Chapter.1 เวรดึก

1140 Words
"คุณหมอสิงห์ คนไข้ฉุกเฉินค่ะ " ผมรีบดีดตัวลุกจากโซฟา พยาบาลเข้ามาแจ้งว่ามีคนไข้ฉุกเฉิน เพิ่งมีเวลางีบ หลังจากใช้เวลาอยู่ในห้องผ่าตัดเกือบสามชั่วโมง ชีวิตหมอเวรดึกเป็นแบบนี้ตลอด ออกเวรเมื่อไหร่ขอทิ้งตัวนอนแล้วหลับยาว "ตรวจเบื้องต้นอาการเป็นยังไง" "ปวดท้องหนัก มีไข้นิดหน่อย เป็นคนไข้เก่าของโรงพยาบาลขาดการรักษานานมากแล้ว กลับมาครั้งนี้ท่าทางจะหนักพอสมควรเลยค่ะ" "ชื่ออะไร" "พู่ไหมค่ะ" โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน ผู้บริหารคือผมเอง เป็นทั้งหมอ ทั้งผู้บริหารจัดการทุกอย่าง ผมเปิดโรงพยาบาลนี้เพราะอยากช่วยคน คนมีเงินเท่านั้นที่เข้ารับการรักษาได้ คนมีเงินเท่านั้น ผมแบ่งรายได้เกือบครึ่งบริจาคให้กับโรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดารทุกปี ปีหนึ่งก็หลายสิบล้าน เพราะแบบนี้โรงพยาบาลของผมถึงรับแต่คนไข้ที่มีเงินเท่านั้น ทันทีที่ได้ยินชื่อผมก็สั่งพยาบาลให้นำตัวเธอเข้าห้องเอกซเรย์ด่วน พู่ไหมเคยเป็นคนไข้ของผม เธอหายไปนานมาก ไม่รู้สาเหตุว่าหายไปไหน เธอเป็นคนไข้ได้รับสิทธิ์รักษาพิเศษ ทางโรงพยาบาลจะมอบสิทธิ์นี้ให้กับคนไข้ที่มีรายได้น้อยตลอด ซึ่งเธอก็คือหนึ่งในนั้น .... "คนไข้เป็นยังไงบ้าง อาการเบื้องต้น" ผมเดินเข้ามาใกล้เตียงผู้ป่วย บนเตียงมีหญิงสาวนอนหน้าบิดเบี้ยวเพราะความทรมานอยู่ น้ำตายังคงไหลอาบแก้มอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าซูบตอบลงมาก ผมเจอเธอครั้งสุดท้ายเมื่อสามเดือนก่อน เด็กสาวอายุสิบแปดแต่ต้องเผชิญกับโรคร้ายที่กำลังคุกคามร่างกายของเธอ น้อยมากที่จะตรวจพบเนื้อร้ายกับคนที่อายุยังน้อยขนาดนี้ "ยังคงรู้สึกตัวค่ะ ตอนนี้กำลังจะพาเข้าห้องเอกซเรย์" ผมยืนฟังรายงานอาการเบื้องต้นของเธอ จากนั้นพยาบาลก็หลบทางให้ผมเดินเข้ามาตรวจใกล้ๆ "เจอกันอีกแล้วนะ พู่ไหม" "คุณหมอ หนูขอโทษนะคะที่ไม่ได้มาตามนัด" ผมเอื้อมมือไปแตะบริเวณท้องน้อย ทั้งสองมือของเธอยังกุมมันไว้แน่นเพราะความปวด อาการกำลังแย่ เนื้อร้ายที่ช่องท้องน้อยของเธอขยายตัว และดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะใหญ่ขึ้นมาก พู่ไหมมีเนื้อร้ายที่ช่องท้องน้อย คิดว่าน่าจะเป็นมะเร็ง ....... 3 เดือนก่อนหน้า "เธอมีก้อนเนื้อบริเวณช่องท้องน้อยนะ หมอคิดว่าต้องผ่าตัด ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นเนื้อร้ายได้" "แพงไหมคะ " "ก็พอสมควร แต่เธอได้รับสิทธิ์ของโรงพยาบาลอาจจะจ่ายแค่ค่ายานอกทะเบียนนิดหน่อย จากหลักแสนก็อาจจะเหลือแค่หลักหมื่นหลักพัน" "หนูไม่มีเงินหรอกค่ะ ติดตัวตอนนี้ยังถึงร้อยเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ผ่า จะเป็นอะไรไหมคะ" "ก็อาจจะกลายเป็นมะเร็ง" ................ ปัจจุบัน "ปวดมากใช่ไหม" มือเล็กของเธอจับมือของผมเอาไว้แน่น ไม่รู้ว่าตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงหายไปไม่กลับมารักษาปล่อยให้อาการแย่ลงขนาดนี้ "ปวดค่ะ หนูปวดค่ะ คุณหมอ ฮึก หนูจะตายไหม" ร่างของเธอสั่นเทิ้มไปทั้งตัว "จับมือหมอไว้นะ หมอไม่ปล่อยให้คนไข้ที่อยู่ในมือเป็นอะไรไปง่ายๆ หรอก " เธอต้องหาย เธอถึงมือผมแล้ว ต่อจากนี้ไปจะไม่มีวันปล่อยเธอไปจากผมอีก ผมให้กำลังใจเธอทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบอาการแน่ชัดว่าไปถึงขั้นไหนแล้ว คงเป็นเพราะ.. ไม่อยากเห็นเธอกลัว "ฮึก หนูเป็นมะเร็งแล้วใช่ไหม หมอ " "ไม่ร้องสิ หมอบอกแล้วไง ในโลกนี้ไม่มีใครเก่งเกินหมอสิงห์อีกแล้ว" เหมือนกำลังปลอบเด็กที่กำลังงอแง ไอ้หมอสิงห์แพ้ผู้หญิงน่ารักตลอดเลยนะมึง "ขออนุญาตถอดเสื้อผ้าให้คนไข้หน่อยนะคะ " ไม่นานพยาบาลก็เดินเข้ามา ก่อนเอกซเรย์ทุกครั้ง คนไข้ต้องถอดเสื้อผ้าออก รวมถึงเครื่องประดับทุกชิ้น "เอาสิ ถอดเลย" "คุณหมอ ออกไปก่อนสิคะ " " ฉันเป็นหมอเธอจะอายอะไร อายหมอแบบนี้ต่อไปจะรักษายังไง คุณพยาบาลถอดเลยครับ" ผมยกยิ้มมุมปาก ยังขี้อายอยู่เหมือนเดิม เฮ้อ ผมเป็นหมอ หมอก็คือหมอ มีหน้าที่รักษาคนไข้ ใครจะบ้าเอาเวลาไปคิดเรื่องพรรค์นั้น ถ้าผมเป็นคนแบบนั้นคงต้องลาออกจากการเป็นหมอแล้วไปเป็นแค่มาเฟียอย่างเดียวก็พอ "ค่ะ " "หมอก็รู้ว่าหนูขี้อาย" "เห็นมาหมดแล้ว จะอายอะไร " มันคือเรื่องจริง พู่ไหมผ่านการตรวจมาแล้วหลายครั้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอายอีก "หมอคะพูดแบบนี้เดี๋ยวพี่พยาบาลก็เข้าใจผิด" ไม่เข้าใจเด็กคนนี้จริงๆ จะตลกไปไหน "เข้าใจผิดอะไร พูดเรื่องจริงหรือว่าจะเถียง คุณพยาบาลเอกซเรย์เสร็จแล้วเอาผลตรวจมาส่งที่ห้องผมด้วย คนไข้ด้วยนะ " "ได้ค่ะคุณหมอ" "เจอกันที่ห้องตรวจนะ " ขอให้ผลออกมาไม่เลวร้ายเกินเยียวยาด้วยเถิด อนาคตของเธออีกไกล อย่าให้มาจบชีวิตด้วยโรคร้ายแบบนี้เลย อย่างที่รู้ๆ ว่ามะเร็งใครได้เป็นจบชีวิตแทบจะทุกราย ยารักษาที่ดีที่สุดก็คือกำลังใจ กำลังใจอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ ....................... "คุณหมอคะ ผลตรวจออกมาแล้วค่ะ" ผมหยิบแฟ้มคนไข้และแผ่นเอกซเรย์ที่พยาบาลยื่นให้ขึ้นเครื่องฉายเพื่อวิเคราะห์เนื้อร้าย เอาจริงๆ ตอนนี้อาการเหนื่อยล้าหายไปหมดแล้วตั้งแต่ได้เห็นหน้าพู่ไหมนอนทรมานอยู่บนเตียงคนไข้ ไม่ได้สะใจแต่ดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง "ก้อนเนื้อเริ่มมีการขยายตัว คิดว่าเชื้อมะเร็งอาจจะเริ่มก่อตัว ปล่อยไว้แบบนี้อาจลุกลาม" "อ้าว ไอ้หมอฟิกส์ มาได้ไงวะ " "กลัวมึงเหงาไง เคสด่วนเหรอวะ" "อืม คนไข้เก่า หายไปสามเดือนกลับมาครั้งนี้หนักเอาการอยู่ " ผมกับไอ้หมอฟิกส์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน จบมาก็เลยชวนมาเป็นหมอที่โรงพยาบาลด้วย เรื่องจิ๋มต้องยกให้มัน หมอสูติสุดหล่อ สาวๆ เรียงคิวกันมาหาเพียบ หวานใจของน้องสาวผม แต่ผมไม่อยากจะเชียร์เท่าไหร่เพราะไอ้นี่มันรู้เกิน "ดูมึงเครียด เด็กเก่าเหรอ" " ยังไม่ได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ" "ก็เริ่มซะสิ โอกาสกลับมาแล้ว หมอสิงห์ซะอย่าง " ไอ้หมอฟิกส์ตบบ่าเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมยืนมองภาพเอกซเรย์อยู่คนเดียว ใช่ผมควรเริ่มได้แล้ว "คุณพยาบาลพาคนไข้เข้ามาเลยครับ" ................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD