ตอนที่ 10
“พี่รอง ฉันไปดูประกาศมาเเล้ว”
หลี่ฉวนเอ่ยขึ้น ขณะที่กำลังเตรียมวัตถุดิบสำหรับเปิดร้าน สองพี่น้องตื่นแต่เช้าเดินทางไปตลาด แสร้งทำเป็นว่าไปซื้อของแต่ทั้งที่ความจริงแล้ววัตถุดิบนั้นสามารถหาได้ในมิติ แต่เพราะไม่อยากให้ใครสงสัย ทั้งสองจึงแกล้งทำเป็นซื้อของยกกระสอบมาเก็บตุนไว้ และขนเข้าร้านอย่างเอิกเกริก
“แล้วว่ายังไงบ้าง”
หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นที่กำลังจะได้กลับไปเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้ง หลี่ฉวนครุ่นคิด เขาความจำไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความมุมานะอยากจะเรียนหนังสือ
“อีกไม่กี่สัปดาห์เราก็ต้องเตรียมตัวสอบเกาเข่า พวกเราคงต้องอ่านหนังสือกันมากขึ้น”
ชายหนุ่มว่าอย่างนั้นก่อนที่เขาจะยกกะละมังใส่ลูกเดือยไปวางไว้บนโต๊ะ หลี่จินกำลังลวกเส้นบะหมี่ เพื่อเตรียมสำหรับเมนูหมี่หวานน้ำลำไย
“อ่านหนังสือเยอะ ๆ ตั้งใจจดจำให้ได้ ถ้าจำได้ก็คงไม่ยากนัก”
ผู้เป็นพี่เอ่ยขึ้น เขารู้สึกภูมิใจในตัวน้องทั้งสองที่ไม่คิดถึงการเรียนแม้ว่าชีวิตจะลำบากยากเข็ญมากมายแค่ไหนก็ตาม
“พี่ใหญ่ ไม่อยากเรียนหนังสือกับพวกเราเหรอ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า คนวัยเขาส่วนใหญ่ก็เข้าทำงานกันแล้ว น้อยนักที่จะกลับไปเรียนหนังสือ ในยุคสมัยนี้การศึกษาไม่ได้สำคัญมากเท่ากับการมีงานทำเป็นหลักแหล่ง ขอแค่มีเงินต่อให้ไม่มีการศึกษาก็มีคนเคารพอยู่ดี
แต่แม้ว่าชายหนุ่มนั้นจะไม่ได้สนใจอยากเรียนแต่เขาก็อยากให้น้องทั้งสองมีการศึกษา ได้เรียนมหาวิทยาลัยดี ๆ จบออกมามีงานทำที่มั่นคง การเรียนเป็นต้นทุนชีวิตที่ดีที่สุด
“พี่มีความสุขกับการทำงาน อาหลินกับอาฉวนตั้งใจเรียนเถอะ ส่วนเรื่องร้านพี่จะเป็นหลักให้เอง”
หลี่จินเอ่ยตอบน้อง ๆ ก่อนที่เขาจะยกหม้อขนมไปวางไว้หน้าร้าน น่าแปลกที่มีลูกค้าสูงอายุมายืนรออยู่นาน เมื่อเห็นพ่อค้าเดินออกมาทั้งสองก็เอ่ยทักทายทันที
“พ่อหนุ่ม ฉันมาซื้อหมี่หวานน้ำลำไย”
ชายชราเอ่ยขึ้นก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ใช้ไม้เท้าดันตัวลุก หลี่จินไม่รอช้ารีบตักใส่ถ้วยทันที ชายชรานั่งกินอยู่หน้าร้านอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากกินเสร็จเขาก็จ่ายเงินค่าขนมหวาน 4 เหมาแล้วเดินจากไป
ส่วนหญิงชราอีกคน เธอกำลังหรี่ตาอ่านอะไรบางอย่างในกระดาษแผ่นเล็ก ก่อนจะยื่นให้ชายหนุ่มและเอ่ยขึ้น
“ฉันมองไม่เห็นช่วยอ่านทีนะ ลูก ๆ หลาน ๆ เขาฝากมาซื้อ”
เธอว่าอย่างนั้นก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ ชายหนุ่มรีบร้อนตักขนมใส่ถุง เนื่องจากมีการสั่งซื้อเข้ามามากทั้งยังมีลูกค้าเริ่มหลั่งไหลเข้ามาเรื่อย ๆ
“อาฉวน อาหลิน มาช่วยกันก่อน”
ชายหนุ่มตะโกนเข้าไปทางหลังร้านก่อนที่น้องทั้งสองจะเดินออกมา หญิงสาวรีบเข้าไปจดรายการสั่งจากลูกค้า ในขณะที่น้องชายนั้นเป็นคนยกอาหารนำไปส่ง สามพี่น้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ในช่วงเวลาที่เร่งด่วนลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาเรื่อย ๆ จนน่าตกใจ
ทั้งที่ 2 วันก่อนยังเงียบฉี่อยู่เลย แต่วันนี้จู่ ๆ ลูกค้าก็ทะลักเข้ามาในร้าน หวังเทียนเล่อชะโงกเข้ามา วันนี้ร้านบะหมี่ของเขาปิดเพราะแม่เดินทางไปต่างเมือง ชายหนุ่มเห็นว่าที่ร้านขนมหวานยุ่ง ๆ จึงรีบเข้ามาช่วยตัก
“อ้าว เทียนเล่อ”
หลี่จินรู้สึกแปลกใจที่อีกฝ่ายโผล่เข้ามากะทันหัน หวังเทียนเล่อไม่รอช้า เขารีบหยิบกระบวยก่อนจะตักขนมใส่ถุงช่วยหลี่จิน
เป็นเวลานานนับชั่วโมงกว่าที่ลูกค้าจะเริ่มบางตา ทั้ง 4 ทิ้งตัวนั่งบนพื้นก่อนจะถอนหายใจออกมา พวกเขารู้สึกแปลกใจที่จู่ ๆ ลูกค้าก็หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังขายแทบไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้ขายดีแบบนี้”
หลี่ฉวนไม่เข้าใจ เขาไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ และไม่คิดว่าจะได้เห็นเงินเป็นกอบเป็นกำขนาดนี้
“พี่ใหญ่ ขนมเหลือน้อยแล้ว ตอนนี้ยังไม่เที่ยงเลย”
หญิงสาวว่าอย่างนั้น เธอมองออกไปด้านนอก ก่อนจะเห็นว่ามีกลุ่มคนกำลังจะเดินเข้ามา ถึงได้รีบบอกพี่ชายและน้องชายให้เตรียมตัวขายของ ส่วนเธอจะไปทำขนมมาเพิ่ม หวังเทียนเล่อเห็นแบบนั้นจึงได้ตามไปช่วยหญิงสาวในครัว
“ทำไมวันนี้ไม่เปิดร้านเหรอคะพี่เทียนเลอ?”
หลี่จือหลินเอ่ยถามด้วยความสงสัย ปกติเขาเปิดร้านทุกวันแทบไม่ปิดเลยด้วยซ้ำ จึงอยากรู้เหตุผลว่าเพราะอะไร ชายหนุ่มไหวไหลเล็กน้อยก่อนที่เขาจะช่วยหญิงสาวหยิบจับอุปกรณ์สำหรับทำขนม
“วันนี้แม่ไปต่างเมือง ไปหาเพื่อน เห็นว่าจะไปเอาอาหารทะเลด้วย”
หวังเทียนเล่อตอบกลับ ก่อนที่เขาจะชำเลืองมองหญิงสาว หวังเทียนเลิกสังเกตเห็นใต้ตาเธอดูคล้ำ จึงได้แนะนำสมุนไพร เพราะสมัยที่เขายังเรียนมหาลัยก็ต้องอดหลับอดนอนอ่านหนังสือจนใต้ตาดำแบบนี้เช่นกัน ฉะนั้นเขาจึงเข้าใจดี
“ลองใช้ว่านหางจระเข้ผสมใบบัวบกแล้วทาไว้ที่ใต้ตา ช่วยลดใต้ตาคล้ำได้”
หญิงสาวเลิกคิวด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าชายหนุ่มนั้นจะเป็นคนรักสวยรักงาม แต่ดูจากใบหน้าอันเต่งตึงของเขาแล้วคงจะบำรุงอย่างดีเลยทีเดียว
“ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายใส่ใจเรื่องแบบนี้”
หญิงสาวเอ่ยก่อนจะยกยิ้ม ขนาดเดียวกันก็รีบตักเตรียมวัตถุดิบก่อนจะนำไปต้มในน้ำร้อนทิ้งไว้ และหันไปเตรียมน้ำเชื่อม โดยมีชายหนุ่มคอยช่วยอยู่ไม่ห่าง
“ฉันต้องคอยดูแลแม่ แม่ฉันชอบบ่นเรื่องริ้วรอยบนใบหน้า ฉันก็เลยต้องคอยหาสมุนไพรดี ๆ มาบำรุงให้”
เขาเติบโตมากับแม่เพียงลำพัง อยู่กับแม่แทบตลอดเวลา เขากับแม่สนิทสนมกันมากคุยกันได้แทบทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องความสวยความงามของผู้หญิง
แม่มักสอนเขาเสมอให้เป็นคนที่อ่อนโยน และเข้าใจผู้หญิง ในวันหน้าเมื่อมีคู่ครองจะได้ประคองชีวิตคู่ไปให้ถึงตลอดรอดฝั่ง ชายหนุ่มจึงมักจะดูแลผู้อื่นอยู่เสมอ ตามคำสอนของผู้เป็นแม่
“ถ้าฉันมีลูกน่ารักแบบนี้ คงจะรักมาก”
เธอรู้สึกประทับใจในตัวชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าเขารักและใส่ใจแม่ ในยุคสมัยที่เธอจากมาผู้คนนั้นเริ่มกตัญญูต่อบุพการีน้อยลง หลายคนทอดทิ้งพ่อแม่วัยชรา บางคนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ในขณะที่ผู้คนยุคสมัยนี้ยังคงยึดมั่นความกตัญญูเป็นอันดับ 1 น่าชื่นชมยิ่งนัก
“แล้วจะทำอะไรต่อเดี๋ยวฉันช่วย”
ชายหนุ่มเอ่ยถามก่อนที่หญิงสาวจะขอให้เขาช่วยยกหม้อใบใหญ่ไปหน้าร้าน หวังเทียนเริ่มไม่รอช้า รีบยกหม้อเดินไปแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าลูกค้ายืนเต็มด้านหน้า
“เทียนเล่อ เร็วเข้า ขนมหมดแล้ว”
หลี่จินเอ่ยเรียกอีกฝ่าย ทันทีที่วางหม้อลง ทั้ง 3 ก็ช่วยกันตักใส่ถุง ก่อนจะมัดยางและส่งให้ลูกค้าที่ยืนรออยู่ด้านหน้า โชคดีที่วันนี้อากาศนั้นเย็นสบาย มีลมพัดแรง ทำให้ทุกคนไม่หงุดหงิดแม้จะต้องรอนาน
“ได้ยินว่าขนมที่นี่อร่อย”
หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น เมื่อวันก่อนแม่ของเธอได้รับขนมฟรีก่อนจะนำไปแจกจ่ายให้ทุกคนได้ลองชิม เพียงแค่ลิ้มรสต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยเป็นอย่างมาก
เส้นหมี่หนึบกำลังดี ทุกอย่างลวกสุกนิ่มแต่ไม่เละ ในขณะที่น้ำเชื่อมนั้นไม่หวานแสบคอ โดยเฉพาะบัวลอยอร่อยมากที่สุด น้ำขิงก็ไม่เผ็ดจนเกินไปแม้แต่เด็กยังทานได้
“คนแถวบ้านฉันฝากซื้อ หลายถุงหน่อยนะ”
หญิงสาวว่าอย่างนั้นก่อนจะยื่นกระดาษให้ชายหนุ่มร่างสูง ภาพชายหนุ่มหน้าตาดีทั้ง 3 ที่กำลังยืนเรียงรายอยู่หน้าร้านขายขนมทำให้เราสาว ๆ ที่เดินออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยถึงกับยืนมองด้วยความสนใจ
กลุ่มเด็กสาวนับร้อยกำลังมุ่งตรงมาทางนี้ ก่อนที่พวกเธอจะหยุดยืนหน้าร้าน และชะเง้อมองเข้ามาด้านใน
“เข้าไปนั่งกันเถอะ”
พวกเธอกรูกันเข้ามาด้านในก่อนจะจับจองที่นั่ง หลี่ฉวนเห็นแบบนั้นก็รีบปลีกตัวไปเพื่อจดรายการ
“ที่นี่มีขนมอะไรบ้าง”
“มีบัวลอยน้ำขิง หมี่หวานน้ำลำไย ตอนนี้มีแค่สอง อย่างครับ ทุกอย่างถ้วยละ 4 เหมาเท่ากัน”
เนื่องจากว่าเมื่อเช้าขายดีมากขนมจาก 5 อย่างจึงเหลือเพียงแค่ 2 อย่างเท่านั้น ทั้งตอนนี้จือหลินก็ทำอยู่คนเดียวจึงไม่ทัน หลังจากที่ได้รับรายการแล้วเขาก็นำไปให้พี่ชาย ก่อนจะรีบเข้าไปช่วยพี่สาวในครัว
“หน้าร้านคนซาแล้วเหรอ”
หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนที่น้องชายจะเอ่ยตอบ
“คนเยอะกว่าเดิม ตอนนี้ในร้านแออัดมากเพราะไม่มีที่นั่งแล้ว พี่มีโต๊ะกับเก้าอี้อีกไหม”
หญิงสาวมองแหวนในมือก่อนจะหันซ้ายหันขวาและเปิดมิติ ทั้งสองช่วยกันยกโต๊ะและเก้าอี้ออกมาอย่างยากลำบาก ก่อนที่หลี่ฉวนจะลากโต๊ะออกไปวางเพื่อรองรับลูกค้าอีก 10 คน และเขายังนำเก้าอี้ไปวางด้านหน้าเพื่อให้ลูกค้าได้นั่งรออีกด้วย
หลี่จินนึกสงสัย แต่ทว่าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าน้องสาวนั้นมีของวิเศษจึงไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่นักที่ของเหล่านี้โผล่ออกมา
“เดี๋ยวฉันเข้าไปช่วยพี่รอก่อน”
“รีบไป ๆ บอกอาหลินเร่งมือหน่อย”
สองพี่น้องช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อทำขนมอีก 5 หม้อ หญิงสาวนึกแปลกใจว่าทำไมจู่ ๆ ถึงได้ขายดิบขายดีแบบนี้ แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็ไม่ค่อยแปลกใจนัก ในวันนี้ร้านอาหารปิดค่อนข้างเยอะ ทั้งรอบข้างยังเต็มไปด้วยสถานศึกษาและสำนักงาน ผู้คนจึงหลั่งไหลกันเข้ามา เพราะตัวเลือกน้อยลง
“คิดว่าวันพรุ่งนี้จะมีคนมาเยอะอีกไหม”
หญิงสาวเอ่ยถามน้องชาย แต่หลี่ฉวนนั้นเดาไม่ถูก คนค้าขายบางวันก็ขายดี แต่บางวันก็เงียบจนน่าใจหาย ฉะนั้นแล้วจึงต้องทำใจ ไม่ว่าจะขายดีหรือไม่อย่างน้อยในวันนี้ก็น่าจะมีลูกค้าประจำหลายสิบคนอยู่
ฝีมือการทำขนมของจือหลินไม่ธรรมดา ด้วยความที่เธอนั้นเป็นคนสมัยใหม่ จึงมีการดัดแปลงสูตร เพื่อให้ขนมมีรสชาติกลมกล่อมมากขึ้นและมีกลิ่นบางอย่างที่เป็นเอกลักษณ์
หลังจากที่ทำขนมทุกอย่างเสร็จแล้ว 2 พี่น้องก็ช่วยกันยกออกไปวางหน้าร้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอนั้นเห็นว่าหวังเทียนเล่อและหลี่จินกำลังถูกสาวรุมล้อม
“ฉันว่าฉันรู้แล้วว่าทำไมถึงได้ขายดี”
พ่อค้าหล่อเหลาขนาดนี้ กับเปรียบเหมือนน้ำผึ้งที่ดึงดูดเราผมรให้มาดอมดม หญิงสาวคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะหันมองน้องชายพลางยิ้มกริ่ม
10 เหมา = 1 หยวน