พายุรักไฟเสน่หา ภาคต่อจากเรื่อง พิศวาสรักทาสเสน่หา
++++++++++++
มหานครโตเกียว...
ในค่ำคืนอันเงียบสงัดของฤดูหนาวในเมืองโอเมะ คลื่นสายลมพัดหวีดหวิดหอบเอาความหนาวเย็นของละอองหิมะขาวสะอาด ที่กำลังโปรยปรายจากฟากฟ้าลงมาไม่ขาดสายปกคลุมดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัยจนขาวโพลนไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าบรรยา
กาศข้างนอกจะหนาวเหน็บเย็นยะเยือกมากสักเพียงใด ทว่าภายในห้องนอนหรูหราของคุณหนูแห่งตระกูลคานาเมะ ผู้เป็นเจ้าของห้องกลับนอนขดตัวสบาย เพราะอุปกรณ์ทำความร้อน ได้ปรับอากาศภายในห้องนอนให้อบอุ่นสบายจนคุณหนูหลับลึกโดยไม่รู้เลยว่า ภัยกำลังเคลื่อนตัวเข้ามารดต้นคอในทุกขณะจิต
ประตูห้องนอนของคุณหนูแห่งตระกูลคานาเมะ ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา พร้อมๆ กับการมาถึงของมัจจุราชร้ายในคราบของมนุษย์ ซึ่งกำลังขับรถเบนซ์สีดำคันใหญ่เข้ามาภายในอาณาบริเวณของคฤหาสน์ใหญ่โตบนเนื้อที่นับสิบไร่
“ยูริ! ตื่นเดี๋ยวนี้ลูก”
น้ำเสียงที่กระซิบเรียกแผ่วเบา ไม่สามารถปลุกคุณหนูยูริ หรือ รินรดา คานาเมะ คุณหนูคนเดียวของตระกูลให้ตื่นจากการหลับใหลได้ จวบจนกระทั่งฝ่ามืออันแสนอบอุ่นของผู้เป็นมารดา เอื้อมไปเขย่าร่างบางระหงของผู้เป็นลูกสาวเบาๆ รินรดาจึงสะดุ้งตื่นลุกพรวดนั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“คุณแม่...มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ผู้ที่ผวาตื่นจากนิทรารมณ์อันแสนสบาย เอ่ยถามมารดาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงอาการตื่นตระหนกตกใจ พยายามปรับสายตาให้คุ้นเคยกับความมืดมิดในยามราตรีกาล ทว่าเมื่อความดำมืดยังเข้าครอบคลุมทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของมารดา รินรดา คุณหนูลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไทย ในวัยยี่สิบสี่ปีก็ทำท่าจะเอื้อมมือไปเปิดไฟดวงเล็กบนหัวเตียง หากแต่ถูกผู้เป็นมารดากระซิบห้ามไว้เสียก่อน
“อย่า! ยูริ อย่าเปิดไฟ”
คุณกสิณา หญิงไทยวัยค่อนคนผู้เป็นมารดาของรินรดา และเป็นภรรยของฮิคาระ คานาเมะ หัวหน้าแก๊งยากูซ่าคานาเมะในญี่ปุ่น ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการเด็ดหัวจากแก๊งอื่น ได้กระซิบบอกลูกสาว พร้อมกับเปิดไฟฉายหลอดเล็กๆ ให้แสงสว่างได้เข้ามาทำลายความมืดมิดแค่เพียงเล็กน้อยพอแค่มองเห็นหน้าลูกสาวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ ก่อนจะเอ่ยบอกลูกสาวอีกครั้ง
“ลุกขึ้นยูริ เก็บของเท่าที่จำเป็น แล้วออกไปจากบ้านพร้อมกับแม่นมยูคิ”
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณแม่ ยูริงงไปหมดแล้วนะคะ”
รินรดาจำต้องลุกขึ้นจากที่นอน เพื่อทำตามคำสั่งของมารดาทั้งๆ ที่ความฉงนสงสัยยังคงวิ่งวนอยู่ทั่วดวงตากลมโตดำขลับ พอก้าวลงจากเตียงหญิงสาวก็เห็นแสงไฟจากหน้ารถเบนซ์หลายสิบคันที่ส่องวาบลอดผ้าม่านเข้ามากระทบดวงตา ก่อให้เกิดความสงสัยอีกหนจนต้องหันมากระซิบถามมารดาอีกครั้ง
“ลูกน้องของคุณพ่อเพิ่งกลับมาจากทำงานหรือคะคุณแม่”
“ไม่ใช่! ยูริอย่าเพิ่งถามแม่ หนูมีเวลาไม่มากแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้” คุณกสิณาสั่งลูกสาวเสียงร้อนรน กระชากเสื้อผ้าออกจากตู้เสื้อผ้าเท่าที่มั่นใจว่า มันจะช่วยปกป้องจากลมหนาวของละอองหิมะให้กับลูกสาวของนางได้ จากนั้นก็ยื่นให้ลูกสาวทันที
ส่วนแม่นมยูคิ โซระ ผู้มีฐานะเป็นแม่นมของรินรดา รีบคว้าเอกสารสำคัญต่างๆ รวมทั้งหนังสือเดินทางยัดใส่กระเป๋าหนังสีดำให้กับคุณหนูคนสวยที่นางพร่ำเลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะ โดยไม่พูดไม่จาว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นภายในคฤหาสน์คานาเมะ จนทำให้นางและคุณกสิณาผู้เป็นนายหญิงต้องปลุกให้ลูกสาวลุกขึ้นมาแต่งตัวท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืนอันแสนเหน็บหนาว
รินรดารับเสื้อผ้าจากมือของมารดามาสวมอย่างรวดเร็วๆ ในจังหวะที่กำลังติดกระดุมเสื้อโค้ทตัวหนา พลันนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นเหตุการณ์ด้านนอกคฤหาสน์พอดี แค่เพียงได้เห็นผู้ที่กำลังก้าวลงมาจากรถเบนซ์หรูหรา ร่างบางระหงก็ถึงกับตัวแข็งทื่อ หายใจติดขัดราวกับมัจจุร้ายได้กระชากดวงวิญญาณครึ่งหนึ่งออกไปจากร่างกายของเธอแล้ว
ยาสุโนะ ไคจิ หัวหน้าแก๊งยากูซ่ายาสุโนะ ที่ไม่เคยรู้จักคำว่าปราณี กำลังต้องการเก็บกวาดจัดเสี้ยนหนามที่เป็นอุปสรรคในการผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดของการเป็นยากูซ่า หรือที่สื่อในโลกตะวันตกเรียกว่า มาเฟียญี่ปุ่น และหนึ่งในแก๊งยากูซ่าที่ยาสุโนะต้องการกำจัดก็คือยากูซ่าแก๊งคานาเมะ ซึ่งมีฮิคาระ คานาเมะ บิดาของรินรดาเป็นหัวหน้าแก๊ง แค่เพียงเห็นยาสุโนะ ไคจิ ก้าวลงมาจากรถ รินรดาก็ล่วงรู้ได้ทันทีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเธอ หญิงสาวถลาไปหามารดาเกาะแขนท่านไว้แน่น เมื่อล่วงรู้แล้วว่า ท่านกำลังต้องการให้เธอหนี!
“คุณแม่ ยูริจะไม่หนี จะไม่ไปไหนทั้งนั้น ยูริจะอยู่กับคุณพ่อ คุณแม่ ถ้าหากจะตาย เราก็ต้องตายด้วยกันนะคะ”
รินรดาพึมพำอ้อนวอนทั้งน้ำตานองหน้า หากเธอหนีไปจากบ้านในวันนี้ เธอจะไม่มีโอกาสได้พบหน้าบุพการีทั้งสองอีกต่อไป หากแม้ต้องตาย เธอก็พร้อมตายกับบิดามารดาเสียดีกว่าต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไม่มีท่านทั้งสอง
คุณกสิณาส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่สนใจคำวิงวอนของลูกสาว นางรับกระเป๋าหนังสีดำมาจากมือของแม่นมยูคิ ก่อนจะดึงมือเล็กทั้งสองของลูกสาวให้มารับกระเป๋าไปถือไว้แน่น
“ไป! ยูริ ลูกต้องไปเดี๋ยวนี้”
“แต่ยูริอยากอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ยูริยอมตาย แต่จะไม่ยอมหนีเอาตัวรอดคนเดียวค่ะ”
รินรดาร้องบอกปนสะอื้น ไม่ยอมก้าวเดินออกจากห้องนอน จนผู้เป็นมารดาและแม่นมยูคิต้องช่วยกันฉุดให้หญิงสาวออกจากห้อง แล้วก้าวลงตามบันไดบ้านหลบออกไปทางข้างหลังบ้าน ก่อนที่ยาสุโนะจะมาเห็นพวกเธอเข้า
“ยูริ หนูต้องหนีไปนะลูก” คุณกสิณาเอ่ยบอกระคนออกคำสั่งไปในตัว
“คุณแม่คะ ทำไมเราต้องกลัวไอ้ยาสุโนะด้วย คุณพ่อมีลูกน้องตั้งมากมาย ยังไงๆ พวกเราก็ไม่มีทางแพ้ไอ้ยาสุโนะหรอกค่ะ”
รินรดาค้านคำพูดของมารดาทั้งน้ำตานองหน้า หญิงสาวไม่อยากหนีเอาตัวรอดคนเดียวตามที่มารดาต้องการให้เป็นเช่นนั้น
“เรามีลูกน้องมากก็จริงนะยูริ แต่ไอ้ยาสุโนะมันฉลาดมาก มันจัดงานเลี้ยงเพื่อหลอกให้คุณพ่อและลูกน้องของคุณพ่อไปในงานเลี้ยงที่บ้านของมัน มันรู้ว่าคุณพ่อไม่ชอบหน้ามัน และต้องอยู่ในงานเลี้ยงไม่นาน จึงหลอกให้ยากูซ่าแก๊งอื่นๆ ไปรวมตัวอยู่ในบ้านของมันหมดทุกแก๊ง เพื่อไม่ให้ยากูซ่าแก๊งอื่นๆ ตามมาช่วยพวกเราได้ขณะมันส่งลูกน้องของมันตามมาฆ่าพวกเรา คุณพ่อชะล่าใจในตัวไอ้ยาสุโนะมากเกินไป พวกเราไม่คิดว่ามันจะกล้ากำจัดพวกเราเร็วถึงเพียงนี้”