สามี (ไม่) ชอบบอกรัก #1 ผู้ชายแสนดีที่เธอไม่ต้องการ

1201 Words
            “เราเลิกกันเถอะ”             ประโยคทำร้ายจิตใจที่ผู้หญิงคนนั้นพูดกับเขาอย่างไร้เยื่อใยดังขึ้นเมื่อเธอได้พบเจอคนใหม่ที่มีฐานะทางการเงินดีกว่า  ทั้ง ๆ ที่คบกันมานานถึงห้าปี แต่เธอก็เลือกตัดสัมพันธ์กับเขาง่าย ๆ เพียงเพราะตนเองรวยน้อยกว่า ถึงแม้เขาจะมีเงินเป็นพันล้าน แต่ก็สู้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ เพราะเขามีเงินเป็นหมื่นล้าน              คิมหันต์นอนคิดถึงเรื่องนี้ด้วยความเศร้าใจอยู่ภายในห้องนอนของตนซึ่งตั้งอยู่ในคฤหาสน์หลังโตแถบชานเมือง เขาถูกเธอบอกเลิกไปเมื่อเดือนก่อนด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่าหมดรัก              แต่ความจริงที่เขาเพิ่งรู้มาก็คือ เธอหมดรักเพราะเขารวยน้อยกว่าผู้ชายคนนั้น คนที่เป็นเจ้าของสายการบินอันดับต้น ๆ ของโลก ต่างจากเขาที่เป็นแค่ทายาทห้างสรรพสินค้าและโรงแรมเท่านั้น             ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นขัดจังหวะความเศร้าของคิมหันต์             “คิม แม่เข้าไปได้ไหม”             “เชิญครับคุณแม่ ผมไม่ได้ล็อกประตู”             เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน คุณหญิงเพียงเพ็ญ มารดาคนสวยของชายหนุ่มก็ค่อย ๆ เปิดประตูแล้วเดินมาหาลูกชายที่กำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยความหมดอาลัยตายอยาก              นางสงสารลูกเหลือเกินที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อคนมันไม่ใช่เนื้อคู่ จะฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้อย่างไร             “คิม แม่ไม่อยากเห็นลูกเศร้าเลย แม่ต้องทำยังไง ลูกชายของแม่ถึงจะกลับมายิ้ม กลับมาสดใสเหมือนเดิม ลูกบอกแม่มาเถอะ แม่จะทำทุกอย่าง”             คุณหญิงเพียงเพ็ญนั่งลงข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับเอามือไปลูบที่หัวของเขาเบา ๆ แล้วเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ถึงแม้คิมหันต์จะอายุ 30 ปีแล้ว แต่สำหรับนาง ลูกชายก็ยังคงเป็นเด็กในสายตาเสมอ ถ้ามีทางไหนที่จะช่วยให้อีกฝ่ายหายเศร้าได้นางก็ยินดีจะทำ             “คุณแม่” คิมหันต์เอ่ยออกมาเบา ๆ นี่เขาจมปลักอยู่กับความทุกข์จนลืมความรู้สึกของคนในครอบครัวขนาดนี้เลยเหรอ              มัวแต่แคร์ผู้หญิงที่ไม่เคยรักตนเองจนลืมผู้หญิงที่รักเขาสุดหัวใจอย่างมารดาไปได้อย่างไร ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นมากอดคุณหญิงเพียงเพ็ญด้วยความสำนึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้ท่านเศร้าใจ             “คิม บอกแม่สิลูก แม่จะช่วยคิมทุกอย่าง ขอแค่ลูกแม่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง”             “ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับคุณแม่ ผมสัญญา ต่อไปนี้ผมจะไม่เศร้าอีก”             “จริงเหรอลูก คิมไม่ได้แค่พูดเพื่อให้แม่สบายใจใช่ไหม”             “ครับ ผมพูดจริง ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณแม่เสียใจ”             “ไม่เป็นไรลูก แค่คิมบอกว่าจะไม่เศร้า ไม่เสียใจเพราะผู้หญิงคนนั้นอีก แม่ก็ดีใจมากแล้ว ไม่ว่าลูกจะเจอกับปัญหาอุปสรรคมากมายแค่ไหน แม่ก็จะอยู่ข้างลูกเสมอ แม่รักลูกนะคิม”             “ผมก็รักคุณแม่ครับ”             ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเพื่อซึมซับความรักความอบอุ่นจากท่านและเพื่อกำจัดความเศร้าที่อยู่ในใจออกไปให้หมด             เขาสัญญาในใจไว้ว่าต่อไปนี้ เขาจะไม่ทำให้ใครต้องมาเสียใจหรือทุกข์ใจเพราะเขาอีก โดยเฉพาะพ่อ แม่ แล้วก็น้องสาว ใครไม่รักก็ปล่อยไป อย่าได้สนใจ รักคนที่เขารักเราก็พอ             “แม่ขึ้นมาตามลูกไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน หลายวันแล้วนะที่คิมไม่ได้กินข้าวพร้อมกับพ่อแม่กับน้องเอิง วันนี้ลงไปกินข้าวด้วยกันนะ”             “ครับ ต่อไปนี้ผมจะกินข้าวพร้อมกับทุกคน ให้พ่อแม่แล้วก็น้องเอิงเบื่อหน้ากันไปเลย”             “ฮ่า ๆ ๆ มันต้องแบบนี้สิ ถึงจะเหมาะสมกับที่เป็นลูกของคุณหญิงเพียงเพ็ญกับคุณอนาคิน เหมาะกับการเป็นลูกชายคนโตของตระกูล”             “ครับคุณแม่”             หลังจากพูดคุยกันเรียบร้อย สองแม่ลูกก็ควงกันลงมาที่ห้องอาหารซึ่งมีลูกสาวคนเล็กคือเอิงเอยและคุณอนาคิน ประมุขของบ้านนั่งรออยู่ก่อนแล้ว              เมื่อทั้งสองคนเห็นคิมหันต์ยอมมากินข้าวด้วย และดูไม่เศร้าเหมือนวันก่อน ๆ ต่างก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี             “ยิ้มอะไรขนาดนั้น แค่พี่มากินข้าวด้วยเองนะ”             “ก็พี่คิมไม่มากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตามาหลายวันแล้วนี่คะเอิงก็ต้องดีใจสิ จริงไหมคะคุณแม่”             “ใช่จ้า”             “หึ ๆ ต่อไปพี่จะมาให้เห็นหน้าทุกวันจนเบื่อเลย”             “พอ ๆ สองคนพี่น้อง กินข้าวเถอะ”             “ครับ/ค่ะ” สองพี่น้องรับคำของบิดา จากนั้นทุกคนก็เริ่มลงมือกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยมีลูกสาวกับคุณแม่คอยชวนคุณพ่อกับลูกชายคุยสัพเพเหระตามประสาคนในครอบครัว ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่มีแต่ความเศร้าหมองถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเหมือนวันวานที่คิมหันต์ยังไม่โดนบอกเลิก             เช้าวันใหม่ ลูกชายของบ้านตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น เขาโกนหนวด โกนเคราจนหน้าตากลับมาหล่อเหลาเหมือนเดิม             วันนี้เป็นวันแรกของเดือนที่เขาจะกลับไปช่วยบิดาทำงานอีกครั้งหลังจากที่ทำตัวเกเรจมปลักอยู่กับความเศร้ามานาน ชายหนุ่มมองตัวเองในกระจกแล้วตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมกลับไปใช้ชีวิตแบบเศร้า ๆ อีกเป็นอันขาด                          ทางด้านคุณหญิงเพียงเพ็ญ หลังจากที่ส่งลูกชาย ลูกสาว และสามีขึ้นรถเพื่อไปทำงานเรียบร้อยก็รีบต่อสายหาเพื่อนสนิททันที             “ฮัลโหล เพ็ญว่าไงจ๊ะ”             “จันทร์ ฉันมีเรื่องอยากถาม จำคำสัญญาของเราได้ไหม ที่จะให้ลูก ๆ แต่งงานกันน่ะ”             “อืม ๆ จำได้ ทำไมเหรอ”             “ฉันอยากให้ตาคิมแต่งงานกับหนูกลิ่นจันทร์ เธอจะว่ายังไง”             “ฉันยินดีนะที่จะให้ตาคิมแต่งงานกับยัยกลิ่นน่ะ แต่ฉันขอถามเจ้าตัวก่อน ไม่อยากบังคับ”             “จ้า ๆ ยังไงรีบตัดสินใจนะ ตอนนี้ตาคิมโสดแล้ว เนื้อหอมแน่นอน”             “โอเค ๆ ฉันจะรีบถามให้ แค่นี้ก่อนนะเพ็ญ ยัยกลิ่นกลับมาพอดี”             เมื่อวางสายจากเพื่อนสนิท คุณเพียงเพ็ญก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แค่คิดว่าอีกหน่อยลูกชายจะได้แต่งงานกับลูกสาวของจันทร์เจ้า และมีหลานให้ตนเองอุ้มก็ดีใจจนเนื้อเต้น             นางหมายมั่นปั้นมืออยากได้ลูกสาวของเพื่อนมาเป็นลูกสะใภ้ตั้งแต่เด็กทั้งสองอายุยังน้อย แต่พอโตขึ้นมาคิมหันต์กลับมีแฟนเสียก่อน สุดท้ายจึงต้องตัดใจยอมรับในสิ่งที่ลูกชายเลือก แต่โชคชะตาก็ให้โอกาสอีกครั้งเมื่อผู้หญิงคนนั้นทิ้งคิมหันต์ไปอย่างไม่ไยดี คุณเพียงเพ็ญมองรูปว่าที่ลูกสะใภ้ในโทรศัพท์แล้วพึมพำเบา ๆ             “ลูกสะใภ้ของฉันต้องเป็นกลิ่นจันทร์เท่านั้น!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD