เจ้าเอยนั่งทานอาหารอยู่บนระเบียงที่ยื่นออกมาจากตัวบ้านหลังสงบสติอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ ด้านหน้าของเธอมีโดมสวนดอกไม้ห้อมล้อมด้วยกระจกขนาดใหญ่เกือบสามร้อยไร่ ดอกไม้พื้นเมืองถูกปลูกแต่งไว้อย่างดีทั้งกล้วยไม้หลายสายพันธุ์ กุหลาบแทบจะครบทุกสี หรือกระทั่งดอกไฮเดรนเยียที่บานสะพรั่งแลดูสวยงามไม่ใช่น้อย
หากมองอีกฝั่งซึ่งอยู่สูงกว่าพื้นดินมีบังกะโลสีขาวไม่ต่ำกว่าร้อยหลังถูกสร้างเอาไว้เป็นแถวยาว โดยขนาดไม่เล็กหรือใหญ่มากสำหรับแขกผู้เข้าพักที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
จุดเด่นและข้อได้เปรียบของที่นี่คงจะเป็นภูเขาด้านหลังที่ซ้อนทับกันหลายลูก บรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติสร้างความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีสวนดอกไม้และฟาร์มเลี้ยงสัตว์หลายชนิดอีกด้วย
“เจ้านายมีแพลนจะทำสวนน้ำ น้ำตกเพิ่มด้วยครับ และก็ปลูกองุ่น สตอเบอรี่ ส้มเป็นจุดขาย”
“ไม่คิดจะให้คนอื่นเขาทำบ้างเหรอคะ”
เจ้าเอยถามอย่างขี้เล่นของที่ว่ามาแทบจะอยู่รวมในอาณาจักรแห่งนี้หมดทั้งสิ้น หากสำเร็จตามที่คุณชัยชนะพูดนักท่องเที่ยวคงไม่ต้องไปที่อื่นอีกแล้ว
จบครบในรีสอร์ตคุณมังกร
“แล้วคุณเจ้าเอยจะไหวเหรอครับ”
“คงต้องไหวค่ะ อันที่จริงเอยไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้”
“มันก็ไม่ใหญ่อย่างที่คุณเจ้าเอยคิดนะครับ เจ้านายผมเลยต้องการที่จะระเบิดภูเขาลูกนั้นเพื่อขยายอาณาเขตเพิ่ม”
“ไม่ใหญ่เหรอคะ ลำพังแค่สวนดอกไม้ก็แทบจะรวมพืชพรรณทั้งจังหวัดมาอยู่ที่นี่”
หญิงสาวพูดออกมาอย่างที่ใจคิด พรางหันมองสวนดอกไม้อีกครั้งก่อนที่สายตาของเธอจะเห็นวิญญาณตนนั้นล่องลอยวนเวียนตามตัวชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ต ทว่ารอบนี้กลับเปลี่ยนเป็นใส่สไบโบราณสีเขียวอ่อน ใบหน้ายังคงขาวซีดและรอยเลือดปรากฏอยู่
ชุดขาวก็ว่าน่ากลัวแล้ว นี่มาเต็มยศ
เจ้าเอยไม่ไหว ขอไม่สู้!
ทันใดนั้นดวงตากลมโตของคนที่พร่ำพูดกับตัวเองว่าไม่ขอสู้เบิกกว้างตกใจ เห็นมือแห้งหยาบหมายจะหมับเข้าที่ลำคอลูกชายผู้มีพระคุณของเธอ คนตัวเล็กรีบลุกจากเก้าอี้ของโต๊ะอาหารออกไปที่หน้าระเบียง
“คุณมังกร!”
เรียกเสียงดังลั่นจนทุกคนด้านล่างสะดุ้งตกใจกันเป็นแถบ พร้อมผีสไบชุดเขียวอย่างกับผีตานีตวัดตาหันมามอง เธอคนนั้นคลี่ยิ้มกว้างจนน่ากลัวก่อนจะลอยวนเวียนไปมาพร้อมเสียงหัวเราะจนขนลุก
“เดี๋ยวเอยลงไปหาค่ะ”
เจ้าเอยรีบเอ่ยตอบกลับเมื่อเห็นใบหน้าหล่อขมวดคิ้วใส่อย่างสงสัย ร่างบอบบางวิ่งลงจากตัวบ้านอย่างรวดเร็วก่อนจะเข้าไปใกล้ชายหนุ่มด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ เอยอยากจะมาถามค่ะว่าดอกอะไร”
มือเล็กชี้ไปทั่วจนมาหยุดที่ดอกกุหลาบสีแดงสด สกิลการโกหกของเธอคงจะติดลบเมื่อร่างสูงยืนอึ้งๆ กับคำถามที่จัดได้ว่าปัญญาอ่อนเหลือเกิน
“ดอกกุหลาบไงครับ ไม่เคยเห็นเหรอ”
“ค่ะ สวยดีนะคะ แหมดอกตูมเชียว” พูดแถไปเรื่อย
มังกรขมวดคิ้วใส่หญิงสาวอีกครั้งหลังเห็นอาการที่ตื่นตาตื่นใจเกินความเป็นจริงของเธอ ยิ่งได้เห็นร่างเล็กพยายามเดินเข้ามาใกล้เขาก็หรี่ตามองสาวเจ้าอย่างจับผิด
“รีสอร์ตคุณมังกรใหญ่ดีนะคะ”
“ก็พอประมาณครับ”
“แล้วปกติคุณมังกรทำอะไรบ้างคะในแต่ละวัน”
เจ้าเอยถามพรางหันสำรวจไปรอบๆ บริเวณด้วยความหวาดหวั่น แอบหลอกถามคนตรงหน้าเพื่อเก็บข้อมูลมาเชื่อมโยงกับวิญญาณที่ตามติดตัวเขา จะให้ไปถามโต้งๆ เธอคงไม่กล้า
“ส่วนใหญ่คุมคนงาน นั่งเครื่องบินเล่น ออกไปสำรวจทั่วรีสอร์ต แล้วก็ทำงานที่บ้านครับ”
“แค่นั้นเหรอคะ”
“ครับ”
“คุณมังกรมีแฟนไหมคะ หรือเคยคุยกับใครอยู่หรือเปล่า” ถามรัวเร็วเพื่อเข้าประเด็น
“แม่ผมให้มาถามเหรอ”
ชายหนุ่มหยุดเดินพร้อมยกมือขึ้นกอดอกเมื่อได้ยินคำถามจากคนที่เพิ่งเจอหน้ากัน มังกรรับรู้มาตลอดว่ามารดาอยากให้เขาเป็นฝั่งเป็นฝาสักที อายุชายหนุ่มปาเข้าไปสามสิบห้าทว่ากลับไม่มีทีท่าว่าจะจริงจังกับใคร
อันที่จริงเขาเคยคบหาดูใจกับผู้หญิงที่คิดว่าจะจริงจังด้วย ถึงกระนั้นก็ไปไม่รอดทุกราย เหตุผลหลักๆ คือพวกเธอเหล่านั้นต่างพากันมาบอกเลิกและตัดขาดความสัมพันธ์เสียดื้อๆ เขาเลยปิดกั้นตัวเองมาตลอด อีกทั้งชายหนุ่มยังเป็นนักธุรกิจไฟแรงที่กำลังเร่งสร้างธุรกิจให้เติบโตและประสบความสำเร็จ จึงไม่ค่อยจะใส่ใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ พวกนี้มากนัก
“เปล่าค่ะ เอยแค่อยากรู้”
“ก็เคยมีครับ”
“ตอนนี้ล่ะคะ” กระตือรือร้นถามต่อ
“ตอนนี้ผมไม่มีใคร”
เจ้าเอยพยักหน้ารับด้วยความสงสัย ไม่กล้าถามเขาต่อหลังเห็นสายตาคมกริบจ้องมองด้วยความไม่สบอารมณ์ที่เธอเอาแต่ถามเรื่องส่วนตัวอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะใจระรัวเมื่อได้กลิ่นดอกไม้จำปีและน้ำอบไทยลอยมาแตะจมูกไม่หยุด
ขนแขนลุกซู่จนสัมผัสได้ถึงลมเย็นๆ ปะทะร่างกาย ภาพวิญญาณปริศนาปรากฏตัวอีกครั้งในชุดสไบเฉียงสีชมพูซีดจางที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด ริมฝีปากแห้งแตกขยับปากพูดเบาหวิวจนหญิงสาวขาสั่นเทา
“ชุดนี้งามรึไม่”
คนตัวเล็กน้ำตาจะไหลออกมาอยู่รอมร่อหลังได้ยินคำถามที่กระซิบข้างใบหู อยากจะตะโกนบอกผีคุณเธอจริงๆ ว่าไม่จำเป็นต้องใส่ชุดใหม่มาอวดเธอ
ไม่อยากเห็น ไม่อยากรับรู้!
“แม่มองไม่เห็นข้ารึ”
เจ้าเอยแสร้งมองเมินผีสาวที่ทำหน้าละห้อยลง คนตัวเล็กรีบวิ่งเข้าไปเดินใกล้ๆ ลูกชายของคุณนายสมรอย่างแนบชิดเพื่อลดความหวาดกลัว แต่ทว่าวิญญาณตนนั้นยังตามติดไม่เลิก
“มีนามว่ากระไร”
“คุณมังกรทานอะไรหรือยังคะ”
หญิงสาวชวนชายหนุ่มคุยเพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนาของคุณผีที่พยายามชวนเธอคุย การแสดงของเจ้าเอยยอดเยี่ยมชนิดที่ว่าหลอกผีให้งุนงงได้สำเร็จ
“ไฉนแม่ถึงไม่ตอบข้า หรือมองไม่เห็นกัน”
“ทานแล้วครับ”
“อาหารที่นี่อร่อยดีนะคะ”
“ฝีมือแม่บ้านประจำของที่นี่ ไว้ผมจะให้ชัยชนะพาไปทำความรู้จัก”
“ค่ะคุณมังกร”
“แม่ผมชมคุณให้ฟังตลอด”
มังกรชวนหญิงสาวคุยกลับ ชื่อนี้ตามหลอกหลอนเขามาตั้งแต่เด็กเพราะคนเป็นมารดาเอ็นดูเธอเสมือนลูกสาว พอคนตรงหน้าจบมัธยมปลายก็มาไว้วานให้เขาส่งเธอเรียนต่อแม้ตัวเองจะมีกำลังทรัพย์มหาศาลอยู่ก็ตาม
“เอยไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกค่ะ พอไปวัดไปวากับเขาได้”
“ไม่หรอกครับ แม่ผมเขามองคนออก”
“พูดถึงไปวัดไปวา คุณมังกรไม่สนใจไปทำบุญบ้างเหรอคะ”
“ทำบุญ?”
“ค่ะทำบุญ หากว่างๆ คุณมังกรไปทำบุญกับเอยได้นะคะ”
เจ้าเอยอยากจะตบมือชมตัวเองที่พูดจาไหลลื่นวกเข้ามาเรื่องนี้จนได้ แอบหันมองผีสาวในชุดสไบสีชมพูตาโตจนตาถลนออกมาเบ้าตาก็สะดุ้งใจจนฉี่เกือบจะราด เธอรับรู้ได้ถึงความดีใจเต็มเปี่ยมที่ฉายชัดออกมา
“จะไปทำบุญให้ข้ารึ” เสียงแหบพร่าถามอย่างตื่นเต้น
“ชวนผมทำบุญร่วมกันกับคุณอย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะ เอยได้ยินมาว่าที่นี่มีวัดดังๆ เยอะเลย”
ชายหนุ่มแอบลอบมองหญิงสาวที่พยายามกรอกหูชวนทำบุญแถมยังเอ่ยถามแปลกๆ อย่างกับสนใจในตัวเขา มังกรเคยได้ยินมาว่าหากทำบุญร่วมกันชาติหน้าไม่แคล้วจะครองคู่กัน
เธอเล่นใช้ทฤษฎีนี้เลยอย่างนั้นเหรอ!
เจ้าเอยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหลังชายหนุ่มยอมพยักหน้าตอบกลับเธอ ขาเรียวหยุดเดินเพื่อจ้องมองแผ่นหลังกว้างบึกบึนที่เดินนำไปข้างหน้าพร้อมวิญญาณล่องลอยตามติด แอบกลืนน้ำลายลงหลังเห็นคราบเลือดไหลตามทางแม่คุณ
เออ! เอาเข้าไป น่ากลัวเสียให้พอ
ใบหน้าซีดเผือดค่อยๆ หันมาส่งยิ้มชวนสยอง ก่อนที่หญิงสาวจะแกล้งมองเมินชมนกชมไปไม้ไปทั่วเพื่อหลบสายตา แอบได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักตามด้วยมือแห้งกร้านค่อยๆ เลื่อนเข้าไปจับหมับที่ท้ายทอยทางด้านหลังเจ้าของรีสอร์ต
“คุณมังกร!”
เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวเรียกชื่อเขาเสียงดังลั่นพร้อมด้วยก้าววิ่งเข้าไปกอดรัดแผ่นหลังกว้างกำยำจนแนบชิดอย่างลืมตัว ทั้งคนและผีต่างชะงักตกใจกับภาพที่เห็น โดยเฉพาะร่างสูงที่ยืนหน้าแดงก่ำหายใจไม่ออกเมื่อถูกมือเรียวเกี่ยวรัดมากอดไว้แน่น