1.2 บ้านหลังใหม่

1625 Words
“คุณหนูเหอตัดสินใจได้ดีนัก! เช่นนี้แล้วข้าจะรีบไปเตรียมการ วันพรุ่งนี้จะส่งรถม้ามารับท่านไปเมืองหลวงอย่างมิให้เสียเกียรติ!” พ่อบ้านแห่งจวนเจ้ากรมการคลังกล่าวจบก็เอ่ยลา เร่งรีบออกจากจวนนายอำเภอไปทันที สาเหตุคงเป็นเพราะกลัวว่าจะมีคนเอ่ยคัดค้านการตัดสินใจของลูกสาวคนเล็กในบ้าน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ในเวลาต่อมา “ว่าอย่างไรนะ!” เหอม่อเหยียน พี่ชายคนโตผู้มีอายุสิบห้าปีเอ่ยเสียงดังลั่น เหอซิงได้ยินเข้าก็รีบยกมือขึ้นมาปิดหู รู้สึกเหมือนหูของตนกำลังจะระเบิดเพราะเสียงดังราวกับพ่อหมีของเขา แต่ไหนแต่ไรมาพี่ใหญ่ของนางก็มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำมาตั้งแต่จำความได้ เขาถนัดเรื่องการต่อสู้และกำลังภายใน นิสัยห้าวหาญตรงไปตรงมาดั่งเช่นขุนพล “เสี่ยวซิง เจ้าจะไปเมืองหลวงหรือ” ตามมาด้วยพี่ชายคนรองของครอบครัว เหอฟงซึ่งมีอายุสิบสามปี พี่รองผู้นี้มีนิสัยสุขุมกว่าพี่คนโต เรียกได้ว่าแตกต่างกันสุดโต่ง ตั้งแต่เด็กเขาก็เอาดีทางด้านตำราและศาสตร์แขนงต่างๆ ตำราทุกเล่มในจวนล้วนถูกเขาเปิดอ่านหมดแล้วทั้งสิ้น “ซิงซิง...” บุตรชายคนที่สามมีอายุสิบสองปี นามของเขาคือเหออวี่เทียน บุคลิกของพี่สามผู้นี้ใกล้เคียงกับพี่ชายคนรอง เพียงแต่เหออวี่เทียนเป็นคนที่พูดน้อย ทั้งยังรักและเข้าใจศิลปะอย่างลึกซึ้ง ฝีมือการบรรเลงพิณ การแต่งโคลงกลอน และการวาดภาพ ล้วนแต่โดดเด่นเหนือคนอื่นๆ ที่ศึกษามาด้วยกัน จนมีการขนานนามว่าเป็นเด็กอัจฉริยะทางด้านดนตรี “ซิงเอ๋อร์ อยู่กับพี่สี่นะ ประเดี๋ยวพี่สี่จะสอนเพลงดาบให้เจ้า ไหนเจ้าเคยพูดว่าเจ้าอยากเรียนเพลงดาบใหม่อย่างไรเล่า” พี่ชายคนสุดท้ายของเหอซิงคือเหอลั่ว เขาเพิ่งจะผ่านพ้นวันเกิดครบรอบสิบขวบไปเมื่อเดือนก่อน เหอลั่วจัดได้ว่ามีใบหน้าหล่อเหลาที่สุดในบรรดาพี่ชายทั้งหมด คาดว่าพอโตเป็นหนุ่มคงรูปงามเสียจนสาวๆ ต่างพากันคลั่งไคล้ ทั้งยังเป็นศิษย์ของจอมยุทธ์เว่ยที่โด่งดังไปทั่วยุทธภพ แม้ว่าบางครั้งเขาจะต้องติดตามอาจารย์ไปต่างแดนบ่อยๆ ทว่าความสัมพันธ์กับครอบครัวก็ยังคงแน่นแฟ้น และที่สำคัญ...เหล่าพี่ชายทั้งสี่ยังติดน้องสาวคนเล็กอย่างกับอะไรดี! ตอนเด็กๆ นางก็รู้สึกดีอยู่หรอกนะ ที่มีคนมารักมาเอาใจ แต่พอนานๆ เข้าก็ชักจะรำคาญ พวกเขาประคบประหงมนางมากเกินไป ทำอย่างกับนางเป็นไข่ในหิน ห้ามโน่นห้ามนี่จนเหอซิงกลัวว่าจะกลายเป็นง่อย สุดท้ายจึงได้ลุกขึ้นมาปฏิวัติตอนอายุห้าขวบ ตอนนั้นนางจำได้ว่าเหล่าบรรดาพี่ชายของนางถึงกับหงอไปหลายวัน กลัวว่านางจะเกลียดพวกเขา หารู้ไม่ว่านางเพียงแค่อยากให้พวกเขารู้จักรักผู้อื่นให้ถูกทาง การที่เรารักใครสักคนมากจนเกินไป อยากให้ชีวิตเขามีแต่ความสุขสบาย อาจจะเป็นโทษในภายหลัง หากวันหนึ่งนางไม่ได้อยู่กับพวกเขา แล้วจะเอาตัวรอดได้อย่างไร ครั้นพวกเขารู้ซึ้งแล้วจึงเปลี่ยนจากการทำทุกอย่างให้เป็นการสอนสิ่งต่างๆ ให้นางเรียนรู้แทน เหอลู่เฟิงและฉินฟางรักนางมาก พวกเขาจึงไม่คัดค้านเรื่องที่บุตรชายของตนเริ่มตั้งหน้าตั้งตาสอนวรยุทธ์ เขียนอักษร ศิลปะ ดนตรี และเพลงกระบี่ให้นาง แม้ว่าโลกใบนี้จะมีบุตรีเพียงส่วนน้อยซึ่งเป็นลูกหลานพ่อค้าใหญ่ ขุนนาง และเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่ให้ความสำคัญแก่สิ่งเหล่านี้ ทว่าพวกเขายังคงให้นางได้รับการศึกษาที่ดีเทียบเท่ากับคุณชายของตระกูลใหญ่เลยทีเดียว “หากข้าไม่ไป ใต้เท้าจางคงจะส่งของมาให้บ้านเราเรื่อยๆ ต่อไปพวกเราก็คงไม่มีที่นอนกันพอดี” เสียงเล็กเอ่ยตอบพวกเขาไปตามความคิด ผิดกับเหล่าพี่ชายที่ร้องโอดครวญ ที่เขาส่งของมามากมายก็เพื่อต้องการกดดันนางทางอ้อมให้เดินทางไปหาที่เมืองหลวง เหอซิงมองภาพที่เกิดขึ้นแล้วฉีกยิ้มอย่างขันๆ ขนาดคนตัวใหญ่อย่างเหอม่อเหยียนยังมีสีหน้าเหงาหงอยเหมือนสุนัขตัวน้อย เห็นแล้วตลกน่าดู “จริงอย่างที่ซิงเอ๋อร์กล่าว” ผู้เป็นใหญ่ในบ้านกล่าวพลางลุกขึ้นยืน เดินมาโอบบ่าเล็กของบุตรสาวอย่างนิ่มนวล ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นมองก็พบความกังวลในแววตาของเขา “ใต้เท้าจางต้องการให้ลูกไปหาที่เมืองหลวงเช่นนี้ ข้าเองก็เดาไม่ออกว่าใต้เท้ามีจุดประสงค์เช่นไร” “ให้ซิงเอ๋อร์ไป จะดีหรือเจ้าคะท่านพี่” เมื่อผู้เป็นสามีพยักหน้าเป็นเชิงว่าเขาเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น ในเมื่อเหอซิงรับปากไปแล้ว ก็คงไม่อาจคืนคำหรือเปลี่ยนใจ ครั้นฮูหยินเหอรู้ว่าบุตรสาวจะต้องเดินทางไปต่างแดนไกลหูไกลตาจากนาง ซึ่งคอยทะนุถนอมดูแลนางมาตั้งแต่เล็ก ก็พุ่งตัวเข้ามาหา “ตั้งแต่เด็กจนโต เจ้าไม่เคยห่างอกแม่เลย ถ้าเช่นนั้น...แม่จะไปกับเจ้าด้วย!” นางกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือในขณะที่กอดรัดบุตรสาวเสียแน่น ร่างเล็กเริ่มหายใจไม่ออก “ฮูหยิน!” “ท่านแม่!” ทีนี้เล่นเอาแตกตื่นกันทั้งบ้าน เหอซิงเริ่มคิดว่าเรื่องมันเลยเถิดไปไกลแล้ว ไม่ว่าอย่างไรในสายตาของเจ้ากรมการคลังก็ยังคงเห็นนางเป็นแค่เด็กอายุแปดขวบนะ ทำไมพวกเขาต้องทำอะไรเว่อร์ราวกับจะส่งนางไปรบที่ชายแดนด้วย! “ท่านแม่” เด็กหญิงส่งเสียงอู้อี้ เรียกคนที่กอดนางไว้เบาๆ อ้อมแขนอบอุ่นจึงได้คลายออก แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยอยู่ดี นางจึงได้แต่หันหน้าไปมองเหล่าพี่ชายทั้งสี่อย่างขอความช่วยเหลือ เหอม่อเหยียนก้าวเท้าออกมาคนแรก “ท่านแม่ ถ้าเช่นนั้นให้ข้าเดินทางไปพร้อมกับซิงเอ๋อร์เถิด จะได้คอยคุ้มครองนาง ดีหรือไม่” ผู้เป็นมารดาได้ฟังแล้วก็เงยใบหน้างดงามขึ้นมอง ดวงตาที่เต็มไปด้วยแววดื้อดึงและห่วงหาอาทรต่อบุตรสาวสบเข้ากับดวงตาของบุตรชายคนโต เหอม่อเหยียนเป็นคนที่รักษาคำพูดเสมอ ตลอดสิบห้าปีมานี้เขาไม่เคยผิดคำพูดเลยสักครั้ง ด้วยเหตุนี้ฉินฟางจึงคลายความกังวลลง ทว่ายังไม่ทันจะเอ่ยสิ่งใดก็ถูกน้ำเสียงนุ่มของบุตรชายรองเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน “อีกเจ็ดวันจะถึงวันสอบคัดเลือกทหารแล้วมิใช่หรือพี่ใหญ่ การเดินทางจากหยวนเหยาไปยังเมืองหลวง กว่าจะเสร็จกิจแล้วเดินทางกลับ ข้าคิดว่าคงใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนเห็นจะได้” เขากล่าวพลางคลี่พัดที่พกติดตัวอยู่เสมอออกมาโบกเบาๆ เหมือนบัณฑิตรุ่นจิ๋ว “เจ้าพูดเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าอาสาจะพาซิงเอ๋อร์ไปเอง” น้ำเสียงของเหอม่อเหยียนหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ฝ่ายเหอซิงก็ลอบกลืนน้ำลาย สองคนนี้เจอกันทีไรก็ชอบขัดกันอยู่เรื่อย มิใช่แนวโกรธแค้นแต่ออกแนวทีใครทีมันพอให้สะใจเล่นเป็นครั้งคราว “ข้า...” เหอฟงคลี่ยิ้มยียวน การปะทะของพวกเขาเหมือนไฟกับลม ต่างก็กินกันไม่ลง ส่วนบุตรชายคนที่สาม เหออวี่เทียนกลับมีสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน เหมือนกำลังชมนกชมไม้ในสวน ฝ่ายเหอลั่วก็มองภาพที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าสนุกสนาน เสียงหัวเราะในลำคอดังไม่ขาดสาย “พอๆๆ พวกเจ้าทั้งสองคน” สุดท้ายผู้เป็นบิดาก็ต้องยกมือห้ามทัพ ประคองร่างบางที่กอดนางขึ้นมายืนเคียงข้าง ใช้ดวงตาพญาเหยี่ยวหันไปมองบุตรชายทั้งสี่อย่างพิจารณาใคร่ครวญ เมื่อตัดสินใจได้แล้วจึงพูดทำลายความเงียบ “อาฟง อาลั่ว พวกเจ้าสองคนไปเตรียมตัว พรุ่งนี้ออกเดินทางพร้อมกับซิงเอ๋อร์” พี่ชายคนรองและพี่ชายคนที่สี่ของนางได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้าง โค้งกายรับคำสั่ง “ขอรับท่านพ่อ!/ขอรับท่านพ่อ!” หลังจากสงครามแย่งชิงผู้ติดตามของเหอซิงจบลงด้วยดี เด็กหญิงวัยแปดขวบก็กลับมาที่เรือนของตัวเองพร้อมกับเสี่ยวเหม่ย ร่างเล็กๆ หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ เบื้องหน้าคือบานกระจกทองเหลือง สะท้อนใบหน้าเด็กหญิงวัยแปดขวบ ที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ต่างจากร่างเดิมของนางเมื่อชาติที่แล้วโดยสิ้นเชิง เมื่อก่อนนางมีผิวสีน้ำผึ้ง แต่ร่างนี้ผิวขาวสะอาดราวกับน้ำนม ร่างเดิมนั้นมีดวงตาสีดำเข้มสวยคมชั้นเดียว แต่ร่างนี้กลับมีดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ขนตายาวเหมือนกับตุ๊กตา ช่างอ่อนหวานน่ารัก ถ้าจะถามว่านางชอบอะไรในร่างนี้มากที่สุดละก็ คำตอบก็คงเป็นดวงตาคู่นี้ที่ให้ความรู้สึกกระจ่างใสราวกับอัญมณี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD