“ไอ้เหนือเมฆ”
เพชร เรียกชื่อศัตรูคู่อาฆาต ลอดไรฟัน มันทั้งหล่อและเก่งกาจ จากที่กาสิโนของพ่อมันรุ่งเรืองอยู่แล้ว พอมันมารับช่วงต่อบริหาร ยิ่งสามารถทำให้กาสิโนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว นำเม็ดเงินมหาศาลเข้ากระเป๋า แถมยังจับกิจการอะไรก็เจริญรุ่งเรือง ทั้งผับบาร์ โรงแรม หรือแม้แต่รีสอร์ตแห่งนี้ก็ตาม
พ่อของเขามักชอบเอาเขาไปเปรียบเทียบกับมันเสมอ ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้แย่ เพียงแค่ไม่ได้เก่งเท่ามันก็เท่านั้น
ดารานางแบบหลายคนที่เขาหมายตาก็มักจะถูกมันฉกไปกินตัดหน้าเสมอ คนล่าสุดก็ลีน่า นางแบบสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่เขาตามตื๊อเท่าไรก็ไม่ยอมเล่นด้วย เพราะอยากจะจับไอ้เหนือเมฆนี่ให้อยู่หมัด
“เออ กูเอง”
“มึงอย่ามาเสือกเรื่องนี้ เอาคนของมึงกลับไป”
“มึงนี่ตลกนะไอ้เพชร ที่ดินที่มึงเหยียบอยู่เป็นที่ของกู มึงอุ้มคนแก่กับผู้หญิงมาฆ่าหมกป่า แต่เสือกไล่เจ้าของที่เนี่ยนะ เป็นมึงมากกว่าที่ต้องไสหัวไปจากที่ของกู ก่อนที่มึงและลูกน้องของมึงทุกคนจะโดนกูเป่า และกูขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะไอ้ลูกแหง่ ถ้าอยากจะเสือกเป็นมาเฟียอุ้มฆ่าคน ใจมึงต้องเด็ดกว่านี้ว่ะ อย่าทำแล้วโยนขี้มาให้คนอื่นรับผิดชอบ มันน่าสมเพช ถุย”
เหนือเมฆถ่มน้ำลายลงพื้น จงใจหยามศักดิ์ศรีไอ้มาเฟียลูกแหง่ที่ใช้แต่บารมีพ่อของตัวเองเพื่อช่วยเหลือทุกครั้งเวลาที่มันไปทำเรื่องเลวๆ แล้วโดนทางการจับได้ รวมถึงครั้งล่าสุดที่มันโยนขี้มาใส่ที่ดินของเขาด้วย
“ไอ้เหนือเมฆ มึงอยากตายใช่ไหม”
มาเฟียลูกแหง่กัดกรามกรอด ยกปืนขึ้นเล็งไปยังทิศทางที่เสียงของเหนือเมฆดังขึ้นมา
“หึ ใครกันแน่ที่จะต้องตาย กู หรือ มึง”
แต่แล้วก็ต้องหันหน้าไปอีกทาง เพราะเสียงที่ดังขึ้นในตอนแรก เปลี่ยนทิศทางไปแล้ว เขาจึงส่ายปากกระบอกปืนไปมาด้วยความลังเล
“ไอ้เหนือ แน่จริงมึงก็ออกมาสิวะ จะหลบอยู่หลังแสงไฟทำไม มึงออกมาสู้กับกูสิ”
“หึหึ เสียใจด้วย กูไม่โง่แบบนั้นว่ะ ถ้ามึงยังอยากมีชีวิตรอด มึงก็กลับไปซะ ออกไปจากที่ดินของกู แล้วอย่าเสือกเสนอหน้าเข้ามาเหยียบที่นี่อีก”
เพชรยืนกำด้ามปืนด้วยมืออันสั่นเทาเพราะความโกรธ ลูกน้องมือขวาจึงขยับมากระซิบใกล้ๆ ให้ได้ยินกันเพียงสองคน
“นายครับ เอาไงดีครับ ผมว่าเราถอยดีไหม เราไม่รู้เลยว่ามันมากันกี่คน ส่วนไอ้พิชาญกับนังพาฝันนี่ ค่อยเอาไปจัดการต่อในพื้นที่ของเราก็ได้”
มาเฟียหนุ่มประเมินสถานการณ์อีกครั้งแล้วก็เห็นด้วยตามที่ลูกน้องคนสนิทว่า ถึงแม้จะต้องเสียศักดิ์ศรีนิดหน่อยที่โดนมันจับได้แล้วต้องล่าถอย แต่ก็ดีกว่าไม่มีชีวิตรอดกลับไป
อาจจะโดนพ่อด่านิดหน่อยที่ทำอะไรไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม แต่คราวนี้ถ้าไอ้พิชาญมันตาย เขาจะหาที่ฝังกลบมันให้ลึกๆ แล้วจับลูกสาวคนสวยของมันทำเมีย ยังไงชาตินี้นังคนสวยนี่ก็ไม่กล้าทรยศผัวอย่างเขาแน่นอน
“ก็ได้ กูจะกลับ เคลียร์ทางให้กูสิ”
เหนือเมฆสั่งให้ลูกน้องของตัวเองเคลียร์ทางให้แค่เพียงช่องทางเล็กๆ ที่รถพอจะออกได้ทีละคันเท่านั้น และพวกมันจึงรีบขึ้นรถกันอย่างรวดเร็วโดยที่ชายร่างใหญ่สามคนตรงดิ่งมาลากสองพ่อลูกนี่ขึ้นรถไปด้วย
“กูให้พวกมึงไปได้ แต่สองคนนั้น ทิ้งไว้ที่นี่”
“มึงเกี่ยวอะไร ไอ้พิชาญมันเป็นลูกหนี้ของกู ลูกสาวมันก็ต้องมาขัดดอกให้กูสิวะ กูจะเอามันสองคนไปด้วย”
“กูได้ยินมึงบอกว่าจะเอาโรงงานเขาแทนหนี้แล้วไม่ใช่หรอ งั้นมึงก็ควรทิ้งสองคนนั้นไว้ที่นี่ ไม่มีสิทธิ์จะไปเรียกร้องจับผู้หญิงคนนี้ทำเมีย”
“มึงอย่าเสือก”
“ถ้ามึงไม่ปล่อยสองคนนั้นไป กูยิง”
เสียงกัมปนาทก้องป่า ทำเอาลูกน้องปลายแถวที่ยืนอยู่หันมองหน้ากันเลิกลัก เพชรหันมองใบหน้างามอย่างแสนเสียดาย เขาชอบเธอมาก ทั้งสวยทั้งน่ารักถูกใจเขาที่สุด แต่ก็ทำได้เพียงกัดกรามกรอดแล้วจำใจต้องปล่อยเธอไปก่อนในวันนี้ แต่เขาสาบานว่าเขาจะต้องตามหาเธอจนพบ และเอาเธอมาทำเมียให้ได้แน่นอน
“ไป พวกเรา ถอย”
เพียงชั่วอึดใจ มาเฟียลูกแหง่พร้อมพวกก็ออกไปจากบริเวณนี้จนหมดอย่างรวดเร็ว เขาจึงรีบเดินเข้าไปดูคนเจ็บและสั่งให้ลูกน้องพาชายวัยกลางคนที่ดูคุ้นตาแม้จะมีใบหน้าแตกยับไปส่งโรงพยาบาล
สาวสวยที่ใบหน้าเปรอะเปื้อนคราบน้ำตา เสื้อผ้าและลำตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด รีบลุกขึ้นเพื่อจะตามพ่อของเธอไป แต่ความเครียดและความกลัวก่อนหน้านี้ ทำให้ร่างบางที่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วโงนเงนและทรุดตัวลงในอ้อมกอดของมาเฟียหนุ่มที่พุ่งตัวเขามาประคองเธอได้ทันท่วงที
“เห้ย เธอ..เป็นลมไปแล้วว่ะ ไป รีบออกรถไปโรงพยาบาล”
ในห้องผู้ป่วยวิกฤต ร่างอวบของชายวัยกลางคนที่ใบหน้าบวมช้ำแตกยับ นอนอยู่บนเตียงคนไข้โดยมีท่อออกซิเจนและสายเครื่องช่วยชีวิตห้อยระโยงระยาง เสียงสัญญาณชีพเต้นอ่อนแต่ยังทรงตัวราวกับกำลังรอคอยบางอย่างอยู่
เหนือเมฆยืนมองชายวัยกลางคนผ่านผนังกระจกใส ถึงว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงดูคุ้นตาเขานัก เพราะเขาเคยเห็นไปมาหาสู่พ่อของเขาอยู่เนืองๆ เห็นว่าเมื่อก่อนเคยทำงานกับพ่อ และลาออกไปเปิดโรงงานทอผ้า แล้วทำไมวันนี้ถึงเป็นหนี้เป็นสินจนถูกตามฆ่าเอาแบบนี้
เขาตัดสินใจโทรแจ้งข่าวนี้กับพ่อและแม่ ซึ่งพ่อก็สั่งให้ลูกน้องเตรียมเอาเครื่องบินส่วนตัวเดินทางมาที่นี่ทันทีเช่นกัน
“พิชาญเป็นยังไงบ้างเหนือ”
ปราณนต์ และ ณิชา พ่อแม่ของฝาแฝดน่านฟ้าและเหนือเมฆ เดินตรงดิ่งเข้ามาหาลูกชาย ก่อนจะเหลือบมองไปเห็นคนคุ้นเคยในสภาพสะบักสะบอมจนแทบจำหน้าเดิมไม่ได้
“ตายจริง คุณพิชาญ”
ณิชายกมือขึ้นปิดปาก ดวงตากลมโตไม่ต่างจากสาวๆ เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหนือ ทำไมพิชาญถึงอยู่ในสภาพนี้ได้”
ตอนที่เขาโทรบอกพ่อกับแม่ ก็ยังไม่ทันได้ให้รายละเอียดอะไรมาก อยากให้ทั้งสองเดินทางมาเห็นความเป็นจริงตรงหน้ามากกว่า
“ไอ้เพชรครับพ่อ มันอุ้มอาพิชาญกับลูกสาวมาฆ่าหมกป่า แต่ลูกน้องที่เราตั้งจุดกระจายตัวให้เฝ้าพื้นที่เห็นว่าพวกมันเข้ามาในชายป่าเขตพื้นที่รีสอร์ตเรา ผมเลยพาลูกน้องไปดูครับ ไปถึงอาพิชาญก็อยู่ในสภาพนี้แล้ว”
“แล้วลูกสาวคุณพิชาญล่ะเหนือ ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
ณิชาอดห่วงเด็กสาวที่ตนเห็นหน้ามาตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลกไม่ได้ ทั้งสวย ทั้งขาว รูปร่างหน้าตางดงามไร้ที่ติ ตกไปอยู่ในมือของไอ้พวกชั่วช้านั่นจะเป็นอย่างไรกันนะ
“เป็นลมครับ คงตกใจมาก ตอนนี้นอนอยู่ที่ห้องพักฟื้น ตอนที่ผมไปเจอสภาพดูไม่ได้เหมือนกัน กอดอาพิชาญไว้แน่น เนื้อตัวมีแต่เลือดของอาพิชาญ ดีที่พวกผมไปทัน ไม่งั้นก็ไม่อยากคิดสภาพเหมือนกันครับ เพราะไอ้เพชรมันประกาศว่ามันจะเอาเธอทำเมียให้ได้”
“โถ ลูก มันเวรกรรมอะไรนะ”
“แล้วเพราะอะไรไอ้เด็กเวรนั่นถึงอุ้มพิชาญกับลูกสาวมาหมกป่าแบบนี้”
ปราณนต์เอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะนอกจากธุรกิจกาสิโน โรงแรม ผับบาร์ และรีสอร์ต สองพ่อลูกนั่นยังปล่อยเงินให้กู้ในจำนวนเยอะๆ หลักล้านไปจนถึงหลายสิบล้านก็มี ถ้าเครดิตดี
ซึ่งเขาไม่คิดว่าคนที่ทำงานด้วยกันมาเก่าแก่จะเข้ากาสิโนเพื่อเสี่ยงโชค ในเมื่อก็รู้อยู่แล้วว่าในกาสิโนมันไม่ได้มีอะไรโปร่งใสร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างไรผู้เล่นก็มีแต่เสียกับเสีย
แต่หากเป็นการกู้เงินโดยเอาโรงงานทอผ้าไปค้ำประกันก็อาจจะเป็นได้ เพราะหลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจมันย่ำแย่เกินทน ไหนจะโรคระบาดที่ทำเอาธุรกิจใหญ่ๆ ล้มครืนลงมากันเป็นแถว
แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือ ทำไมพิชาญถึงเลือกไปกู้เงินที่ดอกเบี้ยโหดแบบนั้น ทำไมไม่มาขอความช่วยเหลือจากเขา จะกี่สิบล้านเขาก็ให้ได้
นั่นไม่ใช่เพราะแค่พิชาญเคยเป็นลูกน้องที่ทำงานกับเขาด้วยความซื่อสัตย์มาเป็นสิบๆ ปีอย่างเดียวหรอกนะ แต่นั่นเพราะเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ตอนที่มีเรื่องราวการปะทะกันกับกลุ่มมาเฟียเจ้าถิ่นที่คอยกลั่นแกล้งนักธุรกิจต่างชาติ เขาเกือบจะโดนยิงตาย ถ้าพิชาญไม่ผลักเขาออกไปแล้วเอาตัวรับกระสุนแทน จนเกือบจะต้องสังเวยชีวิตแทนเขา
ในตอนนั้นภรรยาของพิชาญขอร้องให้ลาออกจากงานทันที เขาไม่รั้งเอาไว้แม้แต่น้อย พร้อมให้เงินก้อนใหญ่ที่เอามาใช้สร้างโรงงานทอผ้าขนาดกลางและพิชาญก็บริหารงานจนกิจการรุ่งเรืองมาตลอด ไม่เคยมีทีท่าว่าจะขาดทุนหรือปิดตัวลงแต่อย่างใด