4.3 สหายคลายเหงา

1369 Words
นางวิเคราะห์ท่าทีของอีกฝ่ายแล้วจึงเก็บสายตากลับ สักพักก็เบือนไปมองจางโม่ เห็นว่าฮูหยินสามกำลังช่วยเป่าถ้วยชาร้อนให้บุตรสาว แล้วส่งต่อให้คุณหนูแห่งจวนท่านเจ้ากรมการคลังดื่มรวดเดียวจนหมด ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตหันกลับมายังถ้วยชาในมือตน ตัดสินใจจิบคำหนึ่งก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะอาหารตามเดิม เสมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่มือซ้ายที่อยู่ใต้โต๊ะกลับดึงชายเสื้อของพี่ชายคนเล็กซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ไปสามที เขาชะงัก ทำให้เนื้อชิ้นโตในตะเกียบที่คีบไว้ตกลงบนจานจนต้องแสร้งทำเป็นคีบเนื้อชิ้นใหม่มากินแทน นัยน์ตาเรียบเฉยมีความกังวลเจืออยู่จางๆ ริมฝีปากเรียบสนิทไม่เอ่ยสิ่งใด พอกินอาหารเย็นจนอิ่มแล้ว คนทั้งหมดต่างก็แยกย้ายกันกลับเรือนของตนเอง “พี่หญิงซิง” เสียงใสๆ ของจางโม่เรียกนางจากด้านหลัง เมื่อหันไปก็พบว่านางจูงมืออยู่กับมารดาซึ่งมองมาที่พวกนางอย่างเป็นมิตร “มีอะไรหรือน้องโม่” เหอซิงหยุดฝีเท้าที่กำลังจะกลับเรือน ส่งผลให้เหอฟงและเหอลั่วหยุดรอเช่นเดียวกัน “วันนี้อาจารย์ให้ของเล่นใหม่มาชิ้นหนึ่ง ทว่ามันกลับใหญ่เกินกว่าที่ข้าจะแบกไหว ข้าอยากชวนท่านไปเล่นที่จวนของข้าด้วยกันจะได้หรือไม่” แม้จะเป็นการถามไถ่แบบมีมารยาท ทว่าดวงตาใสกระจ่างของนางกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง มีหรือที่นางจะต้านทานแววตาไร้เดียงสาของแม่หนูน้อยผู้นี้ได้ ในเมื่อนางน่าเอ็นดูเสียขนาดนี้ “ได้ ข้าจะไปกับเจ้า” คนถูกชักชวนตอบรับโดยง่ายก่อนจะเบือนใบหน้าน่ารักกลับไปมองพี่ชายทั้งสอง “พวกท่านกลับไปก่อนเลย มิต้องเป็นห่วงข้า ที่นี่คือจวนเจ้ากรมการคลัง ข้ามิเป็นอะไรแน่นอน” นางพูดจบก็หยุดสายตาไว้ที่เหอลั่วอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปกุมมือเล็กๆ ที่ยื่นมาของบุตรสาวคนเล็กของเจ้ากรมการคลัง แล้วกลับที่เรือนของนางด้วยกัน เมื่อฮูหยินสามส่งพวกนางที่ห้องเรียบร้อยดีแล้ว นางก็กลับไปยังห้องพักของตนเองซึ่งอยู่ถัดออกไปอีกเรือน ในใจคงอยากจะให้เด็กๆ เล่นกันตามใจชอบ ประตูเรือนพักของจางโม่ถูกเปิดออก สาวใช้ใบหน้าจิ้มลิ้มจำนวนห้าคนซึ่งยืนรออยู่ด้านในก็พากันย่อกายเคารพท่ามกลางสายตาอึ้งๆ ของเหอซิง เด็กหญิงวัยหกขวบอย่างนางจำเป็นต้องมีสาวใช้มากมายเพียงนี้เชียวหรือ! “พวกเจ้าไปนอนเถิด ข้าจะเล่นกับพี่หญิงซิง” ลูกสาวคนเล็กของจวนเอ่ยปากไล่พร้อมกับเข้ามาเกาะแขนซบไหล่นางอย่างสนิทสนม เหล่าสาวใช้อ้ำอึ้งเล็กน้อยในขณะที่มองนางสลับกับจางโม่อย่างลังเล “ยังไม่รีบไปอีก!” เสียงแหลมเล็กดังขึ้นมากกว่าเดิมตามความไม่พอใจและไม่ได้ดั่งใจ จางโม่เองก็เบื่อที่ตนไม่มีความเป็นส่วนตัวเอาเสียเลย แขกผู้มาเยือนเห็นดังนั้นจึงช่วยส่งสายตาไล่พวกนางอีกแรง ในที่สุดคนทั้งห้าก็ยอมออกไปแต่โดยดี เจ้าของเรือนเห็นดังนั้นก็รีบดึงแขนเล็กของเหอซิงให้เข้าไปในห้องพร้อมกับปิดประตูลง ริมฝีปากเล็กบ่นออกมาอย่างเบื่อหน่าย “ข้าละเบื่อเหลือเกิน ช่วงนี้ท่านพ่อไม่รู้เป็นอะไร พอข้าออกไปข้างนอกก็ส่งทหารเดินตามข้าเป็นขบวน พอกลับเข้าจวนก็ให้สาวใช้หลายคนมาอยู่กับข้าอีก” “ใต้เท้าจางคงกลัวเจ้าหลงทางอีกกระมัง” นางเอ่ยแซวเพื่อเปลี่ยนอารมณ์ขุ่นมัวของอีกฝ่าย ซึ่งมันก็ได้ผลเมื่อใบหน้าของเด็กน้อยขึ้นสีแดงระเรื่อ จางโม่เข้ามาเกาะแขนนาง เสียงใสๆ กล่าวอย่างออดอ้อน “โธ่พี่หญิงซิง...นั่นมันเมืองหยวนเหยา ข้าจึงได้หลงทาง ผิดกับเมืองหลวงที่ต่อให้หลับตาเดินข้าก็ไม่มีทางหลง!” “หึๆ ข้าไม่แซวเจ้าแล้วก็ได้ ไหนล่ะของเล่นที่เจ้าว่า” นางตัดสินใจเลิกแกล้งจางโม่ก่อน เกรงว่าขืนยังแกล้งอีกคงถูกนางถูศีรษะใส่ตนจนผิวถลอกเป็นแน่ เมื่อพูดถึงของเล่น เด็กน้อยในชุดฝาแฝดเหมือนกับนางก็ยิ้มกว้างจนตาหยี มือเล็กป้อมจับจูงมือของนางให้เดินลึกเข้าไปในส่วนของห้องนอน เหอซิงทรุดกายลงบนเบาะนุ่มในขณะที่ดวงตาของพิจารณา ‘ของเล่น’ ที่จางโม่พยายามโอ้อวดไปด้วย ที่แท้ก็คือเกมไม้ตึกถล่มที่นางเคยเห็นในโลกเดิมที่จากมา ด้วยความที่มีประสบการณ์และอายุมากกว่า เหอซิงจึงปล่อยให้จางโม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน พวกนางทั้งสองผลัดกันดึงแผ่นไม้ออกมาวางซ้อนไว้ด้านบน จนตอนนี้ตึกไม้สูงจนเลยศีรษะของคนทั้งสองไปแล้ว นางกับจางโม่จำต้องลุกขึ้นยืนเพื่อเล่นต่อให้เสร็จ ไม่นานนักตึกก็ถล่มลงด้วยฝีมือของบุตรีเจ้ากรมการคลัง นางชักสีหน้าขัดใจที่พ่ายแพ้ คนสูงวัยกว่าจึงเอ่ยอย่างใจดี “เล่นอีกสักรอบเถิด” เด็กน้อยคลี่ยิ้มดีใจก่อนจะจัดการเก็บแผ่นไม้ทั้งหมดมาต่อใหม่อย่างขะมักเขม้น เหอซิงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นแววตาจริงจังบนใบหน้าเล็กๆ ของนางซึ่งลงมือเล่นครั้งที่สองด้วยความระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม กว่าจะดึงแต่ละแผ่นไม้ออกมานั้นคิดแล้วคิดอีกจนคิ้วเล็กขมวดเข้าหากัน อึดใจต่อมาตึกไม้ก็สูงขึ้นบดบังใบหน้าของนาง “จางโม่ ตาเจ้าแล้ว” เหอซิงเอ่ยเร่งเมื่อพบว่าร่างเล็กไม่ยอมดึงแผ่นไม้ออกเสียที แต่แล้วความผิดปกติก็เกิดขึ้นเมื่ออีกฝ่ายไม่ส่งเสียงใดๆ ตอบกลับมาเหมือนเคย ครั้นสังเกตได้ถึงความผิดปกติ คิ้วเล็กจึงขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยเรียกเบาๆ อีกครา “จางโม่” ทว่าผลตอบรับก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ด้วยเหตุนี้นางจึงยันกายลุกขึ้นจากเบาะนุ่มแล้วชะเง้อหน้าไปมองอีกฝ่าย ดวงตาเบิกกว้างเมื่อพบว่าคุณหนูจางหลับไปแล้ว! เหอซิงเตรียมจะตรงเข้าไปปลุกอีกฝ่าย ทว่าเสียงฝีเท้าแผ่วเบาซึ่งดังขึ้นจากทางด้านนอก ก็ทำให้นางชะงักก่อนจะรีบหลับตาลงแล้วทิ้งกายลงบนพื้นห้องอย่างแนบเนียน แสงสว่างจากตะเกียงถูกดับลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ภายในห้องมืดลงจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด บานประตูเรือนที่ถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างของบุรุษผู้หนึ่งที่สาวเท้าเข้ามาในความมืด เสียงย่างเท้าขยับเข้ามาใกล้ร่างของเด็กหญิงที่นอนสลบไสลทั้งสอง เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงช้อนร่างของเหอซิงขึ้นมาในอ้อมแขนแล้วเริ่มก้าวเดิน จุดมุ่งหมายคือเตียงไม้ภายในห้องนอนห้องนี้ ครั้นเดินไปถึงแล้วก็จัดการวางร่างเล็กลงอย่างเบามือ พร้อมกับห่มผ้าให้อย่างเรียบร้อยแล้วจึงผละตัวออก “ต้องขอโทษท่านด้วย คุณหนูเหอ” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยทำให้เหอซิงที่แสร้งหลับรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แต่นางก็มีสติพอที่จะหลับตานอนนิ่งอยู่เช่นเดิม ฝ่ายผู้พูดก็เริ่มขยับกายเดินไปยังจางโม่แล้วช้อนตัวของนางขึ้น ไม่นานนักคนทั้งสองก็หายออกไปจากห้องท่ามกลางราตรีที่เงียบสงบ ครั้นแน่ใจแล้วว่าที่นี่ไร้ซึ่งกลิ่นใดๆ หลงเหลืออยู่อีก เด็กน้อยจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาในความมืดมิด ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและใคร่ครวญ เหงื่อเม็ดใสๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้าน่ารัก เสียงเมื่อครู่นี้คงเป็นของใครไม่ได้อีกนอกเสียจากพ่อบ้านประจำจวนเจ้ากรมการคลัง ไป๋เล่อ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD