คัดตัวให้ผ่าน ระหว่างเรียนทำงานไปด้วยก็ได้แล้วนี่” “มันง่ายขนาดนั้นจริงเหรอวะเมล เธอโลกสวยเกินไปเปล่า ตอนนี้แม่เราต้องใช้เงินผ่าตัดครึ่งล้าน พ่อก็ขี้เหล้าเมาไม่เว้นวันสร้างแต่หนี้ เธอจะให้เราเอาตัวรอดคนเดียวแล้วใครจะหาเงินรักษาแม่เราล่ะ” เขาทราบว่าเธอหวังดี ไม่คลางแคลงสงสัยสักนิดเพราะตั้งแต่จำความได้จนทุกวันนี้ เมลลินก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา พวกเรามีบ้านอยู่ข้างกัน หน้าต่างห้องนอนตรงกัน ช่วงยังเรียนประถมเวลาพ่อเมาอาละวาด เด็กสาวมักจะแอบย่องข้ามรั้วมาเคาะหน้าต่างพาเขาหลบออกไปซ่อนตัวที่ห้องนอนเธอเสมอ ใส่ชั้นในครั้งแรกก็เอามาอวด แอบชอบไอ้หนุ่มหน้ามนคนไหนก็เล่าให้ฟัง ป้อมปราบจึงไม่ปิดบังพูดจาอ้อมค้อม ปัญหาของครอบครัวเขาเมลลินรู้เห็นตลอดอยู่แล้ว “ถ้ามีเงินรักษาน้าปุ้ม ปราบจะไปเรียนต่อกับเราใช่ไหม” ป้อมปราบไม่อยากรับปากส่งๆ จึงหยิบก้อนหินอีกก้อนมาขว้างลงน้ำเบี่ยงความสนใจ เมลลินเองยังคงไม่รามือยอมถอย ความเงียบของเพื่อนสนิทยามนี้ทำให้เธอนึกกลัว อยากให้เขาไปเรียนต่อที่อื่นด้วยกัน เหตุผลหลักๆ ไม่ใช่เพราะมีแนวความคิดว่าใบปริญญาเท่านั้นที่จะทำให้คนมีคุณค่า แต่เป็นเพราะต้องการช่วยป้อมปราบให้เลิกยุ่งเกี่ยวทำงานผิดกฎหมายกับพวกเจ้าพ่ออิทธิพลเถื่อนในพื้นที่ ยิ่งน้าปุ้มล้มป่วย เธอยิ่งแน่ใจเลยว่าเขาจะหวนกลับไปเดินสายรับส่งของให้พวกมันอีก การเจรจาหาข้อสรุปไม่ลงอย่างเคย พระอาทิตย์อัสดงใกล้ลับหลังภูเขาแล้ว ป้อมปราบจึงปั่นจักรยานพาเมลลินกลับบ้าน เขากรอกใบสมัครเรียนมหาวิทยาลัยตามใจเธอจนเสร็จ ประมาณห้าทุ่มของวันนั้นก็แต่งตัวกลมกลืนกับความมืดปีนออกทางหน้าต่างเงียบเชียบ ไม่ให้แม่ที่พักรักษาตัวอยู่ห้องข้างๆ เห็น และไม่ให้แม่ทูนหัวอีกคนซึ่งขณะนี้ปิดไฟนอนไปแล้วรับรู้ด้วย “ดึกดื่นป่านนี้จะไปไหนของเขา” ไม่ออกประตูแต่ปีนหน้าต่าง ทำตัวน่าสงสัยเชียว เมลลินเงี่ยหูฟังว่านอกห้องนอนของเธอยังมีคนอยู่หรือเปล่า ครั้นได้ยินเสียงบิดาก่นด่านักมวยในโทรทัศน์จึงได้จัดเตียงวางหมอนข้างให้เหมือนว่าเธอยังนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม สามสิบนาทีต่อมาที่บ้านร้างชั้นเดียวลึกเข้าไปในป่าท้ายหมู่บ้าน เมื่อมองจากด้านนอกจะเห็นรถกระบะสีมะเมื่อมคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ แสงสว่างเล็ดรอดออกมาจากสิ่งปลูกสร้างบ่งบอกว่าด้านในมีคนมากกว่าสองคนกำลังทำบางอย่าง เมลลินสอดส่ายสายตาระวัง ซ่อนจักรยานไว้ข้างถนนป่ารกชัฏ แล้วดึงหมวกฮูดด้านหลังขึ้นมาคลุมปิดศีรษะเอาไว้ เด็กสาวลัดเลาะอำพรางตามเงามืดเข้าไปใกล้ ฟังว่าขณะนี้พวกคนข้างในกำลังคุยธุระอะไรกัน “ถ้ารอบนี้ส่งของราบรื่นไม่มีปัญหา เสี่ยฝากมาบอกว่าค่ารักษาพยาบาลแม่เอ็ง เสี่ยจะช่วยทั้งหมด” ป้อมปราบชะงักมือที่กำลังตรวจเช็คสินค้าผิดกฎหมาย ไม่ได้กล่าวอะไรตอบเพราะทราบดีว่าอีกฝ่ายยังพูดไม่จบ “หลังจากนั้นเอ็งต้องมาทำงานให้เสี่ยเต็มตัว เสี่ยประทับใจที่โดนจับคราวที่แล้วเอ็งไม่ซัดทอดถึงเสี่ย” เด็กหนุ่มในหมู่บ้านส่งของให้พวกเขาสิบกว่าคน พอโดนตำรวจลงจับไปสอบก็ใจเสาะสารภาพหมด ป้อมปราบเป็นเพียงคนเดียวที่ปากแข็งไม่ยอมรับ ต่อให้ถูกซ้อมตอนสอบปากคำหนักแทบตายก็ทนจนวินาทีสุดท้าย เดิมพวกเขาคิดว่าเด็กหนุ่มไม่รอดแน่ ทว่าเวลาต่อมากลับถูกปล่อยตัวเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ ภายหลังมีการติดต่อเข้ามาขอทำงานอีกครั้งเจ้านายใหญ่จึงมอบโอกาสนี้ให้พิสูจน์ตัวเอง “บอกเสี่ยว่าขอบคุณ” ป้อมปราบน้ำเสียงเยียบเย็นไม่ได้แสดงออกว่ายินดี บางทีลึกๆ แล้วเขาคงอยากละทิ้งชีวิตแบบนี้แล้วหนีไปเรียนกับเด็กสาวตาหวานมากกว่า แต่ไม่ได้ แม่คือผู้หญิงอีกคนที่สำคัญกับเขา จะปล่อยให้ท่านเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด “โอ๊ย!” “ลูกพี่ผมได้ของดีมาฝาก” ชายหน้าบากแววตากระหายหื่นผลักผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาด้านใน หล่อนมีใบหน้าสะสวยไร้เดียงสา ดูนุ่มขาวราวกับกระต่ายตัวน้อย ทว่าไม่ได้อ่อนแอเปราะบางอย่างรูปลักษณ์ กลับกระด้างกระเดื่องจะโต้กลับ ทำให้ชายโฉดสามคนด้านในชอบใจไม่น้อย “อู้ว!…ลมอะไรหอบมาจ๊ะคนสวย ไอ้หน่องมึงเบามือกับน้องเมลลินของกูหน่อย เดี๋ยวจะช้ำก่อน” หัวหน้าใหญ่สุดเดินมาหาเมลลินพร้อมรอยยิ้มสื่อเจตนาไม่ดี มือหยาบสากยื่นไปหวังสัมผัสแก้มของเธอ แต่ไม่ทันได้ทำก็มีคนมาหยุดไว้ เมลลินถอยไปหลบอยู่ข้างหลังเขา นิ้วมือเกาะเสื้อคนที่ปกป้องไว้แน่น และใช่…เธอถูกจับได้ ไม่น่าประมาทเลย “พี่รู้จักพ่อครูเฉลิมนี่ เสี่ยเอาเด็กมาเรียนมวยกับครูเฉลิม ทางที่ดีอย่ายุ่งกับเธอ” “ฮึ!…แล้วไงวะ ถ้าน้องเมลลินเป็นเมียกูตอนนี้ ครูเฉลิมกลายเป็นพ่อตาก็คงไม่พูดมาก มึงหลบไปดีกว่าไอ้ปราบ ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน” “ก็ลองดู” ป้อมปราบเปลี่ยนไปจากก่อนหน้าสิ้นเชิง เขาค่อนข้างนิยมสันติไม่ชกต่อยกับใครง่ายๆ แต่หากเป็นเรื่องของคนที่เขารัก ต่อให้ต้องเผชิญกับความตายก็ไม่รู้สึกกลัว สามชายโฉดมองหน้ากันไปมา ประเมินแล้วป้อมปราบน่าจะไม่ยอมถอยก็จำต้องใคร่ครวญให้ดี อายุเด็กหนุ่มแค่นี้แต่เป็นถึงศิษย์เอกของยอดครูมวยเฉลิม ทั้งเสี่ยก็อยากให้มาทำงานด้วย แลกกันสุดทางย่อมได้ไม่คุ้มเสียพวกเขา ป้อมปราบพาเมลลินกลับไปส่งที่บ้านก่อนค่อยไปทำงานตามคำสั่ง เด็กสาวเหนี่ยวรั้งดึงตัวเขาเอาไว้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมให้ไปไหนเด็ดขาด “เมล เธอรู้ว่าเราทำไปเพราะอะไร ขอล่ะ อย่าห้าม” ใช่สิ เธอย่อมรู้ว่ายังไงป้อมปราบก็ไม่มีทางหยุด เด็กสาวอดกลั้นยอมปล่อยมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นเบาๆ “แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะปราบ ต่อไปค่ารักษาน้าปุ้มเราจะช่วยปราบเอง อย่าด่วนตัดสินใจทำเรื่องสิ้นคิด ห้ามปฏิเสธเรา ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกันอีก”

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
5.6K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
32.2K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
3.9K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
10.9K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
2.2K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook