ปีศาจจิ้งจอกตนนั้น... เป็นของข้า
เป็นของข้าครั้งที่ 5
ไป่ถิงถิงกำลังนั่งสัปหงก เนื่องจากเนื้อหาที่เหวินเซียวกำลังร่ายออกมานั้น ทำให้ไป่ถิงถิงรู้สึกง่วง หลังจากสอนวิชาเคลื่อนย้ายสิ่งของไปแล้วนั้น เหวินเซียวก็ไม่ได้สอนวิชาร่ายมนตร์อื่นๆ ให้ไป่ถิงถิงอีกเลย ด้วยเหตุผลที่ว่าไป่ถิงถิงจะต้องเรียนรู้ตำราหนังสือให้แตกฉานเสียก่อน เหวินเซียวจึงจะยอมสอนวิชาร่ายมนต์อื่นให้
“ที่ข้าพูดไปเจ้าเข้าใจหรือไม่”
“...”
“ไป่ถิงถิง”
“...”
เหวินเซียววางตำราเล่มใหญ่ที่ถืออยู่ลง ก่อนจะมองหน้าลูกศิษย์ “เห้อ.. วันนี้ก็หลับอีกแล้ว” เหวินเซียวโบกมือเรียกไม้เรียวเล่มยาว ก่อนจะฟาดลงไปที่ว่างข้างๆ ไป่ถิงถิง
“เอ๊ย!!” ไป่ถิงถิงสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ ก่อนจะหันมามองเหวินเซียวตาปรือ “แหะ.. ท่านอาจารย์”
“เจ้านี่ช่างไม่ได้เรื่อง” เหวินเซียวส่ายหน้า
“ก็.. ข้าง่วงนี่นาท่านอาจารย์”
“เจ้าพูดราวกับว่าเจ้าไม่ได้หลับนอน ทั้งๆ ที่ข้าก็สอนเจ้าเพียงแค่วันละสามชั่วยามเท่านั้น”
“ข้า.. ท่านอาจารย์” ไป่ถิงถิงลุกจากโต๊ะของตนเองเข้าไปนั่งใกล้ๆ เหวินเซียว “ข้าไม่ชอบเรียนตำราขอรับ ท่านอาจารย์สอนวิชาอื่นเลยไม่ได้หรือ เมื่อเช้าข้าเห็นพี่ใหญ่ใช้วิชาตัวเบา ข้าชอบมาก ข้าอยากทำได้บ้าง”
“ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่า ถ้าหากเจ้ายังเรียนรู้ตำราหนังสือพวกนี้ไม่ได้เรื่อง ข้าจะไม่สอนวิชาอะไรให้เจ้าทั้งนั้น”
“แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่ กลับที่นั่งของเจ้าไป หากวันนี้เจ้าจำเรื่องราวที่ข้าสอนไปไม่ได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ากลับไปพักแม้แต่เค่อเดียว”
“ท่านอาจารย์”
เหวินเซียวไม่ฟัง ชายชราก้มหน้าอ่านตำราที่อยู่ตรงหน้าออกมาเสียงดังอีกครั้ง ไป่ถิงถิงจึงต้องจำใจกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเดิม ก่อนจะส่ายหน้าเพื่อเรียกสติไม่ให้รู้สึกง่วง เพื่อจะกลับตั้งใจเรียนอีกครั้ง
สุดท้ายแล้วไป่ถิงถิงก็ได้ออกมาจากหอหนังสือในยามโหย่ว (17.00-18.59) ร่างบางเดินตาปรือกลับตำหนักท่ามกลางสายตาสาวใช้ทั้งหลาย ที่มองมาด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าคือไป่ถิงถิงใช่หรือไม่”
ไป่ถิงถิงที่กำลังเดินราวกับร่างไร้วิญญาณนั้นหยุดเดิน ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียง “อือ.. ข้าเอง”
ปีศาจจิ้งจอกนางนั้นมองไป่ถิงถิงศีรษะจรดเท้าก่อนจะยิ้มออกมา “พอดีว่างานครบรอบของข้าในวันพรุ่งนี้นั้น ข้ายังไม่ได้เอาเทียบเชิญมาให้เจ้า” นางยื่นกระดาษที่ถูกพับอย่างดีส่งให้ไป่ถิงถิง
“อ่า.. ข้าทราบแล้ว” ไป่ถิงถิงยื่นมือไปรับเทียบเชิญมาถือเอาไว้
“อย่างไรเสียข้ากับเพื่อนๆ จะรอเจ้านะ อย่าลืมไปล่ะ”
ไป่ถิงถิงพยักหน้า “ข้าไม่ลืมแน่นอน พรุ่งนี้ข้าจะไปแน่ๆ”
“ข้าจะรอ”
นางยิ้มมุมปากก่อนจะเดินออกไป ทางด้านไป่ถิงถิงนั้นได้แต่มองเทียบเชิญที่ถืออยู่ในมืออย่างเลื่อนลอย ก่อนจะพยายามพาตนเองเดินกลับไปที่ตำหนักให้ได้ เนื่องจากว่าตอนนี้ดวงตาของไป่ถิงถิงจะปิดเข้าหากันอยู่แล้ว
ฟุ่บ!!
ไป่ถิงถิงทิ้งตัวลงบนเตียงใหญ่ทันที สาวใช้ที่เดินตามมาจะอ้าปากห้ามเอาไว้แต่ก็ไม่ทัน
“ท่านไป่น้อยเจ้าขา ท่านยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อคลุม นอนทั้งๆ แบบนี้ข้ากลัวว่าท่านอาจจะรู้สึกไม่ดีได้”
“ฮื่อ.. ข้าสบายดี เจ้าออกไปได้แล้ว ข้าจะนอน”
“ท่านไป่น้อยไม่รอรับอาหารเย็นหรือเจ้าคะ”
ไป่ถิงถิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “เช่นนั้นเจ้าบอกให้ท่านแม่ครัวเหลืออาหารเอาไว้ ข้ากลัวว่าข้าจะตื่นขึ้นมาดึกๆ แล้วหิว ฝากบอกท่านแม่ด้วยว่าข้าไม่ได้ป่วย ข้าสบายดี เพียงแค่ง่วงเท่านั้น”
“แต่..”
ไป่ถิงถิงไม่ฟังสาวใช้อีกต่อไป ร่างเอาเอาหน้าฝังลงไปบนที่นอนขนนุ่มก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปทันที สาวใช้ที่ยืนอยู่จึงได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินออกไปบอกแม่ครัวเรื่องที่ไป่ถิงถิงสั่งเอาไว้
และก็เป็นอย่างที่ไป่ถิงถิงคิดเอาไว้ ร่างบางค่อยๆ รู้สึกตัวในยามจื่อ (23.00-00.59) เมื่อลืมตาขึ้นแล้วไป่ถิงถิงก็ยืดแขนยืดขาเนื่องจากรู้สึกเมื่อย
“อื้อ... หากการเรียนมันหนักหนาเช่นนี้ ข้าไปขอให้ท่านพ่อขังข้าเอาไว้ในถ้ำฝึกตนเช่นเดิมดีกว่า”
ไป่ถิงถิงบ่นพึมพำก่อนจะลุกเดินออกไปนอกห้องนอน โต๊ะกลมตัวใหญ่ภายในตำหนักมีอาหารวางอยู่มากมาย ร่างบางเอามือไปจิ้มเบาๆ เพื่อตรวจสอบดูว่าอาหารเย็นหรือยัง
“ยังอุ่นๆ อยู่เลยนี่นา”
“อ้าว ท่านไป่น้อย ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” ไป่ถิงถิงหันไปมองสาวใช้ที่กำลังเดินเข้ามา “ข้ากำลังจะเข้ามาเอาอาหารไปอุ่นอีกรอบพอดีเจ้าค่ะ”
“นี่เจ้าเอาไปอุ่นกี่ครั้งแล้วเนี่ย”
“ก็ท่านไป่น้อยยังไม่ได้ทาน ข้าก็ต้องคอยดูเอาไว้ตลอด หากท่านไป่น้อยตื่นขึ้นมาจะได้ทานอาหารอุ่นๆ อย่างไรเจ้าคะ”
ไป่ถิงถิงทำหน้าซึ้งใจ “ฮื่อ เจ้าดีกับข้าจัง”
“เช่นนั้นท่านไป่น้อยรอข้าสักครู่ ขอข้าเอาอาหารไปอุ่นอีกสักรอบนะเจ้าคะ”
ไป่ถิงถิงโบกมือ “ไม่ต้องๆ ข้ากินได้ มันยังอุ่นๆ อยู่เลย”
“แต่ว่า..”
“ข้ากินได้จริงๆ”
ไป่ถิงถิงส่ายหน้าให้สาวใช้ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ ร่างบางใช้ตะเกียบคีบอาหารคำแล้วคำเล่าเข้าปากอย่างอารมณ์ดี จนเมื่อรู้สึกอิ่มจึงเดินออกไปยืดเส้นยืดสายด้านนอกเนื่องจากรู้สึกแน่นท้อง
“อื้อ... เมื่อยจังเลย ข้าเรียนหนักเกินไปหรือเปล่าเนี่ย” ไป่ถิงถิงชูมือยืดแขนบิดตัวไปมา
ไป่ถิงถิงปืนขึ้นไปบนต้นท้อ ก่อนจะนอนเอนหลังพิงอย่างที่ชอบทำ ร่างบางแกว่งขาและหางทั้งสองไปมาอย่างอารมณ์ดี และระหว่างที่กำลังดื่มด่ำกับลมเย็นๆ และแสงนวลของพระจันทร์อยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงพูดคุยซุบซิบกัน ไป่ถิงถิงกระดิกหูเพื่อหาต้นตอของเสียง ก่อนจะหันไปเห็นว่าเป็นปีศาจนางน้อยสองตนเดินย่องเข้ามาใกล้ๆ ตำหนักของเขา
“นั่น.. ปีศาจนางนั้นที่เอาเทียบเชิญมาให้ข้านี่ แล้วนางมาทำอะไรที่นี่” ไป่ถิงถิงขมวดคิ้ว ก่อนจะพยายามเอียงหูฟังว่าปีศาจสองตนนั้นกำลังทำอะไรกัน
“เจ้าเดินดีๆ ได้หรือไม่หนิงฮวา การลอบเข้ามาในตำหนักของท่านประมุขต้องระวังตัว หากใครมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องได้” ไป่ถิงถิงพยักหน้าเบาๆ เมื่อทราบชื่อของปีศาจนางนั้นแล้ว
“ข้าก็พยายามอยู่นี่ไง เจ้าตาบอดหรือ” หนิงฮวาหันไปถลึงตาใส่ปีศาจอีกนางหนึ่งที่มาด้วยกัน
“ข้าว่า.. เรากลับกันดีกว่า”
“เจ้ากลัวหรือผิงอัน เรื่องแค่นี้เหตุใดต้องกลัว”
ผิงอันหดคอน้อยๆ “เจ้าก็รู้ว่าไป่ถิงถิงเป็นบุตรชายของท่านประมุข เจ้ายังจะกล้าลองดีอีกหรือ”
“ข้าไม่สน ก็ข้าไม่ชอบมัน”
“ไม่ชอบเจ้าก็อยู่ของเจ้าไปสิ เหตุใดต้องไปวุ่นวายกับไป่ถิงถิงด้วย”
หนิงฮวากัดปาก “ก็เจ้าไป่ถิงถิงนั่นเป็นผู้รอง เจ้ารู้หรือไม่ว่าคู่หมั้นของข้าพูดถึงมันว่าอย่างไร หน็อย เพิ่งโผล่ออกมาจากถ้ำฝึกตนก็หว่านเสน่ห์ให้ปีศาจตนอื่นไปทั่ว”
“ที่คู่หมั้นของเจ้าพูดแบบนั้นมันใช่ความผิดของไป่ถิงถิงหรือ ข้าว่าไม่ใช่เลย เรากลับกันดีกว่า” ผิงอันเขย่าแขนหนิงฮวา
หนิงฮวาปัดแขนของผิงอันออก “หากเจ้าอยากกลับก็กลับไปเสีย ข้าทำเองก็ได้” พูดจบหนิงฮวาก็ค่อยๆ ย่องเข้าไปที่หน้าตำหนักของไป่ถิงถิงทันที
“หนิงฮวา..” ผิงอันที่พยายามห้ามแล้วได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ
ไป่ถิงถิงที่นั่งอยู่บนต้นท้อเห็นว่าหนิงฮวานั้นกำลังพยายามร่ายมนต์เข้าไปในตำหนักของเขา แต่ด้วยความที่ร่างบางยังไม่ได้เรียนรู้วิชามากนัก เลยทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าหนิงฮวากำลังร่ายมนต์อะไร แต่หลังจากนั้นไม่นานผิงอันก็วิ่งไปกระชากตัวหนิงฮวาเดินออกมา
“เจ้าไม่ต้องห่วงผิงอัน ข้าร่ายมนต์ตามสั่งไปแล้ว พรุ่งนี้หากไป่ถิงถิงไปที่งานครบรอบของข้า ข้าจะสั่งให้มันทำเรื่องที่น่าอาย” หนิงฮวายิ้มร้าย
“ข้าอยากจะเด็ดหัวเจ้าออกมาเสียจริง หากท่านประมุขรู้เข้า เราจะทำอย่างไร”
“ข้าไม่สน ไม่มีผู้ใดจับได้แน่นอน”
ไป่ถิงถิงมองแม่นางจิ้งจอกทั้งสองที่ค่อยๆ เดินจากไปก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินไปไกลแล้วไป่ถิงถิงก็กระโดดลงมาจากต้นท้อ ก่อนจะยืนคิดว่าตนเองควรทำอย่างไรดี
“ไม่ต้องเข้าไป” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังเมื่อไป่ถิงถิงเอามือไปวางที่ประตู
ไป่ถิงถิงสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะหันกลับไปมอง “ท่านเฟยจวิน ท่านมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงข้าอีกแล้ว ตกใจหมดเลย”
หงเฟยจวินยิ้มก่อนจะยื่นมือมาให้ไป่ถิงถิง “มาเถิด สองชั่วยามนี้เจ้าจะยังกลับเข้าไปในตำหนักไม่ได้”
“ข้าเบื่อเสียจริง ข้าอยู่ของข้าดีๆ ทำไมต้องมีคนมาหาเรื่อง” ไป่ถิงถิงว่าพลางยื่นมือไปจับกับหงเฟยจวิน
“ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ล้วนมีทั้งคนรักและคนชัง”
“แต่ว่าข้ายังไม่ได้ทำอะไรให้นางชังเลยนะท่านเฟยจวิน”
เฟยจวินหยุดเดินก่อนจะหันมามองไป่ถิงถิง “ไม่ได้ยินที่นางพูดหรือ ว่าคู่หมั้นของนางชมชอบเจ้า”
“แล้วข้าผิดตรงไหนหรือ” ไป่ถิงถิงเอียงคอ
หงเฟยจวินส่ายหน้า ก่อนจะพาไป่ถิงถิงเดินออกไป “เจ้าช่างไม่รู้เรื่องราว”
“ก็เพราะว่าข้าไม่รู้ ข้าจึงถามอย่างไรเล่า ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าเหตุใดนางต้องมากลั่นแกล้งข้าเช่นนี้”
หงเฟยจวินหยุดเดินก่อนจะดึงไป่ถิงถิงเข้ามาใกล้ ใบหน้าหล่อเหลาก้มเข้าไปใกล้ก่อนจะกระซิบเบาๆ “ก็เพราะว่าเจ้างดงาม ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น”
ไป่ถิงถิงเม้มปากหายใจถี่ เมื่อรู้สึกว่าสู้สายตาของฟงเฟยจวินไม่ได้จึงหันหน้าหนีไปอีกทาง “ท่าน.. ท่านพูดอะไรของท่าน”
หงเฟยจวินยิ้มมุมปาก่อนจะปล่อยมือจากไป่ถิงถิง “ข้าก็แค่ล้อเจ้าเล่น”
ไป่ถิงถิงหันขวับ “ท่านว่าอย่างไรนะ”
“เปล่า ข้าไม่ได้พูดอะไรเสียหน่อย” หงเฟยจวินยิ้มก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง
“ท่านเฟยจวิน ท่าน!! ท่านรอข้าก่อน”
ไป่ถิงถิงกระทืบเท้าน้อยๆ ก่อนจะเดินตามหงเฟยจวินไป เมื่อเห็นว่าร่างสูงพามาที่สวนดอกเหมยของหลี่มู่ฟาง ไป่ถิงถิงก็ยืนเอียงคออย่างไม่เข้าใจ
“ท่านพาข้ามาที่นี่ทำไมหรือ”
“มนต์ตามสั่งที่นางร่ายไว้ไม่ถูกกับกลิ่นของดอกเหมย สองชั่วยามหลังจากนี้เจ้ามานอนรอที่นี่ก่อนเถิด เมื่อได้เวลาแล้วค่อยกลับไปนอนต่อที่ตำหนักของเจ้า”
“แต่ว่า.. อีกสองชั่วยามที่ท่านว่าก็จะเช้าแล้วนี่นา”
หงเฟยจวินส่ายหน้าก่อนจะหันไปโบกมือที่กลางอากาศ ไม่นานเบาะขนสัตว์ที่ดูนุ่มนวลก็ถูกปูเอาไว้อย่างเรียบร้อย “นอนเถิด ข้าจะพาเจ้ากลับเอง”
ไป่ถิงถิงพยักหน้าน้อยๆ เดินเข้าไปย่ำเท้าบนเบาะขนสัตว์นั่น ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา เพราะถูกใจกับความนุ่มนวลที่ใต้เท้าอยู่ไม่น้อย
“ข้าชอบมากเลยท่านเฟยจวิน” ไป่ถิงถิงยิ้มกว้างก่อนจะเงยหน้ามามองร่างสูง
“ชอบก็นอนเถิด ข้าจะนั่งอยู่ตรงนี้” หงเฟยจวินทิ้งตัวนั่งลงบนโคนต้นดอกเหมยใกล้ๆ
“ขอรับ” ไป่ถิงถิงพยักหน้าก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวนอนลงบนเบาะขนนุ่ม “แล้ว.. ท่านยังไม่กลับหรือ ทุกทีข้าเห็นว่าท่านมาไม่นานก็กลับแล้ว”
“ครั้งนี้ข้าอยู่กับเจ้าได้สักพัก”
“เช่นนั้นข้าชวนท่านพูดคุยดีหรือไม่ เราไม่ค่อยได้พูดคุยกันเลย”
หงเฟยจวินส่ายหน้า “เจ้าไม่ต้องรีบร้อนไป อย่างไรเสียเจ้ากับข้าก็ได้พูดคุยกันแน่นอน”
“แต่ว่า..”
“นอนเถิด เมื่อได้เวลาข้าจะพาเจ้ากลับไปที่ตำหนัก”
ไป่ถิงถิงอ้าปากจะพูดต่อแต่จู่ๆ ความง่วงก็เข้ามาแทรกซึมจนต้องอ้าปากหาว ร่างบางกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะค่อยๆ จมเข้าสู่ห้วงนิทราไปในเวลาไม่นาน หงเฟยจวินที่นั่งมองอยู่ได้แต่ยิ้มน้อยๆ ให้กับท่าทางที่น่ารักนั่น ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอกเมื่อเห็นว่าไป่ถิงถิงหลับสนิทแล้ว
“ขอบคุณท่าน ที่อนุญาตให้ข้าเข้ามาที่นี่” หงเฟยจวินโค้งให้ไป่เซียวเหอน้อยๆ
“ท่านรู้เรื่องนิมิตนั่นใช่หรือไม่”
หงเฟยจวินยิ้ม “ข้าล้วนทราบดี”
“เช่นนั้นท่านก็รู้วิธีแก้ไขใช่หรือไม่ ท่านมหาเทพ”
“ข้ารู้วิธีแก้ไข แต่ต้องแจ้งท่านประมุขว่าตอนนี้ข้ายังเป็นเพียงว่าที่มหาเทพเท่านั้น ท่านพ่อของข้ายังไม่สละบัลลังก์”
ไป่เซียวเหอส่ายหน้า “อย่างไรเสียท่านก็ต้องเป็นมหาเทพในสักวันหนึ่งอยู่ดี” ชายชรามองเข้าไปในสวนดอกเหมย ก่อนจะถอนหายใจออกมาน้อยๆ “เรื่องที่หนิงฮวาทำกับบุตรชายข้านั้น ข้าจะจัดการเอง”
หงเฟยจวินส่ายหน้า “ข้าว่าท่านไม่ควรลงมือจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นจากการที่เด็กๆ กลั่นแกล้งกันธรรมดาๆ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันทีหากผู้ใหญ่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง”
“แล้วท่านจะให้ข้าอยู่เฉยได้อย่างไร ในเมื่อนางร่ายมนต์ใส่บุตรชายของข้า”
“ข้าว่าท่านปล่อยให้เป็นฝีมือของถิงถิงดีกว่า เชื่อข้าเถิด บุตรชายของท่านไม่ได้อ่อนแอ”
ไป่เซียวเหอถอนหายใจ “หากท่านว่าเช่นนั้น ข้าก็จะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง”
“เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวแล้ว เดี๋ยวจะพาถิงถิงกลับไปที่ตำหนักไม่ทัน”
หงเฟยจวินโค้งให้ไป่เซียวเหอน้อยๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในสวนดอกเหมยอีกครั้ง ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้เบาะขนสัตว์ที่มีปีศาจจิ้งจอกตัวน้อยนอนขดอยู่ ก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงบนเบาะข้างๆ ไป่ถิงถิง
หงเฟยจวินใช้นิ้วปัดผมที่ปรกหน้าของไป่ถิงถิงออก “ข้าเชื่อว่าข้าจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงชะตาของเจ้าได้”
ร่างสูงเอนหลังนอนตะแคง เท้าแขนมองดูไป่ถิงถิงที่กำลังนอนหลับด้วยรอยยิ้ม จนเมื่อถึงเวลาที่ไป่ถิงถิงต้องกลับเข้าตำหนักแล้ว หงเฟยจวินจึงค่อยๆ อุ้มไป่ถิงถิงขึ้น
“อือ..” เมื่อโดนก่อกวนไป่ถิงถิงก็ร้องออกมาน้อยๆ ราวกับรู้สึกรำคาญ
“นอนต่อเถิด ข้าจะพาเจ้ากลับ” หงเฟยจวินกระซิบเบาๆ
ไป่ถิงถิงที่ไม่รู้ว่าฟังรู้เรื่องหรือไม่ แต่ร่างบางซุกหน้าลงบนอกของหงเฟยจวิน ก่อนจะขยับหามุมที่สบายแล้วหลับลงไปอีกครั้ง ร่างสูงก้มหน้ามองเจ้าปีศาจจิ้งจอกตัวน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ
“อย่างไรเสียพรุ่งนี้อย่าซนมาก รู้หรือไม่เจ้าตัวดี” หงเฟยจวินพูดกับไป่ถิงถิงที่นอนอยู่บนเตียงใหญ่ “ข้าจะมาหาเจ้าบ่อยๆ เท่าที่ข้าคนนี้จะทำได้ เจ้ารอข้าได้หรือไม่”
“อือ..”
หงเฟยจวินยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินหันหลังออกไปจากตำหนักของไป่ถิงถิง แต่พอก้าวขาออกมาด้านนอกก็เห็นว่าไป่หานเล่อยืนรออยู่ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง หงเฟยจวินส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาปีศาจหนุ่ม
“ท่านพูดคุยอะไรกับท่านพ่อของข้า” ไป่หานเล่อถาม
“เขากับข้าก็เพียงแค่ถามไถ่ทั่วไปก็เท่านั้น”
“ท่านอย่ามาโกหกข้าเสียดีกว่า”
หงเฟยจวินส่ายหน้า “แล้วเหตุใดท่านไม่ไปถามกับบิดาของท่านเล่า”
“ก็..” ไป่หานเล่ออึกอัก
“ข้าไม่รู้ว่าเรื่องนี้ข้าพูดได้มากมายเพียงใด ทางที่ดีท่านไปถามจากปากบิดาของท่านดีกว่า ข้าคงต้องขอตัว”
พูดจบหงเฟยจวินก็หยิบลูกแก้วเคลื่อนที่ออกมาแล้วหายเข้าไปในประตูมิติทันที ไป่หานเล่อได้แต่กัดฟันอย่างไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ร่างสูงหันกลับไปมองตำหนักของไป่ถิงถิง ก่อนจะถอนหายใจออกมาน้อยๆ
“พี่ขอให้เจ้าไม่ต้องเจอกับปัญหามากมาย ขอให้เจ้าผ่านมันไปได้ด้วยดี”
ทางด้านไป่ถิงถิงที่เพิ่งลืมตาชูมือขึ้นเหนือหัว ก่อนจะบิดตัวไปมา ปีศาจจิ้งจอกตัวน้อยอ้าปากหาวก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เมื่อได้สติแล้วร่างบางก็มองไปรอบๆ ห้อง
“ข้ากลับเข้ามาได้ยังไง” ไป่ถิงถิงทำหน้างง
“ท่านไป่น้อยเจ้าขา ข้าขอเข้าไปนะเจ้าคะ” เสียงสาวใช้ดังขึ้นที่หน้าประตูทันทีเมื่อไป่ถิงถิงตื่น
ร่างบางถูกบรรดาสาวใช้ขัดถูร่างกายให้ดั่งเช่นทุกเช้า ก่อนจะมานั่งหน้ากระจกบานใหญ่ นั่งนิ่งๆ ให้สาวใช้ช่วยกันทำผมและแต่งหน้า
“วันนี้ท่านเหวินเซียวฝากข้ามาบอกนายน้อยว่า วันนี้ไม่ต้องไปที่หอหนังสือเจ้าคะ”
ไป่ถิงถิงลืมตาทันที “จริงหรือ”
สาวใช้พยักหน้า “เจ้าค่ะ ท่านเหวินเซียวยังฝากข้ามาบอกอีกว่า วันนี้ขอให้ท่านไป่น้อยไปร่วมงานครบรอบของแม่นางหนิงฮวา และขอให้เที่ยวอย่างสนุกสนานเจ้าค่ะ”
“อ่า.. ข้าลืมไปเลยว่านางเอาเทียบเชิญมาให้ข้า” ไป่ถิงถิงหยิบเอาเทียบเชิญที่วางอยู่มาเปิดดูก่อนจะยิ้มชั่วร้าย “ถ้าเมื่อวานเจ้าไม่เข้ามาก่อเรื่อง ข้าก็จะไปด้วยความเป็นมิตร แต่อย่างไรเสียเจ้าก็ก่อเรื่องเอาไว้แล้ว ข้าคงต้องไปสานต่อให้มันจบ”
ไป่ถิงถิงที่นั่งยิ้มให้ตัวเองที่หน้ากระจกด้วยสีหน้าชั่วร้าย แต่กลับได้รับการส่ายหัวอย่างเอ็นดูจากสาวใช้ทั้งหลาย เนื่องจากมองอย่างไรมันก็ไม่ดูชั่วร้ายแม้แต่น้อย แต่มันกลับดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียจนอยากบีบไป่ถิงถิงเป็นก้อนแล้วกลืนลงท้อง ไม่ให้ผู้ใดมีโอกาสได้พบเห็นความน่ารักนี้
Talk. สโลแกน ลูกฉันเป็นคนดี ยังใช้ได้อยู่ไหมคะ รู้สึกว่าน้องถิงจะซนเหลือเกิน