“ไม่ต้องเกรงใจ แล้วก็เลิกพูดเรื่องจะย้ายออกไปจากบ้านเราอีก อยู่มันด้วยกันนี่แหล่ะ หลานเราจะได้มีแม่สองคน” พิยดาดุเพื่อนสาว และเธอจะไม่มีทางให้เพื่อนสาวย้ายออกไปอย่างแน่นอน
“ขอบคุณพายมากๆ เลยนะ เราจะไม่มีทางลืมบุญคุณของพายเลย” ศิริกัญญามองเพื่อนสาวอย่างซาบซึ้งใจ
“ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องจะเครียด จากนี้เรามาช่วยกันดูแลเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง เราอยากรู้แล้วว่าลูกของเราจะหน้าตายังไง” พิยดาเอ่ยออกมาด้วยความจริงใจ ทำให้ศิริกัญญานั้นมองเพื่อนด้วยความขอบคุณ เธอช่างโชคดีเหลือเกินที่มีเพื่อนดีอย่างพิยดา ไม่อย่างนั้นป่านนี้เธอคงเคว้งคว้างอยู่ตรงไหนสักแห่งแน่ๆ ส่วนเรื่องที่จะต้องบอกบิดา เธอขอเวลาตั้งหลักก่อน แล้วเธอค่อยบอกบิดาก็แล้วกัน
ทางด้านองศานั้นก็เริ่มทำความรู้จักกับพริ้มเพราคู่หมั้นของเขา เขายอมรับว่าเธอสวยถูกตาต้องใจ แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ ทุกครั้งที่เขาไปไหนมาไหนกับเธอ จะมีเงาของผู้หญิงคนหนึ่งซ้อนขึ้นมาเสมอ ซึ่งเขาก็พยายามที่จะสลัดมันแล้ว แต่ยิ่งพยายามสลัดมันเท่าไหร่ ความชัดเจนของใบหน้าหญิงสาวยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหน ตั้งแต่วันที่เธอตัดสินใจเลิกกับเขา เขาก็ไม่เคยได้ข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับตัวเธอเลย เหมือนเธอจงใจที่จะหายไปจากเขาตลอดกาล
แต่เขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะถามกับบิดาของเธอ เขายังกลัวว่าคนอื่นจะรู้เรื่องราวระหว่างเขากับเธอ แม้ว่าใจจะคิดถึงเธอเท่าใด แต่เขาก็พยายามข่มใจไว้ไม่ให้คิดถึงเธอ แม้ว่ามันจะยาก แต่เขาก็เชื่อว่าเขาจะทำมันได้ในสักวัน
“พี่องศาทานอะไรคะ” พริ้มเพราเอ่ยถามว่าที่คู่หมั้นด้วยความอ่อนหวาน ช่างเป็นโชคดีของเธอเหลือเกินที่ได้อยู่เคียงข้างเขา คนที่สาวๆ ในประเทศต่างใฝ่ฝันที่จะเป็นผู้หญิงคนนั้น
“เอ่อ...เมื่อกี้น้องพริ้มว่าไงนะครับ” แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูดตั้งแต่แรก ทำให้เขาต้องถามเธอย้ำอีกครั้ง
“เอ่อ...พริ้มถามว่าพี่องศาจะทานอะไรคะ” แม้ว่าจะรู้สึกว่าตนเองถูกละเลย แต่การได้อยู่ข้างๆ เขาเธอก็เชื่อมั่นว่าสักวันเขาจะรักเธอได้
“น้องพริ้มสั่งเลย พี่ทานอะไรก็ได้” บอกอย่างไม่ใส่ใจและกลับไปเหม่อลอยต่อ ซึ่งเขาเป็นแบบนี้แทบทุกครั้งที่ออกมากับเธอ แต่คนอย่างพริ้มเพราก็ไม่มีวันยอมแพ้ เขาจะเป็นอย่างไร เธอไม่ได้สนใจเพราะอย่างไรเสียเขาก็ต้องแต่งงานกับเธออยู่แล้ว