หญิงสาววัยสามสิบต้นๆ เดินตรงมายังสำนักงานของหอพักแต่เช้าตรู่ เพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความร้อนใจ
“เมื่อคืนห้อง 407 มีเสียงโหยหวนดังออกมาค่ะ เสียงเหมือนคนกำลังถูกทำร้ายร่างกาย” เจ้าของห้องพักหมายเลข 405 ที่อยู่ห้องติดกันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นกังวล
“ไม่มีหรอกค่ะ ห้องอื่นเปิดหนังหรือเปล่าคะ ห้อง 407 ไม่มีคนพักนะคะ อีกอย่างแฟนของดวงก็พักที่ห้อง 409 เมื่อคืนดวงก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร” ดวงพรลูกสาวเจ้าของหอพักวัยยี่สิบห้าบอกกับลูกค้าของพอพักของตน
“แต่ว่าฉันได้ยินเสียงมาจากห้องนั้นจริงๆ นะคะ” อีกฝ่ายยืนยันเสียงแข็ง
“งั้นดวงจะให้ยามไปดูให้นะคะ ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” เธอบอกให้อีกฝ่ายสบายใจ
“ขอบคุณนะคะ” ลูกค้าหอพักกล่าวแล้วเดินจากไป ทำให้ดวงพรเลื่อนเก้าอี้ถอยออกจากโต๊ะแล้วให้แฟนหนุ่มขยับออกมาจากใต้โต๊ะ
เขาเช็ดคราบน้ำใสๆ ออกจากปากแล้วยิ้มร่าออกมาอย่างพอใจ
“บอกแล้วว่าให้ประตูระเบียงก่อน เห็นไหมลูกค้าตกอกตกใจหมด” เธอบ่นให้เขา
“อืม ขอโทษ งั้นคืนนี้ปิดให้นะ” เขาบอกแฟนสาวเสียงกระเส่า แล้วโดนเธอตีเข้าที่ต้นแขน
“พอเลย ไปทำงานได้แล้ว จะสายแล้ว” เธอบอกเขา ทำให้ท็อปทำหน้าเสียดาย
“เลิกงานแล้วเจอกันนะ” เขาบอกเธอแล้วจูบลาที่หน้าผาก ก่อนจะออกไปทำงานอย่างอารมณ์ดี
ดวงพรยิ้มตาม เธอขอมารดาพักอยู่ที่หอพักแห่งนี้ เพราะไม่อยากไป-กลับ และเลือกห้อง 407และห้อง409 ทั้งสองห้องเชื่อมต่อกันเป็นที่พักของเธอ โดยที่ไม่ได้เอาประตูห้อง 407 ออกไป
ห้อง409เป็นห้องที่เธอใช้เข้า-ออก ภายในห้องถูกจัดเป็นห้องนั่งเล่น และห้องครัว ส่วนผนังที่ทะลุไปห้อง 407 คือส่วนของห้องนอนและห้องแต่งตัวของเธอและคนรัก
ส่วนสาเหตุที่เธอไม่ได้เอาประตูห้อง 407 ออกไปก็เพราะว่ามารดาถือเคล็ดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้บอกใครว่ามันเป็นห้องของเธอ
ทั้งคู่มีรสนิยมบนเตียงแบบชอบใช้ความรุนแรง BDSM
B (Bondage) คือ พันธนาการ
D (Discipline) คือ การลงโทษ
S (Sadism) คือ มีความสุขจากการทำร้ายผู้อื่น
M (Masochism) คือ มีความสุขจากการถูกผู้อื่นทำทารุณกรรม
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายหรือเรื่องผิดศีลธรรม หากแต่เป็นความชอบส่วนบุคคล แต่ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมไทยมากนัก ทั้งคู่จึงทำห้องเก็บเสียงเอาไว้ แต่เมื่อคืนนี้ท็อปไม่ยอมให้ปิดเพราะอยากรู้ว่าเสียงจะเล็ดลอดออกไปมากแค่ไหน
**********************
ท็อปกลับมาถึงเขาก็เข้าไปนั่งในห้องสำนักงานของหอพักเพื่อทักทายกับคนรักสาว
“ดวง วันนี้ผมแวะซื้อปลาผัดขิง กับต้มข่าไก่มานะ ผมว่าทอดกระดูกหมูเพิ่ม คุณว่าดีไหม” เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
“ดีหมดนั่นแหละ ถ้าเป็นฝีมือเชฟท็อป” เธอพูดหยอกล้อเขาแล้วยิ้มอ้อน
แม่บ้านที่ทำงานประจำอยู่หอพักเดินผ่านมาเห็นก็ยิ้มเอ็นดูในความน่ารักของทั้งคู่
“น่ารักดีจังเลยนะคะ คบกันมาสองปี ยังไม่เห็นทะเลาะหรือแง่งอนใส่กันเลย” เธอพูดอย่างชื่นชม
“ก็มีนะครับ แค่ไม่มีใครเห็น” ท็อปพูดแล้วยิ้มให้กับแม่บ้านวัยกลางคนด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ แล้วยื่นขนมเจ้าประจำที่เขาซื้อมาฝากเธอให้อย่างเช่นเคย ทำให้ป้าแม่บ้านยิ้มกว้าง
“แต่ดีแล้วล่ะค่ะ เรื่องบางเรื่องถ้ามันไม่ดีก็รู้กันแค่สองคนก็พอ แก้ปัญหากันเอง อย่าให้บุคคลที่สามเข้าไปรับรู้ มันถึงเรียกชีวิตคู่” ป้าแม่บ้านบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แล้วเดินไปทำหน้าที่ต่อ
“ป้าจะรู้ไหมนะว่าลูกสาวเจ้าของหอนี่ หึ้ม!” เขาพูดแล้วทำเสียงมันเขี้ยว
ความชอบของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่ควรให้คนอื่นรับรู้ เพราะบางทีมันอาจทำให้คนมองพวกเขาเปลี่ยนไป
คนเรียบร้อยน่ารักแบบดวงพร หากแม่บ้านรู้ว่าเธอชอบรักแบบพันธนาการ โซ่ แส้ กุญแจมือ มีหรือว่าจะถูกมองด้วยสายตาแบบนี้
“ไม่ต้องมาล้อเลย กว่าเราทั้งคู่จะรู้ว่ามีรสนิยมแบบเดียวกัน ก็ต่างคนต่างแอ๊บอยู่เป็นปี”
“กว่าเราจะรักกันและอยู่ร่วมกันแบบนี้ได้ และมีใจตรงกัน รสนิยมตรงกัน มันไม่ง่ายเลย ดังนั้นคุณไม่ต้องคิดว่าผมจะมีใคร เพราะผมคงหาใครมาแทนที่คุณไม่ได้อีกแล้ว ที่รัก” เขาพูดอย่างเอาใจแล้วขยับไปหอมแก้มเธอ
ท็อปยิ้มเมื่อคิดถึงตอนคบกันใหม่ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะฝ่าด่านพ่อแม่ของอีกฝ่ายมาอยู่ด้วยกัน
ต่างคนต่างถูกมองเป็นไข่ในหินของครอบครัวตัวเอง กว่าท็อปจะขอพ่อแม่มาอยู่หอกับเธอได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด
“ไปทำกับข้าวแล้วนะ ปิดออฟฟิศเสร็จแล้วรีบตามขึ้นไปนะ” เขาบอกเธออย่างเอาใจ แล้วหอมแก้มอีกฟอดก่อนจะเดินขึ้นห้องของตัวเองที่ชั้นสี่อย่างอารมณ์ดี
**********************
โดยปกติแล้วทั้งคู่ไม่ได้แสดงบทรักในรสนิยมที่ชื่นชอบทุกคืน หากแต่จะนัดแนะกันว่านานๆ ครั้ง เพราะแต่ละครั้งร่างกายของผู้ถูกกระทำอย่างดวงพรนั้น จะเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งการลงทัณฑ์ของท็อปที่บางทีควบคุมน้ำหนักมือของตัวเองไม่ได้ กว่าร่องรอยนั้นจะหายก็ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์เลยทีเดียว
ดังนั้นในคืนนี้ที่ทั้งคู่ต่างปรารถนาในตัวกันและกัน จึงเป็นบทรักที่ธรรมดาเหมือนคู่รักทั่วไป แต่เพิ่มสีสันด้วยการแสดงบทบาทสมมติเข้าไปโดยไม่ใช้อุปกรณ์
“อย่าค่ะ อย่า” ดวงพรร้องออกมาเสียงดัง ทำท่าทางปฏิเสธการรุกล้ำของเขา
“อย่าดิ้นไปเลย ยังไงคืนนี้คุณก็ต้องตกเป็นของผม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนตัวร้ายแล้วดึงทึ้งเสื้อผ้าของเธอออกไป ในขณะที่หญิงสาวพยายามดิ้นรนขัดขืนเขา
ท็อปรวบมือทั้งสองข้างของเธอด้วยมือเดียวแล้วกดไว้เหนือศีรษะของเธอ ใช้อีกมือถอดเสื้อผ้าออกไปแล้วขยำเต้างามทั้งสองมียังมีร่องรอยของแส้ที่เขาฟาดเมื่อคืนนี้
“อย่านะ ได้โปรด” เธอขัดขืนเขาพยายามกระถดตัวหนี
ท็อปได้ยินก็ยิ่งเกิดอารมณ์เขาก้มหน้าลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอของเธอ ใช้เคราที่คางครูดที่เนินอกของเธอจนเป็นรอยแดงแล้วใช้มือทั้งสองจับแขนเธอกดไว้กับที่นอนแล้วบังคับจูบเธออย่างดุดัน
เขาควงสะโพกควบคุมแท่งลำที่แข็งแกร่งพาดที่ท้องน้อยของเธอแล้วถูไถมันด้วยการใช้สะโพกควบคุมอย่างชำนาญ
“อื้ม อย่า ซี๊ด อย่า” เธอครางไปร้องขัดขืนเขาไปเสียงกระเส่า สูดปากด้วยความสยิวไม่หยุด
ท็อปเลื่อนตัวลงไปข้างล่างปล่อยมือจากแขนเธอแล้วใช้มือแยกเข่าของเธอออกกว้างเพื่อใช้นิ้วบดขยี้แล้วจ้องมองเธอส่ายตัวไปมาด้วยความพอใจ
เขาในนิ้วขยี้เม็ดติ่งขาวใสจนเธอครางไม่หยุด แล้วจึงใช้นิ้วเข้าไปในร่องสวาททีละนิ้วจนครบสองนิ้วแล้วรัวเข้าหาเธอจนเกิดเสียงเสียดสีกันของน้ำและปลายนิ้วของเขาดังน่าฟัง
“อย่า อ๊า อย่า” เธอร้องห้ามและพยายามดิ้นเบาๆ ให้ดูน่าตื่นเต้น เขาใช้มือฟาดลงที่สะโพกเธอจนเกิดเสียงตี แล้วขยับสะโพกเข้าไปประชิดตัวเธอ จับแท่งลำกดเข้าไปอย่างเต็มรัก
“อื้อ อย่า” เธอร้องห้ามแต่แอ่นสะโพกเข้าหา
“ร่านจังเลยคนสวย” เขาพูดแล้วกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงจนเธอตัวไหวไปตามแรงกระแทกของเขา
“อ๊ะ อ๊า” หญิงสาวครางลั่นอย่างไม่สนใจเพราะรู้ว่าห้องของตัวเองเก็บเสียง จนในที่สุดเธอก็ทนต่อความเสียวและความตื่นเต้นไม่ไหว จิกปลายเท้าเกร็งสะโพกถึงจุดหมายไปอย่างง่ายดาย
ท็อปเห็นดังนั้น เขาลุกไปหยิบปลอกสวมเพิ่มความเสียวมา ทำให้ตอนนี้แท่งลำของเขาดูมีขนาดรอบวงที่หนาขึ้นและเต็มไปด้วยปุ่มขรุขระ
ดวงพรทำท่าขยับหนีแต่พูดเขาพันธนาการเธอไว้ด้วยกุญแจมือที่หัวเตียงทั้งสองข้างแล้วจับขาเธอแยกออก สอดใส่แท่งลำที่มีปลอกสวมซิลิโคนตะปุ่มตะป่ำเข้าไป
“อย่า .. ฮึ่ก อ๊า” เธอครางดังลั่นเมื่อแท่งลำนั้นกระแทกลงไปในร่องอย่างเต็มแรง
ท็อปหยิบหมอนมารองใต้สะโพกของเธอให้เขาร่วมรักในระดับที่ตนเองถนัด มองดูใบหน้าที่เปี่ยมสุขแต่แสร้งร้องครวญครางอย่างไม่เต็มใจของเธอ แล้วยิ่งทำให้เขาอยากกระทำลงไปแรงๆ
ภาพหญิงสาวที่ถูกใส่กุญแจมือ เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแดง กำลังร้องครางขอความเห็นใจจากเขา มันทำให้ชายหนุ่มตื่นเต้นและพร้อมจะปลดปล่อยออกไปทุกเมื่อ แต่ต้องอดกลั้นเอาไว้
“ฮึก อ๊า ปล่อย อ๊า” เธอครางเหมือนว่าตนเองนั้นถูกขืนใจอย่างสมจริง จนในที่สุดเขาก็แทบทนไม่ไหว จึงเร่งกระแทกเอเข้าไปอย่างหนักหน่วง พร้อมๆ กับใช้หัวแม่มือบดบี้จุดกระสันของเธอเพื่อเร่งให้เธอเข้าสู่เส้นชัยไปก่อนที่เขาจะปลดปล่อยออกมา
“อ๊า ไม่ไหว ฉันยอมแล้ว อื้อ” เธอครางเสียงดังแล้วเกร็งตัวตอดรัดแท่งลำของเขา
ท็อปดึงแท่งลำออกแล้วไปคุกเข่าข้างศีรษะของเธอ จับแท่งลำจ่อที่ปากแล้วบีบปากเธอให้อ้าออก
“วันนี้ผมกินสับปะรดมา กินเข้าไปเยอะๆ หวานดีเชียวล่ะ” เขาพูดเสียงกร้าว
ดวงพรอ้าปากออกตามแรงบีบของเขาแล้วกลืนกินน้ำรักรสหวานฉ่ำอมเปรี้ยวเข้าไปอย่างเต็มใจ พร้อมทั้งดูดเลียมันจนสะอาด ทำให้ท็อปพอใจเป็นอย่างมาก
เขาปลดพันธนาการให้เธอแล้วทั้งสองก็นอนเปลือยกอดกันบนเตียงหัวเราะให้แก่กันด้วยความสุขที่พึ่งจบลงไป
“เจ็บไหม แดงไปหมดแล้ว” เขาถามเธอด้วยความเป็นห่วง เมื่อรอยแดงของเมื่อคืนนี้นั้นเด่นชัดบนร่างของเธอ
“เจ็บแต่เป็นความเจ็บที่มีความสุขค่ะ” เธอบอกเขาแล้วซุกตัวกอดอย่างเอาใจ
**********************