เรื่องที่ 8 เพื่อน(ไม่)กินเพื่อน (1/2)

2163 Words
เรื่องราวที่เพื่อนแอบรักเพื่อนมีให้เห็นอยู่มาก ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมีสักแวบหนึ่งในความคิดแหละว่า ‘เพื่อนเรามันก็น่ารักดี’ แต่ว่าเมื่อคิดแล้วจะลงมือขยับความสัมพันธ์ หรือว่ากลัวการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เลยล้มเลิกความคิดนั้นไป ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ‘ต้า’ ชายหนุ่มผู้ที่แอบรักเพื่อนอย่าง ‘หมิง’ซึ่งตอนแรกนั้นเขาไม่เคยคิดเกินเพื่อนกับเอเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะชื่อของทั้งคู่นั้นเมื่อรวมกันแล้วคือ ‘ต้าหมิง’ จึงทำให้เพื่อนในห้องนั้นพูดหยอกเย้าทั้งคู่ จนในที่สุดจากที่ไม่คิดอะไร ต้าก็ดันแอบคิดชอบหมิงจริงๆ เสียอย่างนั้น “ฉันกับพวกแก รวมถึงต้าเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป เลิกแซวได้แล้ว ฉันถือคติไม่กินเพื่อน” คำพูดออกจากปากหมิงในตอนที่เพื่อนๆ หยอกเอินนั้น ทำให้ต้าที่แอบคิดเกินเพื่อน ไม่กล้าพูดว่าเขารู้สึกดีๆ กับเธอ “นี่ก็ผ่านมาแปดปีแล้วสินะ” ต้าดูรูปถ่ายรวมกลุ่มเพื่อนที่วางอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านตัวเองแล้วยิ้มออกมา หมิงตอนสมัยมัธยมปลายมัดผมทรงหางม้าและผูกโบสีน้ำเงิน รอยยิ้มที่แสนสดใสของเธอทำให้เขายิ้มตามได้เสมอ “เพื่อนกันตลอดไปเหรอ... ไม่กินเพื่อนเหรอ” เขาพึมพำแล้วพ่นลมหายใจออกมา ต้าขยับชุดสูทให้เข้าที่แล้วมองดูการ์ดเชิญงานหมั้นในมือด้วยความรู้สึกปวดหนึบที่หัวใจนิดๆ การ์ดเชิญไปงานหมั้นของ ‘หมิง & แมน’ เพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายทำให้เขานั้นอยากด่าตัวเองที่ไม่กล้าพอที่จะสารภาพความในใจกับหมิง เพราะกลัวความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป แต่แมนเพื่อนในกลุ่มกับกล้าที่จะทำ ตามจีบหมิงนานสามปีตั้งแต่ มัธยม จนเข้ามหาวิทยาลัย ทั้งคู่ก็ประกาศตัวว่าเป็นแฟนกัน ทำให้หัวใจต้านั้นแทบสลายเพราะเธอบอกว่าจะไม่มีวันคบเพื่อนด้วยกัน แต่สุดท้ายก็คบกับแมนที่เป็นเพื่อนในกลุ่ม และกำลังจะหมั้นกันในวันนี้ เขาขับรถออกไปตามสถานที่จัดงาน รู้อยู่แล้วว่าสักวันวันนี้จะต้องมาถึง แต่พอมาถึงจริงเขาก็รู้สึกว่ายังทำใจไม่ได้ งานถูกจัดที่บ้านของฝ่ายหญิง มีโต๊ะจีนตั้งอยู่ตรงถนนหน้าบ้าน กางเต็นท์ผ้าใบไว้และปิดการจราจรไปหนึ่งช่องทาง เพื่อให้ใช้อีกช่องทางในการสัญจรของคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน กร ตา และนลิน เพื่อนสมัยมัธยมปลายที่ติดสอยห้อยตามกันไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน นั่งร่วมโต๊ะกันรออยู่แล้ว พวกเขากวักมือเรียกให้ต้าไปนั่งด้วย แล้วชงเครื่องดื่มมึนเมาให้อีกฝ่ายทันที “ปิดตำนานคู่จิ้นต้าหมิงอย่างเป็นทางการแล้ว เอ้า ชน” กรยังคงแซวไม่เลิก จนต้าส่ายหน้าเบาๆ “แกก็แซวไปทั่ว แมนมาได้ยินเดี๋ยวก็โกรธอีกหรอก ตอนนี้แมนหมิงสิ” ตา เพื่อนคนเดียวที่เรียนจบคณะเดียวกับผมและทำงานที่เดียวกันกับผมในตอนนี้พูดขึ้น “ใช่ ตาพูดถูก แกนี่แซวอะไรดูหน้าเพื่อนหน่อย” นลินเองก็เห็นด้วยกับเพื่อน “จะว่าไปยังจำตอนที่หมิงบอกได้เลยนะว่าเพื่อนกันตลอดไป ไม่กินเพื่อน สุดท้ายก็แพ้คารมไอ้แมนจนได้” กรยังไม่หยุดพูด แก้มของเขาและเสียงที่ลิ้นเปลี้ยลงก็พอเดาได้ว่าเริ่มเมาแล้ว “หมิงที่หมั้นกับแมน เพราะรีบจับจองมันเอาไว้ ไอ้แมนมันมีกิ๊ก เลยต้องแสดงความเป็นเจ้าของ แต่แมนไม่พร้อมแต่งงานเลยแค่หมั้นเอาไว้ก่อน” กรพูดต่อ เพราะเขาสนิทกับแมนที่สุดและทำงานด้วยกัน ทำให้เรื่องนี้น่าเชื่อถือ ต้าที่ได้ยินจึงมีความหวังลึกๆ ว่าเขาจะรอดามใจหมิง เพราะหากเป็นเรื่องจริง แมนกับหมิงคงต้องเลิกกันสักวันแน่ “นินทาเพื่อน นิสัยไม่ดี นี่งานหมั้นเพื่อนนะ” ตาพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่นว่าอย่างจริงจัง เธอมองมาที่ต้าที่มีแววตาส่อถึงความหวัง เหมือนกับรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แล้วหันไปหากรอีกครั้ง “ถ้ากินเหล้าแล้วปากหมาก็เลิกกิน” ตาพูดออกมาตรงๆ ทำให้กรต้องยอมเงียบไป ในขณะที่นลินและต้านั้นยิ้มอย่างขบขันที่ไม่ว่านานแค่ไหนกรก็แพ้ตาอยู่ดี ********************** พิธีหมั้นผ่านไปอย่างราบรื่น หมิงในชุดไทยเดินควงแขนแมนมานั่งร่วมโต๊ะกับกลุ่มเพื่อนแล้วโชว์แหวนหมั้นที่แมนนั้นใช้หมั้นเธอ “สวย อิจฉา” นลินพูดขึ้นมา ตาลุกวาวเมื่อเห็นเพชรน้ำงามที่ประดับในตัวแหวน “เม็ดใหญ่ๆ แบบนี้ จะได้ไม่กล้านอกใจ เพราะไม่อย่างนั้นเสียของหมั้นฟรีนะจ๊ะ” หมิงพูดแหย่คู่หมั้นทีเล่นทีจริง แมนจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ “แล้วนี่จะแต่งกันเมื่อไหร่ล่ะ” ต้าถามหมิง มองรอยยิ้มที่เคยสดใส ตอนนี้กลายเป็นยิ้มที่ดูต่างออกไป ไม่ใช่รอยยิ้มของหมิงที่เขารู้จัก “อีกสองสามปี รอเก็บเงินก่อน” “แล้วทำไมไม่แต่งทีเดียว จะเสียเงินจัดงานทำไมตั้งหลายรอบ” นลินแกล้งถามออกมา อยากรู้ว่าที่กรพูดนั้นจริงหรือไม่ “เพราะว่าแมนเนื้อหอมในหมู่สาวๆ คงคิดว่าแมนโสด ผู้หญิงก็เข้าหาบ่อย ฉันเลยต้องทำให้พวกนั้นรู้ว่าแมนมีเจ้าของ จะได้เลิกยุ่งสักที” หมิงบอกแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ไปยังคู่หมั้นหนุ่มที่ตอนนี้เอาแต่ดื่ม สาวๆ แยกตัวไปคุยกับเพื่อนอีกโต๊ะ ตอนนี้จึงเหลือแค่แมน กร และต้าที่นั่งดื่มด้วยกัน และแมนก็เอาแต่ดื่ม หน้าตาไม่สดใสเอาเสียเลยทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันมงคล ราวกับว่าวันนี้ไม่ใช่วันแห่งความสุขของเขา “วันนี้แม่งนรก” แมนสบถออกมาแล้วดื่มเหล้าในมือต่อ “พอแล้ว เมามากแล้ว วันนี้วันมงคล แกควรพูดแต่เรื่องดีๆ” ต้าบอกเพื่อนร่วมรุ่นที่ตอนนี้ได้หัวใจของหญิงสาวที่เขารักไปครอง “จริงๆ ฉันขอเลิกกับหมิงนะเว้ย แต่ทุกครั้งเขาก็ไม่ยอมเลิกกับฉัน งานหมั้นนี่เขาก็จัดแจงทุกอย่าง บังคับให้หมั้นเอาไว้ ไม่งั้นก็ขู่จะฆ่าตัวตาย” แมนระบายออกมาด้วยความเมา “ขอเลิก หมายความว่าไง” ต้าถามขึ้นมา ถึงเขาอยากให้ทั้งคู่เลิกกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้เลิกกันจริงๆ เพราะนั่นมันหมายถึงความเจ็บปวดของหมิง และเธอคงต้องเสียใจมาก “หมิงไม่ได้น่ารักเหมือนแต่ก่อนเว้ย ตามหวงตามเกาะติดฉัน เช็กมือถือ แค่คุยกับเพื่อนร่วมงานก็หึง กดไลก์ใครก็ไม่ได้ ตามไปด่าเขา ระรานเขาไปทั่ว ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้อะไรกับใครเลยนะเว้ย หาว่าฉันมีคนนั้นคนนี้ ไอ้กรมึงก็ปากหมา แซวกูครั้งก่อนว่าไปคาราโอเกะ แล้วหมิงมันก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ แซะเรื่องนี้ไม่หยุด” กรถึงกับสะดุ้งในสิ่งที่แมนพาดพิงถึงตนแล้วยกแก้วเหล้าดื่มโดยไม่ปฏิเสธอะไรออกมา “แต่มึงก็คุยกับสาวๆ ในออฟฟิศไปทั่ว เรื่องจริงนี่หว่า หมาหยอกไก่ไปวันๆ สักวันก็คาบไก่ลงน้ำไปกิน” กรพูดออกมาอย่างอดไม่ได้ ทำให้แมนมองเขาตาเขียวปั๊ด ต้าส่ายหน้าถึงความปากไวและปากมากของกร ที่ชอบพูดไปเรื่อย แซวจนเขารู้สึกดีกับหมิง แซวจนหมิงกันแมนนั้นผิดใจกัน “เอาจริงๆ นะ ถึงหมั้นกันไปแล้วก็ตาม ถ้าวันหนึ่งทนไม่ไหว กูก็จะเลิกอยู่ดี ถ้าหมิงยังเป็นแบบนี้อยู่ ใครก็ทนไม่ได้หรอก” แมนพูดขึ้นมาแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ‘ทนไม่ได้เพราะมึงมีคนใหม่หรือเปล่าวะ แมน’ ต้านึกในใจ เพราะความรู้สึกที่มีต่อหมิง ทำให้ลึกๆ แล้วเขาเข้าข้างเธอ เมื่อสาวๆ กลับมานั่งที่พวกเขาก็เงียบ หมิงมองหน้าแมนแล้วหันไปยิ้มกับเพื่อนๆ ชื่นชมแหวนหมั้นของตัวเอง ต้ามองหมิง รอยยิ้มที่เปลี่ยนไปนั้นเป็นเพราะนิสัยเธอเปลี่ยนไปอย่างที่แมนพูดจริงหรือเปล่า หรือว่าเพราะแมนเองที่ทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจเลยต้องเปลี่ยนไปเพราะการกระทำของแมน ‘จะผิดไหมนะหมิงที่ฉันจะเฝ้ารอวันที่เธอเลิกกับมัน แล้วฉันจะทำให้เธอเห็นว่าผู้ชายที่รักเธออย่างจริงใจคือฉัน ไม่ใช่มัน’ ต้าได้แต่แอบคิดในใจ ยกเครื่องดื่มมาดื่มจนหมดแก้ว ตามองแววตาที่ต้ามองหมิง ทำให้เธอหวั่นใจ เพราะเธอรู้ว่าต้าชอบหมิงมาตั้งนานแล้ว เพราะเธอเองก็ชอบเขา และมองเขามาตลอด จึงรู้ว่าสายตาของต้านั้นมีหมิงมาตลอด รวมถึงตอนนี้ด้วย ********************** ข่าวการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างหมิงและแมนกระจายไปตามกลุ่มเพื่อนเป็นระยะ ต้าที่ตามข่าวอยู่ก็รู้สึกลุ้น แม้ในใจจะรู้สึกผิดแต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าตัวเองนั้นอาจมีสิทธิ์ได้เข้าไปปลอบโยนเธอ “เรื่องออกจากปากไอ้กร เชื่อถือได้ไม่มากหรอก อย่าดีใจออกนอกหน้านักเลย รอเสียบตอนเพื่อนเลิกกันมันไม่ดีหรอกนะ” ตาพูดขึ้นมา ต้าที่ได้ยินเขาเงยหน้าขึ้นแล้วมองเธอที่นั่งทำงานอยู่ข้างเขา “ถึงพูดเล่นก็เถอะ แต่พูดแบบนี้แกก็ถือว่าจิตอกุศล แค่นี้นะฉันจะทำงาน” ตากดวางสายแล้วหันไปมองต้า “แกคุยกับใคร” “กับเพื่อนสมัยเรียนนี่แหละ ไม่ต้องรู้ว่าใครหรอก มันพูดทีเล่นทีจริงว่าให้หมิงเลิกกันแมนมันจะรอเสียบแมน ให้ตายสิ ฉันรู้นะเว้ยว่าไอ้แมนมันฮอตมากในหมู่สาวๆ เมื่อก่อน แต่แกคิดดูนะแฟนเพื่อนนะเว้ย ต้องเลวแค่ไหนถึงรอให้เขาเลิกกันแล้วจ้องจะเสียบ” ตาพูดแล้วหันกลับไปทำงานต่อ จริงๆ เธอหมั่นไส้การรอจังหวะเสียบของเขาจึงแกล้งพูดโทรศัพท์ ตั้งใจแขวะและเตือนสติเขาทางอ้อม และมันเหมือนได้ผล เพราะตอนนี้ต้าเหมือนกำลังคิดหนัก และเริ่มนั่งไม่ติดที่ “เป็นไร ใจลอยเชียว” เธอถามเขาหลังจากที่เวลาผ่านไปสักพักแล้ว เขาก็ยังดูลนๆ อยู่ “รอคนเลิกกันนี่มันเลวมากเหรอวะ” เขาถามเธอแล้วถอนหายใจแรงๆ ออกมา “สมมติแกแอบรักแอบรออีกคนมานานหลายปี แต่เขาไม่เคยมองเห็น อยู่ๆ เขาจะหันมามองเพราะความผิดหวังเลยต้องการที่พึ่ง มันไม่ได้เกิดจากความรักและสุดท้ายก็ต้องเลิกกันอยู่ดี และคนที่เจ็บก็คือแกเอง เข้าใจหรือเปล่า” “แกไม่เคยแอบรักใครนี่ แกไม่เข้าใจหรอก ก็แค่หลักการเท่านั้น ฉันว่าตอนที่หัวใจอ่อนแอและมีคนเข้าไปทำให้มันเบิกบานอีกครั้ง มันเป็นเรื่องที่ดีนะเว้ย” ต้าพูดในมุมมองของตน “ฉันแอบรักคนคนหนึ่งมาเกือบสิบปี ทำไมฉันจะไม่รู้วะว่าการแอบรักและรอให้เขาหันมาสนใจมันเป็นยังไง เวลาเห็นเขาผิดหวังฉันคิดว่ามันคือโอกาสที่จะเข้าไป หลายต่อหลายครั้งที่เขาแสดงความเศร้าในแววตาก็มีแค่ฉันที่สังเกตเห็น เฝ้ามองเขามาตลอด ปลอบใจเขาเงียบๆ มาตลอด แต่ฉันไม่เคยใช้โอกาสที่เขาอ่อนแอเข้าไปเลยสักครั้ง เพราะฉันเชื่อว่าหากเขาจะรักฉัน ต้องรักในความเป็นฉัน ไม่ใช่รักเพราะหัวใจเขากำลังอ่อนแอ” ตาเองก็พูดในมุมของเธอ ความคิดที่ไม่มีใครถูกไม่มีใครผิดของเขาและเธอ ต่างก็มีเหตุผลของตัวมันเอง “ช่างเถอะ เราคงคิดไม่เหมือนกัน” ต้าตัดบทสนทนาแล้วหันไปสนใจงานของตัวเอง ตาได้แต่มองด้วยสายตาที่แสดงถึงความผิดหวัง หรือที่ผ่านมาเธอแอบรักคนผิดมาตลอด หรือมันถึงเวลาแล้วที่เธอจะเลิกรอให้เขามองเห็นว่าใครกันที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอด ใครกันที่ชวนพูดคุยหยอกล้อตอนเขาเศร้า ใครที่มันเอาแต่เฝ้ารอเหมือนหมาที่รักเจ้าของของมันอย่างซื่อสัตย์มาตลอดแปดปี **********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD