ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววเหม่อลอยขณะจดจ้องไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ ขณะนี้จักราเทพกำลังตกอยู่ในภวังค์ เขาเผลอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนั้นที่ทำให้ไม่สามารถลืมมันได้ แอบตกใจไม่น้อยที่รู้ว่าลัลลนานั้นยังบริสุทธิ์อยู่ เขานึกว่าเธอจะผ่านมือชายมาหลายคนแล้วเสียอีก อีกทั้งรูปร่างของเธอยังเย้ายวนจนติดตาเขามาจนถึงทุกวันนี้
“บอสครับ ใกล้เวลาปิดคลินิกแล้วครับ” ผู้ช่วยส่วนตัวหนุ่มเดินเข้ามาเตือนเมื่อเห็นเจ้านายเหม่อลอยไปไกล ไม่ได้ดูงานในจอคอมพิวเตอร์เลยสักนิด
จักราเทพหลุดจากภวังค์ทันที วันนี้เขาโดนพนักงานเรียกเตือนสติอยู่สองสามครั้งแล้ว นิ้วชี้เรียวปัดจมูกไปมาอย่างอารมณ์เสีย พานนึกไปว่านี่เขาโดนยัยนั่นทำของใส่หรือเปล่า ทำไมถึงได้ติดใจเธอมากขนาดนี้ ทั้งกลิ่นกายหอมละมุนที่ติดอยู่ที่ปลายจมูก ทั้งรสรักที่เขาได้สัมผัสจนทำให้อยากทำแบบนั้นกับเธออีกครั้ง ทั้งเนื้อนิ่มและเสียงครางหวานแผ่วเบาที่ยังจำไม่ลืมนั่นอีก
‘อ๊า… อยากชะมัด’
ชายหนุ่มคิดด้วยใจร้อนรุ่ม พลันแก่นกายที่อยู่ภายใต้กางเกงก็เครียดแข็งขึ้นมาจนคับแน่น เขามองออกไปยังหน้าต่างก็พบว่าดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าแล้ว จึงเร่งตรวจงาน จากนั้นก็ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงพร้อมกับสั่งพนักงานให้ปิดคลินิกแล้วเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่พกมาใส่กระเป๋าสะพายข้างขนาดกลาง เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็จัดการปิดไฟและตรวจตราความเรียบร้อยของสถานที่ก่อนจะเดินออกมา
ผู้ช่วยส่วนตัวของจักราเทพล็อกประตู จากนั้นพนักงานก็เริ่มทยอยกลับบ้านกัน ขายาว ๆ ก้าวเดินไปยังรถเก๋งคันหรูสองประตูที่จอดอยู่หน้าคลินิก ปรากฏว่าหางตาชำเลืองไปเห็นชายสามคนที่เดินมาหา เขาจึงหันหน้าไปมอง ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นมาดีหรือมาร้าย ทว่าดูจากการแต่งกายสวมสูทผูกไทด์ขาวดำนั่นแล้ว คงไม่พ้นเป็นบอดีการ์ดของใครสักคนที่มีอำนาจเป็นแน่
“สวัสดีครับคุณจักราเทพ” เสียงทุ้มติดแหบของชายที่อยู่ตรงกลางเอ่ยขึ้น พร้อมทั้งยื่นมือออกมาข้างหน้าเพื่อทำความรู้จักกับเจ้าของคลินิก หากแต่จักราเทพไม่สนใจมือที่ยื่นออกมา เขาทำเพียงตอบรับสั้น ๆ
“ครับ”
ชโลธรเดินออกมายืนข้างเจ้านายหนุ่มทันที พร้อมกับบอดีการ์ดสองคนเพื่อปกป้อง
“ผมชินวุฒิ มาจากตระกูลเครือจินดาครับ” ชายคนนั้นแนะนำ ทั้งยังเอ่ยถึงตระกูลที่ตนเองรับใช้ พลันหัวคิ้วของจักราเทพขมวดเข้าหากันด้วยรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีชอบกล
ชายทั้งสามที่แต่งตัวใส่สูทผูกไทด์มานั้น… มาจากตระกูลเครือจินดาของลัลลนานั่นเอง
“พวกผมจับตามองอาคารหลังนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว ถ้าจะ…”
“ฉันไม่ขาย” จักราเทพไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบด้วยซ้ำ เขาปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดทันทีที่รู้จุดประสงค์ เขาไม่มีความตั้งใจจะขายตึกนี้เลยแม้แต่น้อย
“แต่เรามีข้อเสนอให้คุณ”
“อะไรล่ะ” จักราเทพเลิกคิ้วรอฟัง ขนาดเขาปฏิเสธขนาดนี้ยังมีหน้ามายื่นข้อเสนออีกเหรอ
“จุดประสงค์ของเราคือต้องการซื้อตึกของคุณเพื่อเปลี่ยนเป็นห้างสรรพสินค้า เรายินดีจ่ายเงินให้คุณเป็นจำนวนมาก”
หลังฟังจบใบหน้าหล่อเหลาก็ส่ายหัวปฏิเสธอีกครั้ง
“ขอโทษนะ ฉันไม่มีทางขายที่ให้พวกแกหรอก เพราะฉันไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน พวกแกรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นลูกใคร” จักราเทพพูดออกไปอย่างไม่สนใจ เพราะถ้าเทียบกันจริง ๆ แล้ว ตระกูลเขามีมากว่าเครือจินดาหลายขุม เขาหันหลังกลับขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที โดยมีชโลธรกับบอดีการ์ดขับรถตามไป
…
“โอ๊ย ! เจ็บจังเลย” ลัลลนาบ่นกระปอดกระแปดเมื่อทานอะไรก็รู้สึกเสียวฟันและปวดฟันกรามไปหมด ตอนแรกเธอกะว่าจะปล่อยผ่านเพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็คงหายเอง ทว่านานเข้ากลับเป็นหนักกว่าเดิมจนเธอทานอะไรไม่ได้
หญิงสาววางขนมในมือลงก่อนจะคว้าโทรศัพท์ค้นหาคลินิกทำฟันที่ดีที่สุด ทั้งยังตามอ่านรีวิวของผู้คนที่ไปใช้บริการด้วย กระทั่งพบคลินิกที่ถูกใจเข้า เธอก็คว้ากุญแจรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงคลินิกลัลลนาก็เข้าจองคิวทันที เธอนั่งรออยู่นานกว่าจะถึงคิวตัวเอง โชคดีที่วันนี้เป็นวันจันทร์ ไม่อย่างนั้นเธอได้นั่งรอคิวจนตะคริวกินขาชาไปหมดแน่ เธอเปิดประตูเข้าไปในห้องรักษาหลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้แจ้งอาการกับพนักงานไว้แล้ว คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อพบเจอแผ่นหลังที่คุ้นเคย นัยน์ตากลมโตหรี่มองเจ้าของแผ่นหลังกว้างนั้น พลางภาวนาขอให้ไม่ใช่คนที่เธอคิด
“คนไข้นั่งที่เก้าอี้ได้เลยนะครับ” เสียงทุ้มนั่นก็คุ้นหูเสียจนสะกิดใจ แล้วไหนจะกลิ่นน้ำหอมที่เธอหลงใหลอีก ลัลลนานั่งลงตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตามที่อีกฝ่ายพูด ดวงตาก็จ้องแผ่นหลังกว้างไม่วางตา และเมื่อคุณหมอทำอะไรเสร็จก็หันกลับมาเพื่อที่จะตรวจคนไข้ ทว่าต้องตกใจกับใบหน้าสวยหวานที่นั่งตรงเก้าอี้
“!!!”
“!!!”
ทั้งสองเบิกตากว้างตะลึงงัน ไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่ได้ โดยเฉพาะลัลลนาที่ไม่ได้ศึกษาเจ้าของคลินิกนี้ให้ดีก่อนว่าเป็นใคร เธอไม่ยักรู้ว่าจักราเทพเปิดคลินิกด้วย พลันความทรงจำในคืนนั้นก็หวนกลับมาฉายภาพวนในสมอง ทำให้ดวงหน้าสวยหวานขึ้นสีจนต้องก้มหน้าลงจ้องตักตัวเอง
ตรงกันข้ามกับลัลลนา… จักราเทพหรี่ตาลงมองเธออย่างไม่ไว้ใจ คิดในใจว่าเธอคงมาเพราะต้องการหว่านล้อมให้เขาขายตึกให้แน่ ๆ
“ฉันไม่ตรวจให้เธอ กลับไปซะ” จักราเทพกล่าวเสียงเรียบ พลางหันกลับไปจัดเก็บอุปกรณ์ต่อโดยไม่สนใจหญิงสาว