เช้าวันต่อมานิชาก็มาเรียนตามปกติคนเดียวเพราะเค้กเพื่อนสนิทของเธอลายาวหลายวัน
“ไงล่ะจ้ะนิชา นั่งเรียนคนเดียวคงจะเหงาสินะ เพื่อนรักหายไปไหนล่ะ ทำไมทิ้งให้แกมาเรียนคนเดียว”
นับดาวพูดใส่นิชาด้วยท่าทางกระแนะกระแหน่จนนิชาที่นั่งอยู่คนเดียวถึงกับเงยหน้ามองนับดาวด้วยสายตานิ่งเรียบเพราะเธอกับนับดาวเรียกได้ว่าเป็นอริกันเลยก็ว่าได้หรือจะเรียกได้ว่านับดาวนั้นตั้งตัวเป็นศัตรูกับนิชาคนเดียวมากกว่าเพราะอิจฉานิชาที่มักจะมีหนุ่มๆ มาจีบไม่ขาดสาย แถมส่วนมากยังเป็นผู้ชายที่เธอชอบอีก และก็รู้สึกหมั่นไส้นิชาที่เอาแต่เล่นตัวไม่ยอมคบกับใครเลยสักคน ส่วนนิชาเมื่อเห็นนับดาวชอบหาเรื่องมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสามก็โต้ตอบตลอดแต่ก็ไม่ได้ถึงขึ้นลงไม้ลงมือเพราะนับดาวแค่ชอบพูดแซะเธอแค่นั้น
“ก็ไม่เหงานะ เพราะอีกหน่อยพวกนทีก็มานั่งด้วย อีกอย่างฉันไม่ใช่พวกประเภทขาดความอบอุ่นเลยไม่ได้รู้สึกเหงาน่ะ นั่นไงมาแล้ว ”
นิชาพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มเย้ยใส่นับดาวอย่างไม่ยอมเพราะคนอย่างเธอไม่ได้เป็นคนยอมคนอยู่แล้ว จนนับดาวได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจเมื่อกลุ่มนทีเพื่อนผู้ชายในห้องห้าคนนั้นมานั่งข้างนิชาจริงๆ เพราะนทีนั้นก็แอบชอบนิชาเหมือนกัน เมื่อไม่รู้ว่าจะพูดหาเรื่องอะไรนิชาต่อนับดาวก็สะบัดหน้าเดินไปนั่งที่ตัวเองทันทีด้วยความไม่พอใจ
“เค้กไม่มาเรียนหรอนิ”
นทีเอ่ยถามนิชาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
“ยัยเค้กลายาวกลับไปทำธุระที่บ้านน่ะ น่าจะมาเรียนวันจันทร์เลย”
นิชาตอบนทีไปตามตรงโดยไม่ได้มองหน้านทีเพราะมัวแต่สนใจเครื่องสำอางในโทรศัพท์อยู่
“งั้นวันนี้นิไปนั่งกินข้าวเที่ยงกับพวกเรามั้ยดีกว่านั่งคนเดียว”
นทีเอ่ยชวนนิชาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทำเอาเพื่อนในกลุ่มของนทีถึงกับทำหน้าตาท่าทางแซวนทีเพราะรู้ว่านทีคิดกับนิชาเกินเพื่อนยกเว้นแต่นิชาที่ไม่รู้อะไรเลยเพราะเธอไม่ได้สนใจนทีเลยแม้แต่น้อย เธอเห็นนทีเป็นแค่เพื่อนร่วมห้องที่นิสัยดีคนหนึ่งแค่นั้นเอง
“อืออ วันนี้ขอไปกินข้าวกับพวกนายด้วยนะ นั่งคนเดียวเหงาปากไม่มีเพื่อนคุย”
นิชาเงยหน้ามาพูดกับกลุ่มนทีด้วยรอยยิ้มทำเอานทีถึงกับยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจถึงเธอจะไม่ได้เจาะจงยิ้มให้เขาคนเดียวแต่แค่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอก็รู้สึกดีมากเลยทีเดียว หลังจากเรียนเสร็จในช่วงเช้านิชาก็มากินข้าวที่โรงอาหารโดยมีกลุ่มเพื่อนชายห้องของเธอห้าคนเดินมาด้วย เมื่อต่างคนต่างซื้อข้าวของตัวเองแล้วก็มานั่งกินข้าวพร้อมกับคุยกันไปเรื่อยเปื่อยตามประสาเพื่อนเพราะกลุ่มเพื่อนของนทีต่างก็พูดเก่งกันทุกคนรวมถึงนิชาด้วยเพราะพวกเขานั้นรู้จักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว
“ไหนบอกว่าไม่ใช่แฟนแต่มองตาเขียวปั๊ดเลยนะเวย์”
แพรวาพูดแซวเวย์ทันทีเพราะขณะที่แพรวา โมนาและเวย์นั่งกินข้าวอยู่ก็เห็นนิชาเดินมากับกลุ่มผู้ชาย พอสังเกตดีๆ ก็เห็นเวย์มองนิชาไม่วางตาแถมตอนที่นิชานั่งคุยตอนกินข้าวกับกลุ่มผู้ชายอย่างอารมณ์ดีสีหน้าเวย์ยิ่งออกมากกว่าเดิม
“อะไร ใครมอง เวย์เปล่ามองสักหน่อย ผู้หญิงอะไรไปนั่งกินข้าวกับผู้ชายคนเดียวไม่รักนวลสงวนตัวเลยจริงๆ”
“แน่ะ ไหนบอกไม่ได้มองแล้วพูดบ่นให้เค้าได้ไงจ้ะ ย้อนแย้งนะเรานิ อิอิ”
โมนาพูดแซวเวย์อีกทำเอาเวย์ถึงกับทำตัวไม่ถูก เพราะตอนที่เห็นเธอเดินมากับกลุ่มผู้ชายอยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แถมยิ่งเห็นเธอคุยกับผู้ชายด้วยรอยยิ้มยิ่งทำให้เขาอารมณ์เสียมากกว่าเดิม
“ก็ตามันเหลือบไปเห็น แล้วก็พูดลอยๆ ตามประสาผู้ชายที่ออกความเห็นเกี่ยวกับผู้หญิงแค่นั้นเอง”
เวย์รีบพูดแก้ตัวด้วยท่าทางร้อนรน ทำเอาแพรวาและโมนาถึงกับหัวเราะออกมาเพราะตั้งแต่รู้จักเวย์มาหลายสัปดาห์ไม่เคยเห็นเขาจะมองผู้หญิงแล้วมาวิจารณ์แบบนี้เลยสักคน
“หยุดหัวเราะเลย กินข้าวได้แล้วสาวๆ”
เวย์รีบพูดดักสองสาวไว้ทันทีเพราะกลัวพวกเธอจะพูดแซวเขาต่อ
“ถ้ารามินอยู่นิ โดนแซวหนักกว่านี้แน่เวย์ ฮ่าๆ”
แพรวาพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีเพราะวันนี้รามินไม่มาเรียน ถ้ารามินอยู่คงแซวเวย์ไม่เลิกแน่นอน
“มันไม่มาล่ะดีแล้ว รำคาญมัน”
เวย์พูดขึ้นพร้อมกับส่ายตัวเมื่อพูดถึงเพื่อนรักตัวเอง จากนั้นเวย์ แพรวาและโมนาก็กินข้าวไปคุยกันไปเหมือนปกติทุกวัน
“ชิ ปากร้ายแบบนี้ยังมีผู้หญิงกล้ามานั่งกินข้าวด้วยอีก”
นิชาพูดบ่นเบาๆ เมื่อมองไปเห็นเวย์นั่งกินข้าวคุยกับผู้หญิงสองคนอย่างอารมณ์ดี แต่เธอตอนนี้กลับอารมณ์ไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก
“นิว่าอะไรนะ”
นทีที่นั่งข้างๆ นิชาเอ่ยถามทันทีเพราะได้ยินเธอพูดขึ้นเบาๆ แต่เขาฟังไม่ชัด เลยหันไปถามเธออีกครั้งเพราะคิดว่านิชาพูดกับเขา
“เปล่า ไม่มีอะไร กินข้าวต่อเถอะ”
นิชารีบพูดปฏิเสธแล้วหันไปยิ้มให้นทีตามประสาเพื่อนจากนั้นก็หันมาสนใจจานข้าวตัวเองต่อ ส่วนนทีเมื่อไม่เห็นพูดอะไรก็หันไปก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ หลังจากกินข้าวเสร็จนิชาก็ขอแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนชายเพื่อไปเอาของที่รถ ตอนแรกนทีจะอาสาเดินไปเป็นเพื่อนแต่นิชาปฏิเสธเพราะเกรงใจนทีจึงจำยอมไม่ไปด้วยแล้วเดินคอตกตามเพื่อนๆ ไป ขณะที่นิชาเดินไปถึงที่จอดรถของมหาลัยก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นเรนแฟนของเค้กหรือเรียกว่าตอนนี้คงจะเป็นแฟนเก่าแล้วมายืนกอดอกอยู่ที่รถของเธอ ด้วยความที่รู้เรื่องจากปากเพื่อนรักว่าเรนทำอะไรเค้กไว้นิชาก็มองตาขวางใส่เรนอย่างเอาเรื่องแล้วเดินไปรถตัวเองโดยไม่พูดอะไรกับเรน
”น้องนิชาครับ พี่ขอคุยด้วยแป๊บนึงได้มั้ยครับ”
“คุยอะไรคะ”
นิชาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่พอใจจนเรนรู้ตัวว่าเธอคงรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
“คือพี่ไม่เห็นเค้กมาเรียน ไปหาที่หอก็ไม่อยู่พี่เลยอยากรู้ว่าเค้กอยู่ที่ไหน พี่มีเรื่องต้องเคลียร์กับเค้กน่ะ”
เรนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพเพราะอยากให้นิชายอมบอกเขา
“ยัยเค้กกลับบ้านค่ะ จะถามแค่นี้ใช่มั้ยคะ ช่วยหลบด้วยค่ะ นิจะเอาของในรถ”
นิชาตอบเรนสั้นๆ แล้วบอกให้เขาหลบเพราะตอนนี้เขายืนขวางประตูรถเธอไว้อยู่
“บ้านเค้กอยู่ที่ไหนหรอ พี่รู้แค่ว่าบ้านเค้กอยู่ที่ชลบุรีแต่ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนอำเภอไหน”
นิชาถอนหายใจเฮือกยาวใส่เรนอย่างเบื่อหน่าย เพราะแค่เรื่องที่อยู่บ้านแฟนตัวเองยังไม่รู้เลยสักนิด
“พี่เป็นแฟนยัยเค้กประสาอะไรถึงไม่รู้ว่าบ้านแฟนอยู่ที่ไหน อ้อ ลืมไปว่าพี่ไม่เคยไปนี่เนาะ หรือเรียกว่าไม่ได้คิดจะไปรึเปล่า”
นิชาพูดใส่เรนอย่างไม่เกรงกลัวจนเรนเริ่มทำหน้าโมโหใส่เธอ
“นิชา พี่ถามดีๆ นะ อย่ามากวนประสาทพี่ บอกมาว่าบ้านเค้กอยู่ที่ไหน”
เรนตวาดใส่นิชาทำเอาเธอถึงกับสะดุ้งตกใจแต่ก็ทำหน้านิ่งใจดีสู้เสือไว้ก่อน
“ไม่ค่ะ อยากเจอยัยเค้กก็ไปตามหาเอาเอง ถอยไปค่ะ นิจะเอาของ โอ๊ย! พี่เรน ทำบ้าอะไรปล่อยนินะ นิเจ็บ”
นิชาร้องเจ็บทันทีเมื่อเรนนั้นกำข้อมือเธอไว้แน่นพร้อมกับทำหน้าโมโหใส่เธอ
“อย่ามากวนประสาทกู กูไม่ชอบ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ตอบกูมาว่าเค้กอยู่ที่ไหน”
เรนพูดเสียงแข็งใส่นิชาพร้อมกับกำข้อมือเธอแน่นกว่าเดิมจนนิชาเบ้หน้าออกมาด้วยความเจ็บ
“ไม่มีทาง ต่อให้พี่จะทำนิเจ็บยังไงนิก็ไม่ยอมบอกที่อยู่ยัยเค้กแน่นอน เอาสิ อยากตบอยากตีนิก็เอาเลย แต่ขอบอกเลยนะว่าเรื่องมันไม่จบง่ายๆ แค่นี้แน่”
“นิชา”
เรนเรียกชื่อนิชาด้วยความโกรธเมื่อได้ยินคำพูดของเธอจึงง้างมืออีกข้างจะตบหน้านิชาจนนิชาได้แต่หลับตารอรับด้วยความกลัวเพราะโดนเขาจับไว้อยู่ จังหวะที่เรนกำลังจะตบหน้านิชาก็ต้องชะงักเมื่ออยู่ดีๆ มีคนมาจับมือของเรนไว้ นิชาจึงลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองคนที่จับมือเรนไว้ทันที
“นะ…นาย”