ปีศาจจิ้งจอกตนนั้น... เป็นของข้า
เป็นของข้าครั้งที่ 1
ยามเฉิน (07.00-08.59) เป็นเวลาปกติที่ผู้ดูแลจะเปิดศาลเจ้าให้ชาวบ้านได้เข้าไปสักการะ เสียงพูดคุยและเสียงสวดมนต์ดังไปทั่วศาลเจ้าแต่เป็นภาพที่ทุกคนดูคุ้นชินไปกับมัน ชาวบ้านทุกคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ต่างรู้กันดีว่าศาลเจ้าแห่งนี้ถูกปกปักดูแลด้วยปีศาจจิ้งจอกที่มีอายุกว่าห้าหมื่นปี แต่ถ้าเล่าให้คนอื่นฟังว่าคนที่หมู่บ้านนี้บูชาปีศาจ ก็อาจจะเกิดความสงสัยได้ว่าเหตุใดต้องบูชาปีศาจด้วย ไม่ใช่ว่าสิ่งพวกนี้คือสิ่งอัปมงคลหรืออย่างไร
ด้วยประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านที่มีมากันหลายชั่วอายุนั้น ต่างเล่าลือถึงอำนาจของปีศาจจิ้งจอกตนนี้เป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นปีศาจขาว ที่คอยดูแลปกปักรักษาชาวบ้านให้อยู่กันอย่างร่มเย็น ถ้าหากใครอยากบนบานหรือขออะไร ให้นำถังหูลู่ที่ทำจากผลไม้ชั้นดีมาถวาย แล้วคำขอนั้นจะสุขสมดั่งใจหวัง ถึงแม้ว่าความเป็นจริงแล้วจะสุขสมหวังเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่ชาวบ้านก็ยังเข้ามาสักการะและเอาถังหูลู่มาถวายให้ปีศาจจิ้งจอกอยู่เสมอ
ไป่ถิงถิงคือปีศาจจิ้งจอกตนนั้นที่ชาวบ้านเคารพนับถือ แต่ตอนนี้ร่างบางยังจมอยู่บนเบาะขนนุ่มผืนใหญ่ เนื่องจากเมื่อคืนออกไปเล่นซนกว่าจะกลับเข้ามาที่ศาลเจ้า ตะวันก็เกือบจะโผล่พ้นดินไปเสียแล้ว
“ฮื่อ.. พวกเขามาอะไรกันได้ทุกวัน ไม่เหนื่อยกันบ้างหรืออย่างไร” ไป่ถิงถิงบ่นก่อนจะมุดหน้าลงไปบนเบาะขนสัตว์ที่แสนนุ่ม “ทำไมข้าต้องมาทำหน้าที่นี้ด้วย ข้าอายุห้าหมื่นปีแล้ว สมควรที่จะต้องไปอาศัยอยู่บนแดนสวรรค์ แล้วก็เข้าพิธีมงคลกับท่านมหาเทพเสียมากกว่า”
ปีศาจตัวจิ๋วอ้าปากหาวก่อนจะค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง ไป่ถิงถิงยกมือขึ้นมาขยี้ที่ดวงตาก่อนจะมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าตอนนี้ที่หน้าแท่นบูชานั้นเต็มไปด้วยถังหูลู่มากมาย
“วันนี้ของใครน่ากินนะ ข้าจะได้ช่วยทำให้สิ่งที่เขาขอได้เป็นจริง”
ร่างบางลุกขึ้นจากเบาะขนสัตว์ก่อนจะค่อยๆ เดินไปดูถังหูลู่ที่วางเรียงกันอยู่มากมาย จมูกเล็กก้มลงไปสูดดมกลิ่นเพื่อตรวจสอบดู ว่าถังหูลู่ไม้ไหนที่จะได้เป็นผู้โชคดีในวันนี้
“ผิงกั่ว (แอปเปิ้ล) ไม้นี้ดูเหมือนว่าจะน่าอร่อยที่สุดแล้ว”
ไป่ถิงถิงหยิบเอาผิงกั่วเคลือบน้ำตาลไม้โตมาถือ ก่อนจะกัดเข้าปากคำใหญ่ ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับรสชาติหอมหวาน ตาเรียวก็เหลือบไปเห็นว่าป๋อเฉิงที่เป็นคนดูแลศาลเจ้ากำลังส่งยิ้มให้อยู่ ร่างบางจึงเดินผ่านหน้าชาวบ้านออกไปหาป๋อเฉิงก่อนจะโบกมือน้อยๆ ให้กับคำอธิษฐานของเจ้าของถังหูลู่ไม้นี้
“ข้ามีวิชาแค่นี้ แต่เจ้าขอตั้งมากมาย” ไป่ถิงถิงขมวดคิ้ว “เหตุใดเจ้าถึงไม่ทำงานกัน ขอภรรยาที่ร่ำรวยและหน้าตางดงามอย่างนั้นหรือ หึ เอาไปแค่นี้ก็พอ” ร่างบางโบกมืออีกครั้งเพื่อส่งหญิงสาวคนหนึ่งที่หน้าตาสะสวย แต่เป็นคนปากจัดให้แก่เจ้าของถังหูลู่ไม้นี้ไป
แม้ว่าร่างบางจะเดินไปเดินมาต่อหน้าชาวบ้านทั้งหลาย แต่ก็ไม่มีใครมองเห็นไป่ถิงถิงแม้แต่คนเดียว เนื่องจากระดับลมปราณของชาวบ้านนั้นมีเพียงเล็กน้อย จึงไม่สามารถมองเห็นเทพเซียน อสูร หรือปีศาจด้วยตาเปล่า ยกเว้นว่าเทพเซียน อสูร หรือปีศาจตนนั้นอยากจะปรากฎกายให้พวกเขาได้เห็น
“เมื่อคืนท่านไม่อยู่ที่ศาลเจ้าอีกแล้วนะขอรับ” ป๋อเฉิงบ่นออกมาเบาๆ เมื่อไป่ถิงถิงเดินเข้าไปใกล้
“ข้าออกไปเที่ยวเล่นตามประสา เจ้ามีหน้าที่ดูแลศาลเจ้า ไม่ใช่ดูแลข้า”
“แต่ว่า..”
ไป่ถิงถิงยัดถังหูลู่เข้าปากคำโต “ถอดใจเสียเถอะ ไม่ว่าจะเป็นทวด ปู่ หรือบรรพบุรุษของเจ้าที่ตายไป ไม่เคยมีใครห้ามข้าได้ เจ้าคิดอย่างนั้นหรือว่าข้าที่อายุห้าหมื่นปีจะยอมให้เจ้าเข้ามาบงการชีวิตข้า” ไป่ถิงถิงแลบลิ้น “ฝันไปเสียเถอะ”
ป๋อเฉิงได้แต่มองตามไป่ถิงถิงที่เดินหนีออกไปด้วยสายตาปลงตก เขาเป็นทายาทที่เข้ามาดูแลศาลเจ้าต่อจากบรรพบุรุษคนที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจนับได้ ตลอดสามหมื่นปีที่ผ่านมาเราต่างสอนลูกหลานในตระกูลป๋ออยู่เสมอว่า เมื่ออายุครบสิบห้าปีจะต้องมารับหน้าที่ดูแลศาลเจ้าแห่งนี้ต่อ และทำอย่างไรก็ได้ให้ปีศาจจิ้งจอกอย่างไป่ถิงถิงฝึกวิชาให้สำเร็จเสียที แต่ดูเหมือนว่าสามหมื่นปีที่ไป่ถิงถิงมาอยู่ที่ศาลเจ้านี้ จะเป็นการเสียเวลาเปล่า เพราะร่างบางยังไม่มีหางมาจุติเพิ่มอีกเลยแม้แต่หางเดียว
ทางด้านของไป่ถิงถิงที่เดินออกมานั้น ร่างบางเดินลงเขาไปอย่างอารมณ์ดี เนื่องจากศาลเจ้าตั้งอยู่บนเขาที่ห่างออกมาจากตัวหมู่บ้านเล็กน้อย ทำให้ทุกครั้งที่ไป่ถิงถิงอยากจะออกมาเดินเล่นนั้นต้องเดินเท้าลงมาด้วยตนเอง หากถามว่าเหตุใดจึงไม่ใช้วิชาตัวเบา? ลำพังแค่ฝึกสมาธิไป่ถิงถิงยังไม่สามารถทำได้ นับประสาอะไรกับวิชาตัวเบาเล่า ท่านคาดหวังมากเกินไปแล้ว
“ตรงนั้นมุงอะไรกันอยู่หรือ น่าสนใจจริงเชียว”
ไป่ถิงถิงยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในจุดที่ชาวบ้านกำลังยืนมุงกันอยู่หลายคน แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วก็พบว่าเป็นเพียงนักเล่าเรื่องที่มาจากต่างเมืองก็เท่านั้น ร่างบางถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะหันหลังเดินหนี
“ข้าได้ยินมาว่าคนที่หมู่บ้านนี้บูชาปีศาจจิ้งจอกกันใช่หรือไม่” เมื่อได้ยินนักเล่าเรื่องคนนั้นพูดไป่ถิงถิงก็หยุดเดินทันที ร่างบางยืนนิ่งเพื่อหยุดฟัง
“ใช่แล้ว พวกเราบูชาท่านปีศาจจิ้งจอก ท่านถามทำไมหรือ”
ชายนักเล่าเรื่องโบกมือไปมา “พวกท่านช่างไม่รู้เรื่องราวกันเลย ในยุทธภพนี้ ไม่มีที่ใดบูชาปีศาจอย่างเช่นพวกท่านทำกันหรอก”
“แต่พวกข้าบูชาท่านปีศาจจิ้งจอกมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว ต่อให้ที่อื่นไม่ทำกัน แต่ว่าพวกข้าทำกันมาหลายช่วงอายุคน อีกทั้งหมู่บ้านของข้าก็ต่างอยู่ร่มเย็นเป็นสุขกันมาตลอด ข้าว่ามันก็เป็นเพราะมีท่านปีศาจจิ้งจอกคอยดูแล”
“พวกท่านลองบูชาท่านมหาเทพกันดีกว่า นี่.. ข้ามีรูปวาดของท่านมหาเทพ ทุกหมู่บ้านที่ข้าไปเยือนต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวเลยว่า ทันทีที่ได้บูชา เงินทองและโชคลาภต่างวิ่งเข้ามาหาไม่ขาดสาย ชีวิตอยู่ดีมีสุข” ชายนักเล่าเรื่องว่าก่อนจะหยิบแผ่นกระดาษปึกหนึ่งออกมา
ไป่ถิงถิงหูกระดิกทันทีที่ได้ยินคำว่าท่านมหาเทพ ร่างบางค่อยๆ หันหลังเดินกลับไปหาชายนักเล่าเรื่องคนนั้น ก่อนจะชะโงกหน้าดูแผ่นกระดาษที่เขาถืออยู่ในมือ เพราะอยากรู็ว่าเขาจะวาดท่านมหาเทพออกมาได้รูปงามเพียงใด
แต่เมื่อได้เห็นรูปวาดที่อยู่ในมือของชายคนนั้น ไป่ถิงถิงก็หน้ายับยู่ทันที ท่านมหาเทพรูปงามที่เขาเคยเห็นหน้ากลายเป็นชายหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ตาไปทางหนึ่ง จมูกไปทางหนึ่ง ไป่ถิงถิงส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ก่อนจะหันไปจ้องหน้าชายเล่าเรื่องคนนั้นด้วยสายตาไม่พอใจ
“ท่านแน่ใจหรือว่านี่คือท่านมหาเทพ” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น “ข้าว่า.. มันดูอัปลักษณ์พิลึก”
ไป่ถิงถิงพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าชายนักเล่าเรื่องอีกครั้ง “ท่านยังไม่เคยเห็นท่านมหาเทพล่ะสิ ก็อย่างว่า วาสนาคนเรามันไม่เท่ากัน ตัวข้าน่ะเคยเห็นท่านมหาเทพด้วยสองตาของข้าเลยนะ ไม่อย่างนั้นข้าจะวาดรูปของเขาออกมาได้อย่างไร” ชายนักเล่าเรื่องพูดออกมาอย่างโอ้อวด
ไป่ถิงถิงอ้าปากค้าง “เจ้าอย่ามาพูดโกหก!! ท่านมหาเทพของข้าเป็นชายหนุ่มรูปงาม หาใช่ชายหน้าตาประหลาดเช่นนี้” ไป่ถิงถิงตะโกนออกไปสุดเสียงแต่ว่าไม่มีผู้ใดได้ยิน
ร่างบางรู้สึกโมโหจนทนไม่ไหว มือเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นมาดีดนิ้วเสียงดัง ไม่นานลมพายุก็พัดเข้ามารุนแรงทันที ภาพที่ชายนักเล่าเรื่องคนนั้นถือไว้ปลิวออกไปตามแรงลมจนหมด ไป่ถิงถิงจึงใช้พลังที่มีอันน้อยนิดของตนเองรวมไปไว้ที่เท้า ก่อนจะถีบก้นชายนักเล่าเรื่องคนนั้นอย่างแรง
“เห้ย!!” ชายนักเล่าเรื่องหน้าทิ่มพื้น ก่อนจะลุกขึ้นมาชี้หน้าชาวบ้านที่ยืนอยู่ “ใคร!! ผู้ใดถีบข้า”
ชาวบ้านต่างหันหน้ามองกันอย่างไม่รู้ว่าใครทำ ไป่ถิงถิงยิ้มมุมปากก่อนจะถีบก้นชายนักเล่าเรื่องอีกครั้ง
“ข้าว่าต้องเป็นท่านปีศาจจิ้งจอกแน่นอน” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น
“จะมาเป็นปีศาจจิ้งจอกบ้าบออะไรกัน มันก็แค่เรื่องงมงาย!” ชายนักเล่าเรื่องลุกขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะตวาดใส่ชาวบ้าน
“หากท่านบอกว่าท่านปีศาจจิ้งจอกของพวกเราคือเรื่องงมงาย แล้วรูปวาดท่านมหาเทพของท่านเล่า ไม่งมงายหรือ”
“ข้าว่าพวกเราเจอนักต้มตุ๋นแล้วแหละ แยกย้ายกันเถอะ หากท่านปีศาจจิ้งจอกรู้เข้า อาจจะเกิดปัญหาได้”
เหล่าชาวบ้านที่ยืนมุงต่างแยกย้ายเดินกันไปคนละทาง ชายนักเล่าเรื่องพยายามจะเรียกไว้ แต่ก็ไม่มีใครยอมเดินกลับมาแม้แต่คนเดียว เขารู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้าก่อนจะเดินไปเก็บเหล่ารูปวาดที่กระจายอยู่ที่พื้น ด้วยอารมณ์โมโห
“พวกหน้าโง่ แทนที่จะมาซื้อรูปวาดของข้าไปบูชา” ชายนักเล่าเรื่องบ่นไปด้วย ก้มเก็บรูปวาดไปด้วย
“นอกจากจะด่าชาวบ้านของข้าแล้วยังวาดรูปท่านมหาเทพของข้าเสียขี้ริ้วขี้เหร่ ถ้าข้าสามารถฆ่าคนได้โดยที่ไม่มีความผิด ข้าเอาเจ้าตายแน่” ไป่ถิงถิงกัดฟันพูด ก่อนจะกางขาถีบชายนักเล่าเรื่องจนหน้าคะมำไปอีกครั้ง
“โอ๊ย!! ผู้ใดมันทำข้า!!” ชายนักเล่าเรื่องตะโกนออกไปเสียงดัง แต่ว่าด้านหลังของเขาไม่มีผู้ใดยืนอยู่เลย จู่ๆ ความรู้สึกกลัวก็เกาะกินหัวใจของเขา จนต้องรีบเก็บทุกอย่างใส่ย่ามใบใหญ่เดินทางออกจากหมู่บ้านไปทันที
ทางด้านไป่ถิงถิงที่รู้สึกอารมณ์เสียจึงตัดสินใจเดินทางกลับมาที่ศาลเจ้า เนื่องจากหมดอารมณ์ที่จะไปเดินเที่ยวเล่นที่ไหนแล้ว เมื่อเดินมาถึงศาลเจ้าร่างบางก็เดินตรงไปที่ต้นท้อหน้าศาลเจ้าต้นใหญ่ ก่อนจะพยายามปีนขึ้นไปนั่งบนนั้นอย่างที่เคยทำอยู่หลายๆ ครั้ง
“เห้อ.. เหนื่อย ข้าว่าข้าน่าจะต้องฝึกวิชาให้เก่งเสียแล้ว” ไป่ถิงถิงบ่นออกมาน้อยๆ เนื่องจากต้องปืนขึ้นมาบานต้นท้อด้วยเรี่ยวแรงของตัวเอง ไม่สามารถใช้พลังได้แม้แต่น้อย
“ท่านไปไหนมา”
“เย้ย!!” ไป่ถิงถิงสะดุ้งตัวโยนก่อนจะหันไปมองป๋อเฉิงด้วยสายตาไม่พอใจ “เจ้ามาไม่เคยให้สุ้มให้เสียง ถ้าข้าตกใจจนตายขึ้นมาเจ้าจะทำอย่างไร ท่านมหาเทพเอาเจ้าตายแน่ที่ทำว่าที่พระชายาอย่างข้าตาย”
ป๋อเฉิงถอนหายใจ “ข้าจำได้ว่าข้อตกลงของท่านกับท่านมาหาเทพเมื่อสามหมื่นปีก่อนคือ เมื่อท่านจุติหางทั้งหมดเก้าหาง ท่านถึงจะได้เป็นพระชายาไม่ใช่หรือขอรับ”
ไป่ถิงถิงกัดปากเนื่องจากไม่รู้ว่าจะเถียงออกไปอย่างไรดี “เจ้า.. เห้อ!! จะไปไหนก็ไปเถอะ ข้าไม่อยากได้ยินเสียงเจ้าอีกแล้ว” ไป่ถิงถิงหันหน้าหนีก่อนจะเอนตัวลงบนกิ่งไม้พลางหลับตาช้าๆ
“ท่านอาจารย์มารอท่านอยู่ในศาลเจ้า”
ไป่ถิงถิงลุกพรวดขึ้นมานั่งทันที “ห๊ะ!! ท่านอาจารย์มาหรือ นี่.. มันยังไม่ถึงกำหนดที่ท่านอาจารย์ควรมาเลยนี่ ทำไม..”
“ข้าตอบท่านไม่ได้ขอรับ ท่านคงต้องไปถามท่านอาจารย์เอง”
ไป่ถิงถิงเม้มปากก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงมายืนอยู่ด้านล่าง ร่างบางเม้มปากน้อยๆ พลางเดินเข้าไปในศาลเจ้าโดยพยายามถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด เมื่อเดินเข้ามาก็พบว่าอาจารย์เหวินเซียวนั่งหันหลังให้อยู่ ไป่ถิงถิงขยับเท้าซ้ายขวาอยู่หน้าประตูแต่ไม่ยอมเดินเข้าไปเสียที
“เจ้าจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานแค่ไหน” เสียงก้องกังวานของเหวินเซียวทำเอาไป่ถิงถิงได้แต่เบะปากอย่างน่าสงสาร
ร่างบางค่อยๆ เดินเข้าไปหาเหวินเซียวก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงไม่ใกล้ไม่ไกล “ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านถึงมาหาข้าก่อนกำหนดหรือขอรับ ปกติท่านจะเข้ามาทุกๆ ห้าพันปีไม่ใช่หรือ”
เหวินเซียวถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะหันมามองหน้าไป่ถิงถิง “เจ้ายังจะถามข้าอยู่อีกหรือ”
“ก็.. ข้าไม่รู้นี่ขอรับว่าท่านอาจารย์มาหาข้าทำไม”
“หางของเจ้าจุติมาเพิ่มหรือยัง”
ไป่ถิงถิงเม้มปาก “คือ.. ยังขอรับท่านอาจารย์”
“หางที่สามของเจ้าจุติเกือบสี่หมื่นปีที่แล้ว ก่อนที่เจ้าจะลงมาอยู่ที่ดลกมนุษย์นี่ และมันก็ไม่ได้จุติอีกเลย เป็นเพราะอะไร เจ้ารู้หรือไม่”
ไป่ถิงถิงเม้มปากก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาเหวินเซียว “ข้าทราบขอรับท่านอาจารย์”
“รู้แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่รู้จักฝึกวิชา หรือเจ้าอยากให้ข้ามาอยู่ที่ศาลเจ้านี้กับเจ้าดี เจ้าจึงจะขยันเสียบ้าง”
“ไม่ขอรับ” ไป่ถิงถิงหลุดปากก่อนจะยิ้มแหยให้เหวินเซียว “แหะ.. ไม่ดีกว่าขอรับท่านอาจารย์”
เหวินเซียวส่ายหน้า “เห็นทีว่าหลังจากนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้าเกเรอยู่เช่นนี้ไม่ได้อีกต่อไป หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะอยู่กับเจ้าที่นี่ และข้าจะเป็นคนจัดการเจ้าให้อยู่กับร่องกับรอย ฝึกวิชาจนกว่าหางของเจ้าจะมาจุติจนครบทั้งเก้าหาง”
“ท่านอาจารย์... หางของปีศาจจิ้งจอกจะจุติทุกๆ หนึ่งหมื่นปี ท่านคงไม่ให้ข้าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาฝึกวิชาใช่ไหมขอรับ”
“หรือเจ้าจะให้ข้าปล่อยปละละเลยเจ้า ปล่อยให้เจ้าอยู่กับสามหางของเจ้าแบบนี้ แล้วไม่มีโอกาสได้เป็นพระชายา ดีหรือไม่”
ไป่ถิงถิงเบะปาก “ไม่เอาขอรับ”
เหวินเซียวถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหลังยามโหย่ว (17.00-18.59) เจ้าจะต้องเข้าไปในถ้ำหลังศาลเจ้าเพื่อฝึกวิชากับข้า และข้าจะพาเจ้าออกมาในยามอิ๋น (03.00-04.59) ”
ไป่ถิงถิงอ้าปากค้าง “เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องนอนพักผ่อนหรือท่านอาจารย์ ยามเฉิน (07.00-08.59) ข้าก็ต้องออกมาดูแลพวกชาวบ้านที่เอาของมาเซ่นไหว้”
เหวินเซียวใช้นิ้วชี้จิ้มที่หน้าผากไป่ถิงถิงครั้งหนึ่ง “เจ้าอย่ามาทำเป็นพูดดี ทุกวันนี้เจ้าช่วยอะไรพวกชาวบ้านได้บ้าง ป๋อเฉิงรายงานข้าหมดแล้ว”
“ข้าจะไปจัดการเขา” ไป่ถิงถิงทำปากอุบอิบ
“เจ้ายังจะมาพาลป๋อเฉิงอีก” เหวินเซียวง้างมือจะฟาดไป่ถิงถิง
“แง ท่านอาจารย์” ไป่ถิงถิงงอแงก่อนจะขยับเข้าไปกอดเอวเหวินเซียวเอาไว้พร้อมกับแกล้งร้องไห้ “ท่านอาจารย์ไม่สงสารข้าหรือ หากฝึกทุกวันเช่นนั้นข้าก็คงตายพอดี ไม่มีโอกาสได้เป็นแล้วพระชายาของท่านมหาเทพรูปงาม อีกกี่หมื่นปีกันหรือ ข้าจึงจะจุติหางทั้งเก้าได้กัน”
เหวินเซียวถอนหายใจ “ข้าเชื่อว่าถ้าหากเจ้าตั้งใจ เจ้าจะทำได้ บางทีแค่พันปี หางที่เหลือของเจ้าก็อาจจะจุติมาเองเลยก็ได้ ไม่เคยได้ยินหรือว่าเคยมีปีศาจจิ้งจอกที่สามารถจุติหางทั้งเก้าได้ภายในหนึ่งพันปีเท่านั้น”
“แต่ว่า.. ข้าไม่เก่งแบบเขาหรอกท่านอาจารย์ ข้าทำไม่ได้แน่นอน” ไป่ถิงถิงส่ายหน้า
“เห้อ.. จริงๆ ข้าก็ไม่อยากพูดคำนี้เสียเท่าไหร่”
“....”
“แต่ถ้าหากหางที่สี่ของเจ้าไม่มาจุติในเร็ววันนี้ ท่านมหาเทพคงต้องแต่งตั้งบุตรสาวของปีศาจงูขาวเป็นพระชายาแทนเจ้า”
ไป่ถิงถิงคลายกอดเหวินเซียวทันที “ท่านอาจารย์ว่าอย่างไรนะขอรับ”
“เทพเซียนทั้งหลายต่างลงความเห็นว่ามหาเทพสมควรที่จะมีพระชายาและคุณชายน้อยเสียที เทพเซียนทุกองค์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เวลาหลายหมื่นปีที่รอเจ้ามา มันนานมากพอแล้ว”
“แล้ว.. ท่านมหาเทพว่าอย่างไรบ้างท่านอาจารย์”
“ท่านมหาเทพเหมือนว่าจะเห็นด้วยนะ”
“เห็นด้วยได้ยังไง!!! เขาเป็นคนบอกข้าเองว่าให้ข้าลงมาฝึกวิชาบนโลกมนุษย์ เมื่อข้ามีหางครบทั้งเก้าหางข้าก็จะได้เป็นพระชายา ท่านมหาเทพพูดกับข้าด้วยตัวเองเลยนะท่านอาจารย์”
“แล้วอย่างไร สามหมื่นปีที่ท่านมหาเทพรอเจ้ามานี้ยังไม่พออีกหรือ ข้ารู้ว่าทั้งเทพและปีศาจไม่มีสิ้นอายุขัย แต่เจ้าก็อย่าลืมว่าอย่างไรแล้วท่านมหาเทพก็ต้องมีทายาท เพื่อที่จะได้นั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างสบายใจ”
“แต่..”
“ไม่มีแต่” เหวินเซียวส่ายหน้า “พ่อแม่ของเจ้าฝากเจ้าเอาไว้กับข้า เจ้าอยากให้เขาผิดหวังหรือ”
“.....” ไป่ถิงถิงกัดปาก
“เลิกเล่นซน แล้วมาตั้งใจฝึกวิชาเสียที อย่างน้อยข้าขอให้เจ้าจุติหางใหม่มาให้ได้ แล้วข้าจะไปต่อรองกับท่านมหาเทพให้ รับรองว่าอย่างไรเจ้าก็ได้เป็นพระชายาแน่นอน ขอเพียงหางที่สี่ของเจ้าจุติเท่านั้น”
ไป่ถิงถิงถอนหายใจออกมาราวกับว่ายอมจำนน ก่อนจะพยักหน้าให้กับเหวินเซียวเบาๆ “ขอรับ ข้าจะตั้งใจฝึกวิชา”
“เช่นนั้นก็ดี ตอนนี้ก็ไปพักผ่อนเสีย เมื่อได้เวลาแล้วข้าจะให้ป๋อเฉิงไปตาม”
ไป่ถิงถิงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินออกมาจากศาลเจ้าด้วยสายตาเลื่อนลอย ร่างบางถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะแวะหยิบอาถังหูลู่ติดมือมาไม้หนึ่ง พลางยัดเข้าปากทั้งน้ำตา
“ยอมฝึกวิชาก็ได้ ฟืดดด ถ้าท่านไปแต่งงานกับปีศาจงูขาวนั่น ฟืดดดดด ข้าจะตามไปหยิกพุงท่านถึงประตูสวรรค์เลย ฮื่อ”
talk. สวัสดีจ้าวววววววว น้องถิงถิงลูกชายคนใหม่มาแล้วค่ะ หวังว่าทุกคนจะเอ็นดูน้องนะคะ อิอิ
ตี้จะพยายามอัพทุกวันแบบที่เคยทำค่ะ แพลนในหัวตอนนี้คือเรื่องยาว แต่มารอดูกันส่าจะยาวได้กี่ตอน