ตอนที่ 8
หลังจากที่ปรึกษาการลงตัวแล้ว ทั้ง 3 พี่น้องได้ลงความเห็นว่าจะเปิดร้านขนมหวานด้วยกัน จือหลินเปิดมิติอีกครั้งก่อนที่เธอนั้นจะนำอุปกรณ์สำหรับเปิดร้านออกมา แต่เพราะอุปกรณ์บางอย่างมีขนาดใหญ่จึงต้องให้พี่ชายทั้งสองช่วยกันยก
“ดึกมากแล้วพวกเรารีบพักผ่อนกันก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยคิดกันอีกที”
หลี่จินกล่าว ในตึกแห่งนี้มีห้องนอนทั้งหมด 2 ห้อง เขาจึงแบ่งให้หญิงสาวหนึ่งห้องส่วนตัวเขานั้นนอนกับน้องชาย เนื่องจากว่าจือหลินอายุ 19 ปีแล้ว เขาจึงคิดว่าไม่เหมาะสมนักหากมานอนรวมกัน
“แล้วเราจะขายอะไรบ้าง”
หลี่ฉวนเอ่ยถามขึ้น จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าพี่สาวและพี่ชายจะขายขนมอะไรและทำอย่างไรบ้าง ชายหนุ่มไม่เคยทำอาหารมาก่อนเขาคงช่วยเรื่องนี้ไม่ได้ แต่หากให้เขาช่วยยกของล้างจานก็คงพอได้อยู่
“ที่ฉันคิดไว้ก็จะมีหมี่หวานน้ำลำไย บัวลอยเผือกน้ำขิง โบ๊กเกี้ย แปะก๊วยใส่เครื่องยาจีน แล้วก็รังนกตุ๋น”
เริ่มแรกเธอตั้งใจว่าจะทำแค่ 5 อย่างก่อน เพราะมองดูแล้วแถวนี้ไม่มีร้านขนมหวานเลย อีกอย่างทั้ง 5 อย่างนี้เธอก็สามารถทำได้เพราะก่อนหน้านั้นเคยทำงานอยู่ที่ร้านขนมหวานมาก่อนจึงครูพักลักจำมาพอสมควร
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เช้าฉันกับอาฉวนจะไปซื้อของ ส่วนเธออยู่เฝ้าร้าน”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนที่ทั้ง 3 จะแยกย้ายขึ้นไปนอนชั้นบน
เช้าวันต่อมาพี่ชายและน้องชายได้เดินทางไปตลาดด้วยรถสามล้อรับจ้าง ในขณะที่จือหลินนั้นเตรียมร้าน ปัดกวาดเช็ดถูเตรียมจานชามและเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำขนม
หญิงสาวก่อไฟแต่เช้าตั้งเตาเอาไว้ ก่อนที่เธอจะเดินมาทำความสะอาดหน้าร้าน
ขณะนั้นเสียงโครมครามก็ดังขึ้นหญิงสาวจึงหันกลับไปมอง ก่อนเห็นว่าชายหนุ่มคนหนึ่งทำข้าวของหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้น จึงไม่รอช้ารีบเข้าไปช่วยเขาทันที
“ฉันช่วยค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยก่อนที่เธอนั้นจะนำผักเก็บใส่ตะกร้าและยื่นส่งให้ชายหนุ่ม
“ขอบคุณ”
"..."
หวังเทียนเล่อชะงักเมื่อสบเข้ากับสายตาคู่สวย ชายหนุ่มนิ่งงันไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่เขาจะตั้งสติและเอ่ยขอบคุณหญิงสาวอีกครั้งที่เธอมีน้ำใจช่วยเก็บของ
“ขอบคุณครับ ย้ายมาอยู่ใหม่ใช่ไหม”
หญิงสาวพยักหน้า เธอไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเปิดร้าน หลังจากที่ชายหนุ่มนำเข้าของเข้าไปให้แม่เเล้ว เขาก็ออกมาด้อม ๆ มอง ๆ ดูจือหลินที่กำลังออกเเรงลากโต๊ะขนาดใหญ่
“ผมช่วยนะครับ”
ชายหนุ่มรีบส่งเข้าไปก่อนจะช่วยหญิงสาวยกโต๊ะมาวางหน้าร้าน ไม่เท่านั้นเขายังช่วยเธอจัดเตรียมข้าวของอีกด้วย จือหลินงุนงงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยขึ้น หลังจากที่ชายหนุ่มกลับเข้าร้านของบะหมี่ไป เพียงครู่เดียวพี่ชายและน้องชายก็กลับมาจากตลาด ทั้งสามพี่น้องช่วยกันทำขนมผลไม้คนละมือ
ขณะนั้นหวังเทียนเล่อได้ถือถาดบะหมี่เข้ามา ก่อนที่เขาจะส่งให้หลี่จินและเอ่ยขึ้น
“ผมหวังเทียนเล่อ เป็นเจ้าของร้านบะหมี่ข้าง ๆ นี่สำหรับการต้อนรับเพื่อนบ้านใหม่”
ชายหนุ่มว่าอย่างนั้น ก่อนที่หลี่จินจะตักขนมใส่ถาดให้เขาเช่นกัน ทั้งสองพูดคุยเล็กน้อยแต่ขณะนั้นสายตาของชายหนุ่มร้านบะหมี่ก็สอดส่องมองหาจือหลินตลอดเวลา
“อาหลินอยู่ด้านหลัง”
ราวกับว่าอ่านใจของชายหนุ่มได้ หลี่จินจึงเอ่ยขึ้น ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองจะพบเจอกันแล้ว และหากเดาไม่ผิดหวังเทียนเล่อผู้นี้ต้องสนใจน้องสาวเขาอย่างแน่นอน
“พวกเราเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานฝากเนื้อฝากตัวด้วย”
หลี่จินกล่าวก่อนที่หวังเทียนเล่อจะพยักหน้า
“มีอะไรอยากให้ช่วยเหลือบอกได้ตลอดเลยนะครับ”
เทียนเล่อเอ่ยกับหลี่จินก่อนที่เขาจะเดินกลับไปที่ร้านของตนเอง หลี่จินมองตามก่อนส่ายศีรษะ เข้าเมืองมาได้ไม่ทันไรก็มีชายหนุ่มมาติดพันเสียแล้ว ผู้เป็นพี่อดกังวลใจไม่ได้เพราะเขาไม่รู้จักอีกฝ่ายดีพอ แต่หากพิสูจน์แล้วว่าหวังเทียนเล่อเป็นคนดีเขาก็จะไม่ขัดขวาง
หลังจากที่ทำขนมเสร็จแล้วทั้ง 3 ก็ต้องชิมรสชาติเสียก่อน แต่ในครั้งแรกนั้นขนมมีรสชาติหวานเกินไป จือหลินจึงรีบปรับปรุงทันที เธอใช้เวลาทั้งวันเพื่อทำขนม โดยมีหวานน้ำลำไยนั้นเธอทำทุกอย่างเองแม้กระทั่งแป้งที่ทำเส้นบะหมี่
หญิงสาวรีดแป้งอยู่หลายครั้ง ก่อนจะตัดและลวกในน้ำเดือดจัด ซึ่งการลวกในน้ำเดือดนั้นจะทำให้เส้นบะหมี่เหนียวหนึบมากขึ้น
“พี่ใหญ่ ลองชิมดูก่อนว่าอร่อยไหม”
ทันทีที่ได้ลองชิมเส้นบะหมี่ลวก หลี่จินก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เพราะครั้งแรกนั้นเส้นบะหมี่เละเกินไป ทำให้ไม่อร่อยเท่าไหร่นัก
“ใช้ได้เลย”
หญิงสาวพักเส้นบะหมี่เอาไว้ก่อน ก่อนที่เธอจะรีบต้มน้ำลำไยและเตรียมเครื่องอื่น ๆ โดยมีหวานน้ำลำไยสูตรของที่ร้านจะใส่เส้นบะหมี่ แปะก๊วย ข้าวโพด ถั่วแดง ลูกเดือย แห้ว และราดด้วยน้ำลำไยอีกทีหนึ่ง ก่อนจะใส่น้ำแข็งลงไปเล็กน้อยให้เย็นชื่นใจ
หลี่จินเเละหลี่ฉวนกินหมดไปหลายถ้วย จนแทบไม่เหลือกระเพาะไว้ชิมขนมอย่างอื่นเลย
หญิงสาวไม่รู้จะทำยังไงเพราะทั้งพี่ชายและน้องชายต่างก็กินอะไรไม่ไหวแล้ว เธอจึงตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากหวังเทียนเล่อ
“ฉันอยากรบกวนคุณให้ช่วยชิมขนมให้หน่อยค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินตามเธอมาที่ร้าน เขาชิมทุกอย่างที่หญิงสาวทำพร้อมทั้งชมว่ารสชาติดี
“ฉันต้องปรับปรุงตรงไหนไหมคะ”
หญิงสาวเอยถามด้วยความไม่มั่นใจ เธอรู้สึกว่าฝีมือยังไม่ดีพอ กลัวว่าหากทำขายไปจะทำได้ไม่ดี ไม่อร่อยและดึงลูกค้าเอาไว้ไม่ได้
“อร่อยเเล้วล่ะ”
หวังเทียนเล่อเอ่ยตอบอย่างจริงจัง เขาไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย เพราะฝีมือการทำขนมของหญิงสาวค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว หวานกลมกล่อมกำลังดี ที่สำคัญวัตถุดิบที่มีก็สดใหม่ ทำให้ทุกอย่างกลมกล่อมไปหมด
จือหลินที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น เธอเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มก่อนจะให้บัวลอยเผือกน้ำขิงแก่เขา 1 ถ้วย
หวังเทียนเล่อถือถ้วยใส่ขนมเดินกลับมาที่บ้านก่อนที่เขาจะถูกผู้เป็นแม่ตำหนิที่หายไปนาน เนื่องจากว่าตอนนี้มีลูกค้ามารอเต็มหน้าร้าน เธอจึงทำแทบไม่ทัน ซือฉีบ่นลูกชายก่อนจะปรายตามองถ้วยใส่บัวลอยในมือของเขา
“ไปเอามาจากไหน”
หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามขนาดที่มือนั้นกำลังลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว ชายหนุ่มบางลงบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยบอกกับแม่ว่า
“เพื่อนบ้านใหม่ให้มา พวกเขากำลังจะเปิดร้านขายขนมหวานเลยอยากให้แม่ช่วยชิม”
ซือฉีพยักหน้าก่อนที่จะเรียกลูกชายให้มาช่วยกันทำบะหมี่ก่อน ร้านบะหมี่ของหวังเทียนเล่อนั้นเปิดมานานหลายปี มีชื่อเสียงโด่งดังในย่านนี้ ได้ยินว่าสองแม่ลูกมีฐานะมากแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงยืนหลังขดหลังแข็งขายบะหมี่
ซือฉีนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อย วันนี้ขายดีเป็นพิเศษทำให้เธอแทบไม่ได้พักผ่อน ชายหนุ่มที่เห็นว่าผู้เป็นแม่ดูอ่อนล้าอ่อนเพลียจึงได้รีบเข้าไปบีบนวดแขนให้ทันที
“แม่ลองกินบัวลอยไหม”
ชายหนุ่มเอ่ยก่อนที่เขาจะยกถ้วยบัวลอยมาวางลงตรงหน้าผู้เป็นแม่ แต่ซือฉีไม่ค่อยไว้ใจจึงไม่ยอมกิน ทั้งยังต่อว่าลูกชายที่ไปทำตัวสนิทสนมกับเพื่อนบ้านใหม่ทั้งที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า
“แม่ไม่กล้ากินหรอก ไม่รู้ใส่อะไรมาบ้าง”
หญิงวัยกลางคนว่าอย่างนั้นก่อนจะเลื่อนถ้วยออกไปห่างๆ
“พวกเขาไม่อันตรายหรอกแม่ พวกเขาก็คนทำมาหากินแบบเรา”
ชายหนุ่มว่าอย่างนั้นแต่แม่ของเขาก็ไม่สนใจฟัง
“เพิ่งรู้จักกันได้วันเดียว จะรู้ได้ยังไงว่าไว้ใจได้หรือไม่ได้”
ผู้เป็นแม่กล่าว ลูกชายของเธอจิตใจดีเกินไป ไว้ใจคนมากเกินไปจนบางครั้งเธอนั้นก็นึกห่วง เมื่อหลายปีก่อนก็เคยถูกผู้หญิงหลอกเอาเงินไปตั้งมาก เพียงเพราะคำว่าสงสารคำเดียวทำให้ลูกชายเธอเกือบหมดเนื้อหมดตัว ฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำร้ายขึ้นมาอีก ซือฉีจึงพยายามกีดกันไม่ให้หวังเทียนเล่อสนิทสนมกับผู้อื่นมากเกินไป
แม้เขาจะเป็นคนฉลาดมีความคิด แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นคนที่มีจิตใจดีและขี้สงสาร
“ผมรู้ว่าแม่เป็นห่วง แต่ผมเชื่อว่าพวกเขาไม่ใช่คนไม่ดี”
ซือฉีได้มีโอกาสเห็นทั้งสามเเล้ว สวมเสื้อผ้ามอซอดูไม่ค่อยมีฐานะเท่าไหร่นัก เธอจึงอดกังวลไม่ได้ว่าคนเหล่านั้นจะมาตีสนิทลูกชายเพื่อผลประโยชน์
“เชื่อแม่เถอะอาเทียน อย่าเพิ่งไว้ใจใครให้มากนัก”
หญิงวัยกลางคนกล่าวขึ้น ก่อนที่เธอจะลุกเดินไปออกไป ทิ้งให้ลูกชายมองตามก่อนถอนหายใจยาวออกมา
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แม่เขานั้นจะเลิกอคติกับคนที่มีฐานะด้อยกว่าเสียที ทั้งที่เมื่อก่อนเขากับแม่ก็เคยผ่านความยากลำบาก เคยอดมื้อกินมื้อ เคยแม้กระทั่งกินข้าวคลุกเกลือ
แต่พอมีฐานะขึ้นมาแม่ของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป มองคนไม่เท่ากัน และคิดว่าตัวเองดีกว่าคนที่ฐานะด้อยกว่า