3.3 หัวขโมยตัวน้อย

1336 Words
“นางคือภรรยาน้อยของใต้เท้าลั่ว ขุนนางในวังหลวงที่เพิ่งถูกตัดสินโทษประหารเจ็ดชั่วโคตรไปเมื่อเดือนก่อน นางรอดชีวิตออกมาได้เพราะใต้เท้าลั่วไม่เคยบอกเรื่องนางแก่ใคร” เขาเอ่ย “นางเคยเลี้ยงอาหารข้าเป็นประจำ ข้าจึงช่วยนางเอาไว้ นางตั้งใจว่าจะกลับไปหาญาติที่แคว้นเป่ย แต่เพราะนางท้องแก่ใกล้คลอดจึงต้องอยู่ที่นี่ ข้าเองก็เป็นแค่เด็กกำพร้าจนๆ ส่วนนางก็ไม่มีของมีค่าติดตัวเลยแม้แต่น้อย เหตุการณ์จึงเป็นเช่นนี้” “แสดงว่าที่เจ้าไปขโมยของที่ร้านยา ก็เพราะว่านางใกล้คลอดแล้วเจ้าไม่มีเงินพานางไปหาหมอ ใช่หรือไม่” เหอซิงจี้ถามเข้าตรงจุด ทำให้เขาต้องเม้มปากแน่น เบือนหน้าไปทางอื่นพร้อมกับพยักหน้าด้วยสีหน้าไม่เต็มใจเท่าไรนัก ยิ่งเมื่อเด็กชายบอกว่าตนเป็นเด็กกำพร้า เด็กหญิงก็อดคิดถึงชาติที่แล้วของตนขึ้นมาไม่ได้ หากนางยืนอยู่จุดเดียวกับเขาก็คงจะไปขโมยของพวกนี้ออกมาเช่นกัน แล้วก็ไม่แน่ว่าจะทำได้สำเร็จเหมือนเขาไหม ความรู้สึกนับถือเพิ่มพูนขึ้นมา แม้ว่าการขโมยจะเป็นสิ่งที่ผิด แต่ที่ทำเพราะช่วยคน ทั้งยังเป็นคนที่รู้จักบุญคุณ หากเขาได้รับโอกาสละก็ รับรองว่าคงเป็นยอดคนคนหนึ่งเป็นแน่ “เจ้าชื่ออะไร” “ข้าเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีชื่อแซ่ แต่คนแถวนี้ชอบเรียกข้าว่าอาม่อ” เหอซิงได้ฟังแล้วนิ่วหน้า ช่างไร้ศิลปะในการตั้งชื่อโดยแท้ “ต่อไปนี้ เจ้ามีชื่อว่า ‘ม่อสือฮว้า’ เจ้าจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์และพูดแต่ความจริง” วันนี้เหอซิงตั้งชื่อให้คนสองคนแล้ว ทำให้นางอารมณ์ดียิ่งนัก “ม่อสือฮว้า...” คนที่ถูกตั้งชื่อไปหมาดๆ พึมพำเสียงแผ่ว ใบหน้าธรรมดาเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นมือเล็กของเด็กหญิงถอดกำไลหยกออกมาจากแขน รวมไปถึงปิ่นปักผมอีกสองอันจากเรือนผมแล้วยื่นส่งให้เขา “ใช้สิ่งเหล่านี้แลกเงินเพื่อพานางไปหาหมอ ตรวจดูสุขภาพของนางและอวี่จิ้งให้แน่ใจ จากนั้นก็หาที่พักสะอาดๆ เพื่อรอดูอาการ ส่วนเงินที่เหลือก็ใช้เป็นค่าเดินทางพานางไปแคว้นเป่ย เมื่อส่งนางเสร็จแล้วเจ้าไม่มีที่ไป ก็จงมาที่จวนนายอำเภอเมืองหยวนเหยา ที่นั่นจะมีงานให้เจ้าทำ” “นะ...น้ำใจจากพวกคนรวยจอมดูถูกผู้อื่นอย่างพวกเจ้า ข้าไม่ต้องการ!” เขาเตรียมจะปัดกำไลหยกและปิ่นออกจากมือเล็ก แต่นางชักมือกลับได้อย่างทันท่วงที เหอซิงก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว “แล้วเจ้าไม่สนใจชีวิตของฮูหยินลั่ว! ไม่สนใจชีวิตของอวี่จิ้งหรือไร! ที่ข้าให้ของกับเจ้าก็เพื่อพวกเขาทั้งสอง หรือถ้าเจ้าคิดว่าเจ้ามีปัญญาพาพวกเขารอดไปจนถึงแคว้นเป่ยด้วยตัวคนเดียว ก็ลองดู!” “ข้า...” เขาอ้ำอึ้ง ขณะที่ใบหน้าน่ารักหงิกงอ เขายอมขโมยของแต่ไม่ยอมรับของจากนาง มันทำให้นางหงุดหงิดนัก! “ต่อไปนี้เจ้าจะมีชีวิตใหม่ เจ้าคือม่อสือฮว้า ข้าหวังว่าเจ้าจะยอมรับความจริง ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตนเอง ทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง ส่วนศักดิ์ศรีบ้าบอนั่น กลืนมันลงคอสักครั้งจะเป็นอะไรไป” นางกล่าวจบก็จัดการยัดของใส่มือของม่อสือฮว้าก่อนจะเดินจากมา ครั้นเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันกลับไปยังผู้ที่ยืนนิ่งอยู่กลางตรอกเปลี่ยวอีกครา “อ้อ...แล้วเรื่องวันนี้ข้าจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น ข้าไม่เคยเห็นหน้าของหัวขโมยที่ขโมยของจากร้านยาเลยแม้แต่น้อย” ครั้นเหอซิงเดินกลับออกมาถึงถนนใหญ่ ก็พบว่างานรื่นเริงกลับเงียบเชียบจนน่าวังเวง ซึ่งให้ความรู้สึกต่างกับก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ท้องถนนที่เคยหนาแน่นไปด้วยผู้คนกลับมีเพียงทหารจำนวนหนึ่งวิ่งเข้าวิ่งออกตามตรอกซอกซอยอย่างวุ่นวาย ดูจากสีหน้าของพวกเขาคงกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่ ร่างเล็กยืนนิ่งอยู่กับที่ รู้สึกว่าชุดสีเลือดหมูที่เหล่าทหารสวมช่างคุ้นตาอย่างประหลาด ก่อนที่ความทรงจำจะชัดเจนขึ้นเมื่อเห็นร่างของเหอฟงและเหอลั่วอยู่ไม่ไกล แสดงว่าคนที่พวกเขากำลังตามหาคือนางอย่างไม่ต้องสงสัย! “พี่รอง! พี่สี่!” เสียงเล็กเรียกคนทั้งสอง ทว่าคนที่หันกลับมามองกลับเป็นเหล่าพี่ชายและนายทหารที่หน้าดำคร่ำเครียด แรงกดดันมากมายมหาศาลจากการถูกเพ่งเล็งทำให้นางเริ่มประหม่าขึ้นมา เหอฟงได้สติเป็นคนแรกจึงสาวเท้าเข้ามาหาน้องสาวอย่างรวดเร็วผิดกับกิริยางามสง่าที่เคยมี เขามองสำรวจนางจากบนลงล่างแล้วก็จากล่างขึ้นบน ครั้นพบว่านางปลอดภัยดีก็ถอนหายใจออกมา ตามด้วยการหยิบพัดออกมาจากสาบเสื้อแล้วโขกเข้าที่ศีรษะเล็กๆ อย่างไร้ความปรานี! ความชาเริ่มขึ้นเป็นอันดับแรก ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บแปลบจะพุ่งปรี๊ดมายังศีรษะของนาง แม้เหอซิงอยากจะเอามือไปกุมจุดที่โดนโขกเพื่อบรรเทาความเจ็บมากเพียงไรก็ไม่กล้าทำ จะให้โวยวายก็หาใช่นิสัยของเจ้าตัวไม่ ด้วยเหตุนี้จึงต้องข่มกลั้นความเจ็บแล้วปิดปากเงียบ ไม่กล้าพูดกับคนที่กำลังโมโหอยู่ในขณะนี้ “เจ้าคิดจะหายไปก็หายไปตามใจชอบได้เช่นนั้นหรือ! ที่นี่คือเมืองหลวง ไม่ใช่หยวนเหยา! การที่เจ้าหายไปมิใช่เพียงพวกข้าที่เป็นห่วง จางโม่เองก็ร้องไห้อย่างหนักโทษว่าตนเองดูแลเจ้าไม่ดี แม้กระทั่งใต้เท้าจางยังส่งคนมาตามหาเจ้าเสียทั่ว งานรื่นเริงถูกยกเลิกเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และทำอะไรตามอำเภอใจของเจ้า มีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่!” คำพูดมากมายรัวเข้าใส่ เป็นครั้งแรกที่เหอซิงได้เห็นพี่ชายของตนโมโหขนาดนี้ แม้กระทั่งพวกทหารที่ยืนอยู่ทางด้านหลังยังไม่กล้าขยับตัว เหอลั่วเองก็ทำได้เพียงทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ใจหนึ่งเขาก็สงสารแต่อีกใจก็ไม่อาจเถียงสู้พี่ชายคนรองได้ ในเมื่อสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริงทุกประการ “ข้า...” คนโดนต่อว่ากลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ในอก ตอนที่ไล่ตามม่อสือฮว้าไปในทีแรกเพียงกะจะหายไปครู่เดียวเท่านั้น ยอมรับเลยว่าเผลอทำเรื่องที่ไม่ควรทำไปเสียแล้ว ก่อนที่นางจะมาเป็นเหอซิง นางก็อยู่ด้วยตนเองมาตลอด ไม่เคยมีครอบครัวและไม่เคยได้รับความห่วงใย พอมาอยู่ในร่างนี้ ทั้งยังถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กจึงได้เผลอลืมตัว ทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่คำนึงถึงจิตใจของผู้อื่น “ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษ” เหอซิงก้มหน้าต่ำอย่างสำนึกผิด ไม่กล้าสบตาพี่รองของตนเพราะเกรงว่าน้ำตาจะไหลออกมา นางรู้ว่าเขาทั้งห่วงทั้งโกรธ ซึ่งนางก็รู้สึกเสียใจจริงๆ เหอฟงเห็นน้องสาวยอมรับความผิดที่ตนเองก่อก็คลายสีหน้าดุลง เหอลั่วอาศัยจังหวะนี้เดินเข้ามาหยุดเคียงข้างน้องสาว ส่ายหน้าน้อยๆ ให้ผู้เป็นพี่ชาย เหอฟงถอนหายใจเฮือกแล้วไม่พูดอะไรอีก หลังจากนั้นสามพี่น้องจึงพากันกลับจวนเจ้ากรมการคลังโดยมีทหารคอยเดินอารักขาอย่างเข้มงวด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD