“ครับ แค่งานเล็กๆ ในหมู่ญาติและเพื่อนฝูงที่สนิท และจดทะเบียนสมรสก็พอครับ แค่นี้ไอ้เพชรมันก็รู้แล้ว ว่าพาฝันเป็นเมียผม จากนี้ก็คงไม่มายุ่งเกี่ยวอะไรกันอีก ไม่นานมันก็คงมีผู้หญิงคนใหม่ที่มันต้องการ เรื่องพาฝันนี่ก็คงจะแค่อยากเอาชนะผมเท่านั้นล่ะครับ”
“อันนี้แม่ถามเอาไว้เผื่อว่ามันจะเกิดขึ้น แล้วถ้าไอ้เพชรมันมาตามตื๊อพาฝันต่อล่ะลูก แบบนี้เราจะทำยังไง ลูกอาจจะต้องอยู่กับน้องหลายปี ถ้าเกิดลูกเจอผู้หญิงที่ลูกถูกใจในช่วงนี้ ถึงขั้นอยากจะแต่งงานมีครอบครัวกับผู้หญิงคนนั้น ลูกจะทำยังไง”
“โอ๊ย ไม่มีหรอกครับแม่ แม่ก็รู้ว่าผมรักอิสระแค่ไหน จะให้แต่งงานอยู่กินกับใครจริงๆ จังๆ มีลูกมีเต้า ผมคิดไม่ออกจริงๆ ก็ดูสถานการณ์อีกครั้งแล้วกันครับ ว่าจะต้องอยู่กันนานแค่ไหน ยังไงถ้าให้ผมใช้ชีวิตแบบเดิม ผมก็คงไม่มีปัญหาอะไร ลูกสาวของแม่นั่นแหละครับที่จะมีแฟนหรือเปล่า ถ้าถึงวันนั้นอาจจะมาขอหย่ากับผมก็ได้ใครจะไปรู้”
“แล้วถ้าถึงวันนั้นก็อย่ารั้งน้องเอาไว้แล้วกัน ไอ้เหนือ”
เหนือเมฆตวัดสายตามองพี่ชายฝาแฝด คนเขาอุตส่าห์ยอมแต่งงานอย่างง่ายดายเพื่อช่วยไม่ให้ตัวเองต้องมาแต่งงานแทน แถมความลับของตัวเองยังไม่ถูกเปิดเผยอีกต่างหาก ยังไม่เห็นเป็นบุญคุณ มันน่าปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้แล้วโบ้ยให้พี่ชายอย่างมันเป็นคนแต่งงานแทนเสียนี่ ไอ้หมอไม่รู้คุณคน
“ไม่ต้องพูดมากไอ้น่าน มึงไม่รู้ใช่ไหมว่าถ้ากูไม่ยอมแต่งงานในครั้งนี้ หวยจะไปออกที่มึง แล้วพี่ชายคนโตอย่างมึงกล้าเห็นแก่ตัวปฏิเสธแม่กับพ่อเหรอ เดี๋ยวกูก็ปฏิเสธซะนี่”
“เฮ้ยๆๆ อย่าเด็ดขาด แบบนี้ดีแล้วครับน้องเหนือของพี่ ขอบคุณน้องชายสุดที่รักมากครับที่เสียสละแต่งงานแทนพี่ชายคนนี้”
“เออ กวนตีน”
“ขอโทษจริงๆ ครับผู้มีพระคุณ เดี๋ยวจะใส่ซองงานแต่งให้อย่างสาสมด้วยครับ”
“ไม่ต้อง ไม่อยากได้”
“มึงไม่อยากได้ก็ถือซะว่าเอาไว้เป็นทุนการศึกษาของพาฝันก็ได้”
“เก็บเงินไว้เลี้ยงเด็กมึงเถอะ เด็กกู กูดูแลเอง ค่าเรียนมันสักกี่บาท กระเป๋ากูไม่ฉีกหรอก”
“ลืมไปครับ เฮียเหนือออกจะร่ำรวย ไม่งั้นจะผูกปิ่นโตสาวๆได้ทีละสิบคนหรือ”
“พูดมาก อยากให้กูแฉเรื่องของมึงใช่ไหม แหม กลับไปคืนดีกันหน่อย หายจากอาการหมาหงอยเชียวนะมึง อย่าให้กูเห็นมึงในสภาพนั้นอีกนะ จะซ้ำให้”
“หุบปากไปเลยครับ ต่อไปกูจะไม่ยุ่งเรื่องของมึงอีก”
“อะไรกัน สองคนนี้ ดูมีลับลมคมใน มีอะไรปิดบังแม่หรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรครับแม่”
“อย่าให้แม่รู้นะ ว่าทำอะไรไม่เข้าท่า ทั้งน่านทั้งเหนือเลย โตๆ กันแล้วนะลูก ถ้าแม่จับได้จะฟาดให้เนื้อแตกเลย”
“แม่ครับ พวกผมโตแล้วนะครับ”
“ก็เพราะโตเนี่ยแหละ เรื่องที่ทำมันถึงใหญ่ขึ้นตามตัวนี่ไง ไปเลย จะไปไหนกันก็รีบไปเลย แม่เริ่มจะปวดหัวกับพวกเราแล้ว”
“ครับแม่ ผมต้องเข้าโรงพยาบาลพอดี เดี๋ยวขากลับจะแวะรับมะลิให้นะครับ”
“จ้ะ ขับรถดีๆ ลูก”
เมื่อน่านฟ้าออกจากบ้านไปแล้ว เหนือเมฆเลยได้อยู่ตามลำพังกับมารดาอีกครั้ง จึงเอ่ยถามสิ่งที่ยังสงสัย
“แม่ครับ แล้วพาฝันรู้แล้วใช่ไหมว่าจะต้องแต่งงานกับผม เธอตกลงแล้วใช่ไหม”
“แม่ยังไม่ได้คุยกับน้องอย่างจริงจังในเรื่องนี้หรอกลูก น้องก็รู้ตั้งแต่ตอนที่อยู่โรงพยาบาล ว่าพ่อจะให้ลูกแต่งงานกับน้อง แต่แม่กับพ่อก็ยังไม่ได้คุยอะไรจริงจังกับน้องนะ ก็เห็นว่าจะดูท่าทีนายพจน์กับนายเพชรก่อน แต่แม่คิดว่าน้องไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะถึงแม้ว่าน้องเป็นคนมั่นใจในตัวเอง ดูเข้มแข็ง แต่ก็ถูกเลี้ยงมาให้เชื่อฟังผู้ใหญ่ แล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจำเป็นเกี่ยวกับความปลอดภัยของชีวิตตัวน้องเอง น้องคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“ผมว่าแม่ลองถามดูก่อนดีกว่าไหมครับ เกิดเจ้าตัวเขามีแฟน หรือว่าไม่เต็มใจจะมีประวัติด่างพล้อยกับผม เราจะได้หาทางอื่นกัน”
“ไอ้เรื่องปฏิเสธแม่มั่นใจว่าน้องคงไม่ปฏิเสธ แต่เดี๋ยวแม่จะเรียกน้องมาคุยด้วยอีกทีนึง ช่วงนี้น้องก็เพิ่งสอบเสร็จแล้วก็เรียนซัมเมอร์ แม่ยังไม่อยากกวน”
“แต่เดี๋ยวพอมาอยู่บ้านเรา แม่ก็จะจัดงานแต่งให้เลยไม่ใช่หรือครับ จะไม่ให้เวลาเด็กนั่นตั้งตัวหรือทำใจหน่อยหรือครับ เผื่อมีแฟนก็จะได้สั่งเสียกันก่อน ผมขี้เกียจมีปัญหา เกิดไอ้ผู้ชายคนนั้นมันไม่เข้าใจ จะหาว่าผมแย่งแฟนมัน”
“อืม งั้นเดี๋ยวแม่โทรหาน้องให้มากินข้าวบ้านเราเย็นนี้เลยก็ได้ จะได้คุยกันให้รู้เรื่องไปเลย ดีเหมือนกันน้องก็จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ”
“ก็ดีครับแม่ งั้นวันนี้ผมไม่ไปที่ผับแล้วกัน ตั้งแต่เจอหน้ากันก็ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันสักคำ อาจจะต้องตกลงเรื่องการแต่งงานจอมปลอมของเราให้เข้าใจกันเลยตั้งแต่วันนี้ จะได้ไม่ต้องตกใจมาก”
“จ้ะ แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน งั้นตอนนี้เหนือขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะลูก เดี๋ยวแม่จะเข้าไปสั่งงานในครัวเสียหน่อย”
“ครับแม่”
เมื่อเหนือเมฆอยู่ในห้องนอนส่วนตัวตามลำพัง เขาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง ยกแขนขึ้นก่ายหน้าผากราวกับคนมีเรื่องหนักใจ ที่จริงจะว่าหนักใจก็ไม่ผิด เพราะการแต่งงานถึงแม้จะจอมปลอมหรือแต่งแค่เพียงในนามมันก็คือการที่มีอีกหนึ่งชีวิตเข้ามาร่วมใช้นามสกุลเดียวกันในฐานะภรรยาของเขา ที่จะต้องดูแลเธอนับจากนี้ไปไม่รู้อีกกี่ปี
ซึ่งคนอย่างเหนือเมฆ นอกจากเรียกผู้หญิงมาให้ความสุขชั่วครั้งชั่วคราว และตอบแทนน้ำใจของผู้หญิงพวกนั้นด้วยเงินก้อนโตแล้ว เขาเคยต้องดูแลใครซะที่ไหนกันล่ะ
ตั้งแต่เจอหน้าเธอครั้งแรก จนเรื่องราววุ่นวายผ่านพ้นไปแล้ว เขาก็ยังไม่เคยได้พูดคุยกับเธอแม้เพียงคำเดียว จะได้ยินเสียงหวานๆ ของเธอก็แค่ตอนที่เธอกล่าวสวัสดีเขาและพูดคุยกับพ่อแม่และพี่ชายของเขาเท่านั้น ท่าทางเธอก็ดูเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ไม่ร้องไห้ฟูมฟายจนเสียสติอย่างที่เขาคิดเอาไว้
ทั้งที่เธอเหลือพ่อเพียงคนเดียวเท่านั้น และเขาก็รู้ว่าเธอรักพ่อของเธอมาก การที่ต้องสูญเสียคนที่เป็นครอบครัวคนสุดท้ายในชีวิตไป เด็กวัยอย่างเธอไม่น่าจะตั้งสติได้ง่ายขนาดนี้ แต่เธอก็สามารถควบคุมสติได้ดีจนเขาอดจะทึ่งไม่ได้
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กนั่นจะมีคนรักแล้วหรือยัง ในวันงานศพของพ่อเธอ เขาก็ไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเธอมีผู้ชายคอยอยู่ใกล้หรือไม่
แต่ถ้าให้เขาเดา ก็คิดว่าสวยหวานไปทั้งตัวอย่างเธอไม่น่าจะเหลือรอดมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างไรเธอก็ต้องมีคนรักแล้วแน่นอน
ด้วยความที่เขาไม่ค่อยได้พักผ่อนสักเท่าไหร่ จึงงีบหลับไปหลายชั่วโมงจนเกือบเลยเวลาอาหารเย็น เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจึงรีบล้างหน้าแปรงฟันแล้วลงมาร่วมโต๊ะอาหารได้ทันเวลาพอดิบพอดี
บนโต๊ะอาหารของบ้านอธิพัฒน์โภคินมีสมาชิกนั่งรอเขาอยู่ครบทุกคนแล้ว ดวงตาคมกริบกวาดมองทั้งโต๊ะก็เห็นผู้หญิงที่จะต้องมาแต่งงานกับเขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้างตัวที่มันเคยว่างเปล่า ก็อดที่จะรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้จนต้องกระแอมในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปนั่งประจำที่ของตนเอง
“สวัสดีค่ะ คุณเหนือเมฆ”
ว่าที่ภรรยาสาวสวยพนมมือไหว้แล้วก้มหน้าลงอย่างสวยงามอย่างคนที่ได้รับการอบรมมาดี เขากระแอมเล็กน้อยแล้วพนมมือขึ้นรับไหว้
“สวัสดี”
เขาพูดเพียงเท่านั้นแล้วก็หันกลับมาสนใจอาหารหน้าตาน่ากินบนโต๊ะที่วันนี้มีมากมายกว่าปกติถึงสองเท่าเพราะคุณนายณิชาขี้เห่อสั่งให้แม่ครัวทำต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้คนโปรด
“มาพร้อมกันแล้วก็กินกันเถอะ เดี๋ยวกินเสร็จป้าเขามีเรื่องจะคุยกับฝันนิดหน่อยนะลูก”
“ค่ะ คุณลุง”