“เดี๋ยวรบกวนนมวาสไปตามพยัคฆ์ลงมาที่นี่นะคะ” คุณรัศมีตักขนมหวานใส่ถ้วยใบเล็กๆโดยมีนารีเป็นลูกมือ เอ่ยไหว้วานนมวาสช่วยไปตามลูกชายสุดรัก เพราะไหนไหนก็ไหนไหนแล้วควรจะคุยกันให้รู้เรื่องสักที
ไม่ถึงสิบนาทีคนที่ทุกคนอยากพบก็ปรากฏตัวด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยอย่างไร้อารมณ์
“นั่งลงพยัคฆ์ปู่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“ถ้าจะคุยเรื่องเด็กคนนี้ผมไม่คุยนะครับ แล้วก็ยืนยันอีกครั้งว่าจะไม่ทำอะไรที่ใจผมไม่อยากทำและอย่าคิดที่จะคลุมถุงชน ผมไม่ใช่คนที่เกิดในสมัยอยุธยา ถ้าผมอยากมีเมียผมหาเองได้ไม่ร้องขอรบกวนใครครับ”
หลังหนาแผ่นหลังกว้างเตรียมหมุนตัวด้วยความเร็วเมื่อพูดความในใจในวันนี้เมื่อครู่นี้จนหมดเปลือก เท้าที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าต้องหยุดชะงักค้างกลางอากาศอัตโนมัติ เมื่อเสียงเหี้ยมของผู้เป็นปู่ดังขึ้นมาในโสตประสาท
“ถ้าแกไม่แต่งฉันก็ไม่บังคับ แต่ทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่ฉันมีและของทุกคนจะยกให้หนูนารีอย่างไม่มีข้อแม้ โดยที่แกจะไม่ได้อะไรเลยสักอย่างเดียว” พยัคฆ์ที่เท้าชะงักกลางอากาศยืนยิ้มหน้าบานในประโยคแรกของคุณปู่อย่างอารมณ์ดี แต่เพียงเสี้ยววินาทีปากที่ยิ้มฉีกกลับต้องหุบลงข่มกัดสันกรามจนแน่นปูดปูน ใบหน้าขรึมแดงฉานด้วยความฉุนเฉียวแสนน่ากลัว
“ถ้าอยากให้ผมแต่งนักผมก็จะแต่ง แต่ถ้าหลังจากแต่งกันแล้วใครจะลงนรกขุมไหน ยมบาลอย่างผมจะพิพากษาเองแล้วก็อย่ามาโอดครวญจนช้ำใจตายก่อนก็แล้วกัน” เสียงประกาศกร้าวที่ยืนหันหลังให้กับทุกคน ทำให้นารีนึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย ทำไมพี่พยัคฆ์ที่เธอรู้จักในวัยเด็กถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้นะ ดวงตากลมโตที่รายล้อมไปด้วยขนตางามงอนมองตามหลังแกร่งที่เดินลับไปด้วยหัวใจที่กระตุกเต้นระรัวด้วยความกลัว
“อย่าไปคิดมากกับสิ่งที่พี่เค้าพูดนะลูกหนูนารี แม่คุณปู่คุณย่าอยู่ด้วยทั้งคนหนูไม่ต้องกลัว อ้อ!ต่อไปนี้ห้ามเรียกว่าคุณท่าน ต้องเรียกคุณพ่อคุณแม่เข้าใจไหมลูก” คุณหญิงรัศมีกำชับคนตัวเล็กอย่างจริงจัง จนคนฟังพยักหน้ารับอย่างเข้าใจโดยไม่กล้าขัดอะไร ทั้งที่ใจและปากอยากจะเอ่ยขัดแต่ก็ไม่กล้าพอ
“เดี๋ยวแม่รัศมีไปหาฤกษ์ยามมา แม่ขอเร็วที่สุดนะไม่อยากไปสู้รบกับตาพยัคฆ์อีก” คุณย่าพุ่มเอ่ยอย่างเหนื่อยใจคุณปู่ก็พอยมีสีหน้าไม่สู้ดีนักที่ได้ปะทะวาจาคารมกับหลานไปเมื่อครู่ จนใบหน้าแดงก่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นารีได้แต่นั่งตัวลีบใจพะว้าพะวงไปหมด เธอเพียงแค่คิดว่าตัวเองเข้ามาอยู่ได้ไม่กี่วันก็สร้างเรื่องให้ทุกคนในบ้านวุ่นวายแล้วหรอ แล้วแบบนี้เธอจะมีความสุขได้ยังไงกัน
“โธ่เว้ย”
เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังอยู่ในห้องนอนตามมาด้วยเสียงรัวโครมครามของข้าวของภายในตกหล่นอย่างกระจัดกระจายแค่เพียงได้ฟังก็พอจะรู้ว่ามันต้องเละเทะมากขนาดไหน พยัคฆ์ผู้มีอารมณ์ร้อนในยามที่โมโหมักจะระบายด้วยการพังข้าวของนั้นคือการผ่อนคลายอารมณ์คุกรุ่นได้เป็นอย่างดี
“ฉันจะจัดให้เธอชนิดที่ว่าอยู่ไม่ได้กินไม่ลง เอาให้ขาดอากาศหายใจไปเลยคอยดูนารี”
สนามแข็งรถประดิษฐ์พิชัยสงคราม
สนามแข็งรถของนักซิ่งสี่ล้อที่มีไว้ประลองความเร็ว มีพื้นที่ขนาดใหญ่แบบครบวงจรเทียบเท่ากับสนามระดับเอเชีย ทุกคนที่เข้ามาประลองความเร็วต้องปฏิบัติตามกฎของที่นี่อย่างเคร่งครัด
พยัคฆ์เปิดสนามในช่วงค่ำเร่งความเร็วด้วยฝีเท้า 349 กม.ต่อ ชม. ระบายความโกรธลงใส่ตัวเครื่องยนต์ด้วยฝีเท้าไม่ยั้ง ช่วงเข้าโค้งพยัคฆ์ดริฟรถคู่ใจอย่างชำนาญเส้นทาง โดยทำการโอเวอร์สเตียร์เข้าหาโค้งโดยผ่านโค้งไปด้วยความเร็วอย่างมืออาชีพ
บรื้น~บรื้น~บรื้น
ตัวรถถูกขับเคลื่อนเข้ามาภายในที่มีทั้งระบบความปลอดภัย มีคนตรวจเช็กดูแลสภาพรถโดยตรงของสนาม
พยัคฆ์ก้าวลงมาจากรถด้วยชุดที่เซฟความปลอดภัย หมวกกันน็อกถูกถอดโยนให้ลูกน้องคู่ใจในทันท่วงทีอย่างฉิวเฉียดเหงื่อที่ท่วมตัวช่วยระบายความโกรธลงได้บ้างถึงมันไม่มากก็ตาม
“นายเอาเบียร์เย็นสักแก้วไหมครับ” กระทิงลูกน้องคนสนิทที่ดูแลรถแข่งสี่ล้อของนายพยัคฆ์เอ่ยปากถาม เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางการขับรถของเจ้านายที่เร่งเครื่องยนต์เบิ้ลรถจนแทบจะเหาะ
“เอามา” พยัคฆ์ดึงซิปด้านหน้าตัวชุดที่ทำมาจาก Nomex เป็นวัตถุดิบที่มีความทนต่อไฟสูง ดึงลงให้มากองอยู่ที่ช่วงเอวหนาอย่างระบายความร้อน เค้าเดินไปที่โซฟาตัวยาวหย่อนก้นนั่งในท่าที่สบาย ยื่นขาส่งไปด้านหน้าพาดกับที่วางเท้าอย่างเหนื่อยล้า
“นี่ครับนาย เบียร์วุ้นเย็นๆ ที่นายชอบ” พยัคฆ์ยกดื่มกระดกไปสามกระป๋องลวดจนใบหน้าเริ่มมีสีเลือดฟาดจางๆ