“พ่อเลี้ยงจะไปออกร้านด้วยไหมคะ ถ้าหากจะออกร้านด้วย เดี๋ยวรบกวนเซ็นชื่อตรงนี้นะคะ แล้ววีจะจัดทำเลที่ดีที่สุดให้กับพ่อเลี้ยงเลยค่ะ”
เมธวียื่นกระดาษที่พิมพ์รายชื่อของไร่กาแฟ ไร่ชา และร้านค้าต่างๆ ที่จะออกร้านในเทศกาลประจำปี ซึ่งมีช่องเซ็นชื่อว่าจะไปร่วมออกร้าน หรือไม่ประสงค์ออกร้าน ไปข้างหน้าเกือบจะวางแหมะบนหน้าตักของพ่อเลี้ยงคิวากร และเท่านั้นยังไม่พอ หญิงสาวยังเบียดกายเข้าใกล้จนหน้าอกนุ่มๆ เกือบแนบไปกับต้นแขนแข็งแกร่ง หากพ่อเลี้ยงหนุ่มไม่กระชากกระดาษไปจากมือของเธอแล้วผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ตนเองต้องถูกเมธวีลูบไล้ไปมากกว่าที่เป็นอยู่
‘ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งถูกผู้หญิงลวนลามก็คราวนี้นี่แหละ ไอ้คิวากรเอ๋ย’
“ไอ้ทิมไปเอาปากกามา”
พ่อเลี้ยงคิวากรสั่งเสียงเข้ม ทั้งๆ ที่ดวงตาคมกริบยังคงจับจ้องมองเมธวีเขม็ง ซึ่งหาเป็นการทอดมองด้วยแววพิศวาสบาดลึกไม่ แต่เพื่อเป็นการจับความเคลื่อนไหวของหญิงสาวผู้นี้ หากเมธวีลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้เขาเมื่อไร เขาก็เตรียมพร้อมกระโจนหนีทันที และเมื่อทิมหยิบปากกามายื่นให้ พ่อเลี้ยงหนุ่มก็รีบเซ็นชื่อลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเอ่ยบอกให้เมธวีรู้ด้วยว่า เขารับคำเชิญของท่านนายกอบต. เรื่องการออกงานในเทศกาลประจำปี
“ฝากเรียนท่านนายกอบต. ด้วยนะครับว่า ผมจะไปออกร้านด้วย ส่วนเรื่องทำเลจะจัดให้ผมตรงไหนก็ได้ ผมไม่เกี่ยงครับ”
พ่อเลี้ยงคิวากรไม่ได้ยื่นกระดาษที่เซ็นชื่อตอบรับคำเชิญเรียบร้อยแล้วให้กับเมธวี แต่กลับยื่นให้ลูกน้องคนสนิทแทน เพื่อให้ทิมนำไปส่งให้กับเมธวีอีกที
เมธวีกระชากกระดาษมาจากมือทิม ใบหน้างามซึ่งตกแต่งมาอย่างดีถึงกับเก็บอารมณ์โกรธขึ้งไม่อยู่กับการกระทำของพ่อเลี้ยงคิวากร ที่แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่อยากอยู่ใกล้เธอแม้แต่วินาทีเดียว
“ขอบคุณมากๆ ค่ะพ่อเลี้ยง วันงานวีจะไปช่วยพ่อเลี้ยงชงกาแฟขายนะคะ”
“โอ้!”
พ่อเลี้ยงคิวากรแสร้งร้องเสียงหลง ก่อนจะเอ่ยพูดต่อให้เมธวีหน้าม้านครั้งแล้วครั้งเล่า
“ไม่เป็นการรบกวนคุณเมธวีขนาดนั้นหรอกครับ ผมมีลูกน้องเกือบครึ่งร้อย เดี๋ยวผมจะเกณฑ์คนของผมไปขายผลิตภัณฑ์กาแฟเองนะครับ”
“แหม! พ่อเลี้ยงไม่ยอมรับน้ำใจของวีเลยนะคะ”
เมธวีต่อว่าต่อขานอย่างมีจริตจะก้าน ทั้งๆ ที่ในใจนั้นโกรธพ่อเลี้ยงคิวากรอยู่มาก ที่ปิดประตูแทบทุกบานไม่ให้เธอเข้าใกล้เขาได้
“ผมเป็นคนที่ขี้เกรงใจคนนะครับ ไม่อยากรบกวนคนนอก ทำให้เขาพลอยลำบากไปด้วย แต่ก็ต้องขอบคุณคุณเมธวีด้วยนะครับที่อุตส่าห์มีน้ำใจกับผม”
นอกจากจะเป็นอดีตนักฆ่าที่ยิงปืนแม่นราวกับจับวางแล้ว พ่อเลี้ยงคิวากรยังเป็นนักเจรจาต่อรองฝีปากจัดจ้าน แก้ต่างให้กับตัวเองได้อย่างแนบเนียนที่สุด
“เอ๋...จะแปดโมงครึ่งแล้วนี่ครับ ใกล้เวลารูดบัตรเข้าทำงานแล้ว คุณเมธวีจะไปทำงานเลยไหมครับ ผมจะได้ออกไปเก็บเมล็ดกาแฟด้วย”
พ่อเลี้ยงคิวากรไล่เมธวีทางอ้อม หลังจากทำเป็นยกนาฬิกาข้อมือราคาแพงขึ้นมองเวลาเสร็จแล้ว
“เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ค่ะ จากไร่พ่อเลี้ยงไปถึง อบต. วีขับรถไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงที่ทำงานแล้วค่ะ หรือถ้าไปไม่ทันจะเข้าทำงานสายสักสิบยี่สิบนาทีก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะพ่อเลี้ยง”
เมธวีไม่ยอมให้พ่อเลี้ยงหนุ่มไล่เธอง่ายๆ เรื่องการไปทำงานให้ตรงต่อเวลา ไม่กินเวลาของทางราชการ ไม่เคยอยู่ในหัวสมองของเธออยู่แล้ว และด้วยอำนาจบารมี อำนาจเงินของบิดามารดาซึ่งแผ่อำนาจไปทั่วที่ทำงาน ทำให้ไม่มีใครกล้าตำหนิต่อว่าเธอแม้แต่คนเดียว
พ่อเลี้ยงคิวากรแสร้งทำเสียงไม่พอใจอยู่ในลำคอ จากนั้นก็ตอกกลับให้เมธวีหน้าเสียยิ่งกว่าหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา
“แบบนี้ไม่ดีเท่าไรเลยนะครับ คุณเป็นข้าราชการกินเงินเดือนของประชาชนตาดำๆ ที่อุตส่าห์เสียภาษีให้กับทางรัฐเพื่อนำมาจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับข้าราชการทั้งหลาย เพราะฉะนั้นคุณเมธวีก็ต้องทำงานให้คุ้มกับเงินเดือนหน่อยสิครับ”
‘ไอ้บ้า! หลอกด่าอยู่ได้’
เมธวีกัดฟันแน่นตะโกนด่าอยู่ในใจด้วยความขัดเคือง เมื่อเห็นท่าว่า วันนี้ไม่ใช่วันของเธอ เพราะถูกพ่อเลี้ยงคิวากรตอกหน้าหงายมาหลายรอบแล้ว จึงต้องตัดใจถอยทัพก่อน เพราะขืนรุกประชิดไปมากกว่านี้ก็ยิ่งทำให้เสียคะแนนไปมากกว่าเดิมอีก
“ถ้ายังงั้นวีไปทำงานก่อนนะคะ เดี๋ยวตอนเย็นๆ วีจะเอาแผนผังการตั้งร้านค้า รวมทั้งกำหนดการต่างๆ มาให้พ่อเลี้ยง”
“ครับ ได้ครับ”
พ่อเลี้ยงคิวากรรีบพยักหน้ารับ สาบานได้ว่าเย็นนี้เขาไม่รอต้อนรับเมธวีอย่างแน่นอน แต่จะบอกให้เมธวีล่วงรู้ไปไย ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงถูกหญิงสาวคนนี้ตามตื๊อไปทุกหนทุกแห่งแน่ แค่ไล่หญิงสาวให้กลับไปทำงานก็หืดขึ้นคอแล้ว และเมื่อเมธวีเดินไปขึ้นรถแล้ว พ่อเลี้ยงหนุ่มก็ฉีกยิ้มกว้างโบกมืออำลาให้กับหญิงสาว พร้อมกันนั้นก็เอ่ยบอกลูกน้องคนสนิทที่ก้าวเดินมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ ตนเอง
“ไอ้ทิม เย็นนี้ข้าจะไปกินข้าวที่บ้านพี่สิงห์ ถ้าคุณเมธวีมาหา ให้แกยืนกระต่ายขาเดียวตอบไปเลยว่า ไม่รู้ว่าข้าไปไหน และไม่รู้ว่าจะกลับไร่เมื่อไรด้วย”
“อ้าว! พ่อเลี้ยงไม่อยู่ต้อนรับคุณเมธวีหรือครับ” ทิมเอ่ยถามพาซื่อ หาเรื่องวอนให้ถูกเตะเป็นรอบที่สามในรอบวัน
พ่อเลี้ยงคิวากรหันมาถลึงตาใส่ลูกน้องคนสนิท พร้อมกับเอ่ยตอบเสียงขุ่นๆ
“อยู่ให้โง่หรือวะ แกก็เห็นว่า คุณเมธวีจ้องจะเขมือบข้าทุกนาที ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วคุณเมธวีเกิดเป็นงูอนาคอนด้าหรือยังไงนะ เห็นข้าทีไรก็ทำท่าจะเขมือบลงไปอยู่ในท้องของเธอให้ได้”
เอ่ยเปรียบเปรยอย่างหงุดหงิดอารมณ์เสียไปแล้ว พ่อเลี้ยงคิวากรก็หยิบหมวกใบใหญ่มาสวม ก่อนจะเดินลงจากตัวบ้านออกไปสัมผัสกับต้นไม้ใบหญ้าอันเขียวขจีที่เขาเฝ้าทะนุบำรุงมาร่วมแรมปี จนเติบโตผลิดอกออกผลเก็บผลผลิตมาจำหน่ายได้หลายพันตันแล้ว
จากตอนแรกตั้งใจว่าจะหลบหน้าเมธวี โดยการไปที่ไร่ของพี่เขยและพี่สาวในตอนบ่ายคล้อยก่อนที่เมธวีจะเลิกงาน แต่ด้วยเกรงว่าเมธวีจะกินเวลาราชการออกมาจากที่ทำงานก่อนเวลาเลิกงาน จึงเปลี่ยนใจไปที่ไร่ของพี่เขยในตอนเที่ยง กะว่าไปฝากท้องกินมื้อเที่ยงกับพี่สาวเลย
ด้วยอาณาเขตของไร่กาแฟที่อยู่ติดกัน มีแค่เพียงเสาปูนปักลงบนพื้นดิน ไม่มีลวดหนามขึงตึงไว้ พ่อเลี้ยงคิวากรจึงเดินลัดจากท้ายไร่เข้าไปที่ไร่ของพี่เขยได้เลย ระหว่างทางเดินเข้าไปถึงตัวบ้าน ก็ทักทายบรรดาคนงานในไร่ชิดารัณที่คุ้นเคยสนิทสนมกันเป็นอย่างดี พอเดินมาถึงบ้านพักหลังใหญ่ของพี่เขย ก็เห็นพี่สาวของตนเองกำลังช่วยเด็กรับใช้ลำเลียงอาหารมื้อเที่ยงมาตั้งโต๊ะตรงระเบียงด้านหน้าบ้านพัก
“โอ้โห! มาทันมื้อเที่ยงพอดีเลยแฮะ ลาภปากอีกแล้วเรา”
พ่อเลี้ยงคิวากรแกล้งเอ่ยเสียงดัง จากนั้นก็ก้าวเท้าขึ้นบันไดเตี้ยๆ หน้าบ้านพักทีละสองก้าว เข้าไปโอบกอดร่างอวบอิ่มของพี่สาวไว้แนบแน่น
“ว้าว! หลานของคินโตวันโตคืนเลยนะครับ ไม่ได้กอดพี่รัณแค่สองสามวันเอง ตอนนี้คินโอบแขนแทบจะไม่มิดตัวพี่รัณแล้ว”
พ่อเลี้ยงคิวากรแซวยิ้มๆ หลังจากผละกายออกจากร่างของพี่สาว ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนเศษแล้ว พ่อเลี้ยงหนุ่มทอดมองพี่สาวด้วยแววตาแห่งความสุข ดีใจที่พี่สาวของตนเองได้พานพบรักแท้กับบุรุษหนุ่มที่แสนดีอย่างสิงหนาท วรสรณ์ ซึ่งยอมมอบหัวใจทั้งสี่ห้องให้กับพี่สาวของเขาแต่เพียงผู้เดียว