เจ้าของบริษัทซึ่งเป็นชายวัยกลางคนพูดกระเซ้ายิ้มๆ พลางมองเลขาฯ ที่ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้า แล้วอดไม่ได้ที่จะนึกชมเชยอีกฝ่ายอยู่ในใจ นอกจากความสวยที่โดดเด่นเป็นเอกแล้ว ความสามารถเรื่องงานบวกความเฉลียวฉลาดที่มักจะหาได้ยากยิ่งในตัวผู้หญิงสวยสมัยนี้ เพราะผู้หญิงสวยส่วนใหญ่มักจะมันสมองน้อย แต่คงต้องยกเว้นเลขาฯ ส่วนตัวของเขาผู้นี้
“คาดว่าจะเอามาให้แพงเช้ากว่าคนอื่นมั้งคะบอส” เลขานุการคนสวยพูดยิ้มๆ ซึ่งได้รับเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างชอบอกชอบใจจากคนเป็นเจ้านาย
“เจ้าของดอกไม้คงต้องหนาวหน่อยนะ ที่ริมาขายขนมจีบเลขาฯ ผม”
คนเป็นเลขาฯ ยกริมฝีปากขึ้นยิ้มนิดหนึ่ง “ว่าแต่บอสมีอะไรเรียกใช้แพงแต่เช้าคะ”
“ผมจะต้องบินไปสวิตเซอร์แลนด์ด่วนเย็นนี้ คุณไปจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ผมด้วย แล้วที่สำคัญ คุณก็ต้องเดินทางไปกับผม”
คำพูดของเจ้านายทำให้พิมพกานต์อุทานออกมาน้ำเสียงตื่นเต้น “สวิตเซอร์แลนด์หรือคะ!”
สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศในฝันที่หญิงสาวอยากไปมากที่สุด ทว่าที่ยังไม่ได้ไปไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน ปัญหาอยู่ที่ว่ายังหาเวลาและโอกาสไม่ได้นั่นเอง แม้บริษัทจะจัดทำวีซาและมีแผนจะส่งเธอไปดูงานที่นั่นหลายต่อหลายครั้ง แต่แผนที่ว่ามีอันถูกยกเลิกทุกครั้ง เวลานี้ทั้งสองอย่างนั้นเดินทางมาหาตัวเธอแล้ว ซึ่งเธอคิดว่าถ้าไม่ได้ไปคงเสียดายแย่
“ใช่ คุณกลับไปเตรียมตัวได้เลย”
“ค่ะบอส”
พิมพกานต์รับคำด้วยความยินดี เดินกลับไปยังโต๊ะทำงานแล้วยกหูโทรศัพท์ขึ้น เพื่อจะจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ผู้เป็นเจ้านาย ทว่าสมาร์ตโฟนที่เธอชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้พลันสว่างวาบขึ้น เป็นสัญญาณให้รู้ว่ามีคนโทร. เข้ามา หญิงสาวจึงวางโทรศัพท์ที่ถืออยู่ลงแล้วเอื้อมมือไปคว้ามากดรับสาย ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไปน้ำเสียงร้อนรนของผู้เป็นน้าสาวก็ดังขึ้นมาทันที
“น้องแพง ตกลงว่าไง เรื่องกลับบ้าน”
คนถูกถามลังเลขึ้นมาในทันใด แล้วก็ตัดสินพูดออกไป “พอดีแพงต้องเดินทางไปต่างประเทศกับเจ้านายด่วนจ้ะน้าเพ็ญ”
คนในสายเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดว่า “ตอนนี้พี่พิมพ์ยังถ่ายไม่หยุด หมอกำลังรอดูอาการอย่างใกล้ชิด บอกว่าอาจอยู่ในภาวะติดเชื้ออะไรสักอย่าง และถ้าติดเชื้อที่ว่านั่นจริง ต้องย้ายเข้าห้องไอซียู แล้วตอนนี้ไข้ก็ขึ้นสูงมาก เพ้อถึงแต่น้องแพง นั่น...หมอเรียกแล้ว น้าคงต้องวางหูก่อนนะ”
พิมพกานต์มองสมาร์ตโฟนในมือด้วยจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวนัก ความคิดสองอย่างกำลังตีกันให้วุ่นวายจนต้องยกมือขึ้นนวดขมับ ตอนนี้เธอกำลังชั่งใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ระหว่างเดินทางไปประเทศในฝันของเธออย่างสวิตเซอร์แลนด์กับเจ้านาย กับกลับไปดูมารดาที่นอนป่วยที่โรงพยาบาล
แล้วภาพเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าพลันวาบเข้ามาในห้วงความคิด บวกกับคำพูดของผู้เป็นน้าก่อนวางสาย ที่ว่ามารดาของเธออาจอยู่ในขั้นภาวะติดเชื้อ และถ้าติดเชื้อจริงก็ต้องเข้าห้องไอซียูซึ่งหมายถึงห้องผู้ป่วยหนัก
‘แล้วไข้ก็ขึ้นสูงมาก เพ้อถึงแต่น้องแพง’
คำพูดสุดท้ายของผู้เป็นน้าทำให้พิมพกานต์ตัดสินใจได้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
สวิตเซอร์แลนด์ไปเมื่อไหร่ก็ได้!
เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวจึงเดินเข้าไปในห้องของผู้เป็นเจ้านายผู้กำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่
“บอสคะ”
“ว่าไงคุณแพง มีอะไรหรือเปล่า หน้าตาดูไม่ดีเลย” คนเป็นเจ้านายเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าฉายแวววิตกกังวลของเลขาฯ สาว
“แพงคงไปสวิตเซอร์แลนด์กับบอสไม่ได้แล้วค่ะ”
“อ้าว ทำไมล่ะคุณแพง”
“แม่ของแพงนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล แพงจะเข้ามาขออนุญาตลากลับบ้านไปดูแม่ค่ะบอส”
หญิงสาวบอกเล่าถึงสาเหตุออกไป ซึ่งคนเป็นเจ้านายก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“อ้อ ไม่เป็นไร ถ้างั้นตอนนี้คุณกลับไปได้เลย ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินเดี๋ยวผมให้คุณสุภาวัลย์จัดการให้แทนแล้วกัน”
สุภาวัลย์เป็นผู้ช่วยของพิมพกานต์ หญิงสาวได้ฟังก็รู้สึกสบายใจขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นแพงคงต้องขอตัวกลับเลยนะคะ”
“ขอให้คุณแม่หายป่วยไวๆ นะครับคุณแพง สวิตเซอร์แลนด์ไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่แม่น่ะเราคงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว”
“ขอบคุณค่ะบอส”
เมื่อกลับมายังโต๊ะทำงานเพื่อเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน เสียงสมาร์ตโฟนก็ดังขึ้นทันทีราวกับรู้ และผู้ที่โทร. มาไม่พ้นเป็นน้าสาวที่เอ่ยถามทันทีที่เธอกดรับสาย
“ตกลงน้องแพงจะกลับบ้านหรือจะไปสวิตเซอร์แลนด์”
หางเสียงของผู้เป็นน้าคล้ายเจือแววน้อยอกน้อยใจ ทำให้พิมพกานต์ต้องรีบบอกออกไป “เดี๋ยวแพงถึงสนามบินแล้วจะโทร. บอกน้าเพ็ญนะจ๊ะ”
พิมพกานต์ใช้เวลาในการเดินทางประมาณสี่สิบห้านาที ก็ถึงที่หมายคือสนามบินจังหวัดตราด ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวกวาดมองไปยังสนามบินขนาดเล็ก ที่ตัวเองเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก บรรยากาศรอบๆ คล้ายกับสนามบินของเกาะสมุยแต่ขนาดยังถือว่าเล็กกว่ามาก ซึ่งเธอคิดว่าถ้ามีการปรับปรุงภูมิทัศน์บางส่วน ในอนาคตต้องเป็นสนามบินที่มีคนกล่าวขวัญถึงไม่แพ้ที่เกาะสมุยอย่างแน่นอน
ขณะที่กำลังคิดจะกดโทรศัพท์เพื่อโทร. หาผู้เป็นน้าอยู่นั้น ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงของคนที่กำลังนึกถึงดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“น้องแพง”