"คุณหมอสิงห์ คนไข้ฉุกเฉินค่ะ " ผมรีบดีดตัวลุกจากโซฟา พยาบาลเข้ามาแจ้งว่ามีคนไข้ฉุกเฉิน เพิ่งมีเวลางีบ หลังจากใช้เวลาอยู่ในห้องผ่าตัดเกือบสามชั่วโมง ชีวิตหมอเวรดึกเป็นแบบนี้ตลอด ออกเวรเมื่อไหร่ขอทิ้งตัวนอนแล้วหลับยาว
"ตรวจเบื้องต้นอาการเป็นยังไง"
"ปวดท้องหนัก มีไข้นิดหน่อย เป็นคนไข้เก่าของโรงพยาบาลขาดการรักษานานมากแล้ว กลับมาครั้งนี้ท่าทางจะหนักพอสมควรเลยค่ะ"
"ชื่ออะไร"
"พู่ไหมค่ะ" โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน ผู้บริหารคือผมเอง เป็นทั้งหมอ ทั้งผู้บริหารจัดการทุกอย่าง ผมเปิดโรงพยาบาลนี้เพราะอยากช่วยคน คนมีเงินเท่านั้นที่เข้ารับการรักษาได้ คนมีเงินเท่านั้น ผมแบ่งรายได้เกือบครึ่งบริจาคให้กับโรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดารทุกปี ปีหนึ่งก็หลายสิบล้าน เพราะแบบนี้โรงพยาบาลของผมถึงรับแต่คนไข้ที่มีเงินเท่านั้น
ทันทีที่ได้ยินชื่อผมก็สั่งพยาบาลให้นำตัวเธอเข้าห้องเอกซเรย์ด่วน พู่ไหมเคยเป็นคนไข้ของผม เธอหายไปนานมาก ไม่รู้สาเหตุว่าหายไปไหน เธอเป็นคนไข้ได้รับสิทธิ์รักษาพิเศษ ทางโรงพยาบาลจะมอบสิทธิ์นี้ให้กับคนไข้ที่มีรายได้น้อยตลอด ซึ่งเธอก็คือหนึ่งในนั้น
....
"คนไข้เป็นยังไงบ้าง อาการเบื้องต้น" ผมเดินเข้ามาใกล้เตียงผู้ป่วย บนเตียงมีหญิงสาวนอนหน้าบิดเบี้ยวเพราะความทรมานอยู่ น้ำตายังคงไหลอาบแก้มอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าซูบตอบลงมาก ผมเจอเธอครั้งสุดท้ายเมื่อสามเดือนก่อน เด็กสาวอายุสิบแปดแต่ต้องเผชิญกับโรคร้ายที่กำลังคุกคามร่างกายของเธอ น้อยมากที่จะตรวจพบเนื้อร้ายกับคนที่อายุยังน้อยขนาดนี้
"ยังคงรู้สึกตัวค่ะ ตอนนี้กำลังจะพาเข้าห้องเอกซเรย์" ผมยืนฟังรายงานอาการเบื้องต้นของเธอ จากนั้นพยาบาลก็หลบทางให้ผมเดินเข้ามาตรวจใกล้ๆ
"เจอกันอีกแล้วนะ พู่ไหม"
"คุณหมอ หนูขอโทษนะคะที่ไม่ได้มาตามนัด" ผมเอื้อมมือไปแตะบริเวณท้องน้อย ทั้งสองมือของเธอยังกุมมันไว้แน่นเพราะความปวด อาการกำลังแย่ เนื้อร้ายที่ช่องท้องน้อยของเธอขยายตัว และดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะใหญ่ขึ้นมาก พู่ไหมมีเนื้อร้ายที่ช่องท้องน้อย คิดว่าน่าจะเป็นมะเร็ง
.......
3 เดือนก่อนหน้า
"เธอมีก้อนเนื้อบริเวณช่องท้องน้อยนะ หมอคิดว่าต้องผ่าตัด ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นเนื้อร้ายได้"
"แพงไหมคะ "
"ก็พอสมควร แต่เธอได้รับสิทธิ์ของโรงพยาบาลอาจจะจ่ายแค่ค่ายานอกทะเบียนนิดหน่อย จากหลักแสนก็อาจจะเหลือแค่หลักหมื่นหลักพัน"
"หนูไม่มีเงินหรอกค่ะ ติดตัวตอนนี้ยังถึงร้อยเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ผ่า จะเป็นอะไรไหมคะ"
"ก็อาจจะกลายเป็นมะเร็ง"
................
ปัจจุบัน
"ปวดมากใช่ไหม" มือเล็กของเธอจับมือของผมเอาไว้แน่น ไม่รู้ว่าตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงหายไปไม่กลับมารักษาปล่อยให้อาการแย่ลงขนาดนี้
"ปวดค่ะ หนูปวดค่ะ คุณหมอ ฮึก หนูจะตายไหม" ร่างของเธอสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
"จับมือหมอไว้นะ หมอไม่ปล่อยให้คนไข้ที่อยู่ในมือเป็นอะไรไปง่ายๆ หรอก " เธอต้องหาย เธอถึงมือผมแล้ว ต่อจากนี้ไปจะไม่มีวันปล่อยเธอไปจากผมอีก ผมให้กำลังใจเธอทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบอาการแน่ชัดว่าไปถึงขั้นไหนแล้ว คงเป็นเพราะ.. ไม่อยากเห็นเธอกลัว
"ฮึก หนูเป็นมะเร็งแล้วใช่ไหม หมอ "
"ไม่ร้องสิ หมอบอกแล้วไง ในโลกนี้ไม่มีใครเก่งเกินหมอสิงห์อีกแล้ว" เหมือนกำลังปลอบเด็กที่กำลังงอแง ไอ้หมอสิงห์แพ้ผู้หญิงน่ารักตลอดเลยนะมึง
"ขออนุญาตถอดเสื้อผ้าให้คนไข้หน่อยนะคะ " ไม่นานพยาบาลก็เดินเข้ามา ก่อนเอกซเรย์ทุกครั้ง คนไข้ต้องถอดเสื้อผ้าออก รวมถึงเครื่องประดับทุกชิ้น
"เอาสิ ถอดเลย"
"คุณหมอ ออกไปก่อนสิคะ "
" ฉันเป็นหมอเธอจะอายอะไร อายหมอแบบนี้ต่อไปจะรักษายังไง คุณพยาบาลถอดเลยครับ" ผมยกยิ้มมุมปาก ยังขี้อายอยู่เหมือนเดิม เฮ้อ ผมเป็นหมอ หมอก็คือหมอ มีหน้าที่รักษาคนไข้ ใครจะบ้าเอาเวลาไปคิดเรื่องพรรค์นั้น ถ้าผมเป็นคนแบบนั้นคงต้องลาออกจากการเป็นหมอแล้วไปเป็นแค่มาเฟียอย่างเดียวก็พอ
"ค่ะ "
"หมอก็รู้ว่าหนูขี้อาย"
"เห็นมาหมดแล้ว จะอายอะไร " มันคือเรื่องจริง พู่ไหมผ่านการตรวจมาแล้วหลายครั้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอายอีก
"หมอคะพูดแบบนี้เดี๋ยวพี่พยาบาลก็เข้าใจผิด" ไม่เข้าใจเด็กคนนี้จริงๆ จะตลกไปไหน
"เข้าใจผิดอะไร พูดเรื่องจริงหรือว่าจะเถียง คุณพยาบาลเอกซเรย์เสร็จแล้วเอาผลตรวจมาส่งที่ห้องผมด้วย คนไข้ด้วยนะ "
"ได้ค่ะคุณหมอ"
"เจอกันที่ห้องตรวจนะ " ขอให้ผลออกมาไม่เลวร้ายเกินเยียวยาด้วยเถิด อนาคตของเธออีกไกล อย่าให้มาจบชีวิตด้วยโรคร้ายแบบนี้เลย อย่างที่รู้ๆ ว่ามะเร็งใครได้เป็นจบชีวิตแทบจะทุกราย ยารักษาที่ดีที่สุดก็คือกำลังใจ กำลังใจอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ
.......................
"คุณหมอคะ ผลตรวจออกมาแล้วค่ะ" ผมหยิบแฟ้มคนไข้และแผ่นเอกซเรย์ที่พยาบาลยื่นให้ขึ้นเครื่องฉายเพื่อวิเคราะห์เนื้อร้าย เอาจริงๆ ตอนนี้อาการเหนื่อยล้าหายไปหมดแล้วตั้งแต่ได้เห็นหน้าพู่ไหมนอนทรมานอยู่บนเตียงคนไข้ ไม่ได้สะใจแต่ดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง
"ก้อนเนื้อเริ่มมีการขยายตัว คิดว่าเชื้อมะเร็งอาจจะเริ่มก่อตัว ปล่อยไว้แบบนี้อาจลุกลาม"
"อ้าว ไอ้หมอฟิกส์ มาได้ไงวะ "
"กลัวมึงเหงาไง เคสด่วนเหรอวะ"
"อืม คนไข้เก่า หายไปสามเดือนกลับมาครั้งนี้หนักเอาการอยู่ " ผมกับไอ้หมอฟิกส์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน จบมาก็เลยชวนมาเป็นหมอที่โรงพยาบาลด้วย เรื่องจิ๋มต้องยกให้มัน หมอสูติสุดหล่อ สาวๆ เรียงคิวกันมาหาเพียบ หวานใจของน้องสาวผม แต่ผมไม่อยากจะเชียร์เท่าไหร่เพราะไอ้นี่มันรู้เกิน
"ดูมึงเครียด เด็กเก่าเหรอ"
" ยังไม่ได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ"
"ก็เริ่มซะสิ โอกาสกลับมาแล้ว หมอสิงห์ซะอย่าง " ไอ้หมอฟิกส์ตบบ่าเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมยืนมองภาพเอกซเรย์อยู่คนเดียว ใช่ผมควรเริ่มได้แล้ว
"คุณพยาบาลพาคนไข้เข้ามาเลยครับ"
................................