Saya Talk
ฉันค้างที่ห้องของอากิระเพราะเหนื่อยมาตลอดทั้งคืน อีกอย่างเขาก็เล่นจัดหนักทิ้งทวนก่อนไปอเมริกา ในตอนนี้ขาฉันจึงสั่นเล็กน้อยเวลายืนนานๆ
"ให้อุ้มมั๊ย?"
"นายจะอุ้มฉันไปทุกที่ที่ฉันจะไปเลยมั๊ยล่ะ?"
เขายิ้มก่อนจะตรงเข้ามาช้อนร่างฉันแนบอกและวางลงในอ่างน้ำพร้อมอาบ อากิระก้าวลงมานั่งซ้อนทางด้านหลังก่อนจะนวดไหล่ให้ฉันเบาๆ เขามีรสนิยมทางเพศที่ค่อนข้างรุนแรง ทุกๆจังหวะเข้าออกของเขามันกระแทกกระทั้นซะจนบางทีฉันเองก็รับไม่ค่อยไหวจนต้องขอพักไปหลายรอบ
"นอนที่นี่ก่อนก็ได้"
"ฉันมีธุระต้องไปทำ"
วันนี้ฉันจะแวะเข้าไปเยี่ยมมิดไนท์สักหน่อยเพราะเมื่อคืนเพิ่งส่งคนไปบอกเอาไว้ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะยังรออยู่รึป่าว
"คงไม่ใช่หนุ่มคนใหม่หรอกนะ"
"แล้วถ้าใช่ล่ะ?"
ฉันเลิกคิ้วถามแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือจูบเร่าร้อนจากคนด้านหลัง อากิระทำท่าเหมือนจะจับฉันกินอีกรอบจนต้องดันแผงอกเอาไว้เพื่อหยุดเขา
"มันสายมาก ฉันต้องไปแล้ว"
ฉันลุกขึ้นจากอ่างน้ำก่อนจะคว้าผ้าขนหนูมาห่อตัวไว้และหยิบเสื้อผ้าที่ถูกซักรีดเรียบร้อยมาสวม ฉันหันมองไปทางห้องน้ำเล็กน้อยก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินออกมาจากห้องของอากิระ
ฉันกดกริ่งหน้าประตูห้องที่มิดไนท์พักอยู่ อันที่จริงแค่ฉันแสกนนิ้วมือตัวเองก็เข้าได้แล้ว แต่เพราะบางทีเขาอาจจะทำธุระส่วนตัวอยู่ ฉันจึงคิดว่าตัวเองควรจะมีมารยาททั้งๆที่ไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่
"เข้ามาสิ"
ฉันแสกนนิ้วมือทันทีที่ได้รับอนุญาตจากคนด้านใน ฉันมองผู้ชายที่นั่งหน้านิ่งดูท่าทางคงไม่พอใจอะไรสักอย่าง ให้เดาเขาคงโมโหเพราะคิดว่าฉันแกล้งให้รอเมื่อวานนี้
"ฉันแค่จะแวะมาบอกว่า ฉันอนุญาตให้คุณออกไปไหนมาไหนได้"
คิดๆดูแล้วเขาจะหนีไปไหนพ้น ตราบใดที่เขายังเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลฉันและมีข้อมูลในแฟ้มรายชื่อผู้ป่วย ต่อให้เขาไปขอความช่วยเหลือจากสถานทูตก็คงไม่มีใครคิดส่งผู้ป่วยจิตเวชกลับประเทศตัวเองแทนการส่งเข้าโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาหรอก
"ไม่กลัวผมหนี?"
"ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าคุณหนีฉันไม่พ้นหรอก"
คนของตระกูลฉันแฝงตัวอยู่ทุกมุมของญี่ปุ่น ถ้าคิดว่าจะเล็ดลอดสายตาพวกนั้นไปได้ก็บ้าแล้วล่ะ
"คุณรู้ตัวมั๊ยว่าคุณเป็นผู้หญิงที่น่ากลัว"
"ใครๆก็พูดแบบนั้น"
ฉันเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูลฝั่งพ่อ พวกลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้ชายแต่ละคนก็ไม่ใช่ธรรมดา เพราะงั้นจะให้หลานสาวแบบฉันมานั่งเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้มันก็เป็นไปไม่ได้ อีกอย่างฉันเป็นคนที่โหดร้ายน้อยที่สุดในตระกูลเพราะไม่เคยฆ่าใครเหมือนคนอื่นๆ
"ผมอยากนั่งรถเที่ยวรอบเมือง"
"ฉันจะให้คนพาไป"
"ผมอยากให้คุณไปกับผมด้วย"
ฉันเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อวานเขายังเเสดงออกอยู่เลยว่ารังเกียจฉันจะเป็นจะตาย วันนี้กลับมาขอให้พาเที่ยว
...อารมณ์แปรปรวนดีจริงๆ
"แน่ใจนะว่าอยากให้ฉันไปด้วย"
ถ้าเกิดฉันพูดจาไม่เข้าหูอีกเขาคงได้คว้าอะไรฟาดใส่หรือไม่ก็คงจับฉันโยนลงจากรถแน่ๆ อีกอย่างบุคลิกอย่างฉันอยู่ใกล้ใครก็ทำให้คนรอบข้างอารมณ์ได้เสียได้ง่ายๆเสมอ แต่ในเมื่อเขาเอ่ยปากขอฉันก็ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ
"คุณมีประโยชน์กับผมเพราะคุณพูดไทยได้"
ถึงเขาจะเห็นฉันเป็นวุ้นแปลภาษาเดินได้และคิดจะใช้ประโยชน์จากฉันโดยการเอ่ยปากบอกตรงๆ แต่มันน่าแปลกตรงที่ฉันไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิด มันน่าตื่นเต้นตรงที่เขาไม่เกรงกลัวฉันสักนิด เพราะขนาดอากิระที่เอาแต่ใจก็ยังมีขอบเขตกับฉันอยู่ดี
"ฉันเป็นไกด์ให้คุณได้แต่ราคาคงแพงหน่อย"
"เงินผมอยู่ที่คุณ อยากได้เท่าไหร่ก็เอาไป"
ให้ตายสิ! คนๆนี้อวดดีเป็นบ้า เขารู้แล้วว่าฉันเป็นใครและรู้ว่าฉันร่ำรวยมากมายมหาศาลแค่ไหนแต่ก็ยังกล้ายกเศษเงินนั่นให้กับฉันเนี่ยนะ โอเคว่ามันอาจจะเยอะมากสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับฉันมันไม่พอค่าอาหารสำหรับหนึ่งสัปดาห์ด้วยซ้ำ
"ถ้าคุณเรียกฉันว่าซายะ ฉันจะพาคุณไปโดยไม่คิดเงินสักบาท"
"ผมอายุน้อยกว่าคุณสามปี"
"อายุไม่ใช่สิ่งสำคัญ"
ถ้าฉันต้องการต่อให้อายุห่างกันเป็นรอบมันก็ไม่ใช่ประเด็น อีกอย่างฉันแค่ขอให้เขาเรียกชื่อฉันเฉยๆแทนการเรียกคุณเพราะไม่ชอบอะไรที่เป็นทางการจนเกินไป ไหนๆเราก็ต้องเจอกันอีกนานก็ไม่แปลกที่ฉันอยากทำความรู้จักเขาให้มากกว่านี้
...ผู้ชายมีปม น่าสนใจจะตายไป
"คุณคิดจะทำอะไร?"
"นายควรหยุดมองโลกในแง่ร้ายนะมิดไนท์"
ฉันเองก็เป็นคนมองโลกในเเง่ร้าย แต่เพราะฉันมีบทบาทหน้าที่อื่นให้สวมจึงสามารถพูดอะไรที่ขัดกับตัวเองได้อย่างเต็มปากโดยไม่ต้องรู้สึกอะไร
"เพราะคุณทำให้ผมต้องมองแบบนั้น"
"นอกจากควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้ว คุณยังชอบคิดไปเองด้วยนะเนี่ย"
เขาปกติดีและไม่ผิดที่จะหาเหตุผลให้ตัวเองว่าทำไมคนอย่างฉันถึงอยากจะให้เขาเรียกชื่ออย่างสนิทสนมขนาดนั้น
...ก็ไม่มีอะไรมากหรอก นี่เป็นแค่หนึ่งในจุดเริ่มต้นของวิธีรักษาคนไข้ที่ฉันคิดจะใช้กับมิดไนท์ก็เท่านั้น