เรื่องที่ 17 แอบรักพี่ชายข้างบ้าน (1/2)

2601 Words
สายตาของหญิงสาววัยยี่สิบสี่มองไปยังบ้านข้างๆ ผ่านหน้าต่างชั้นสองที่ห้องนอนของตน ชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดเดินออกมาในชุดทำงานด้วยท่วงท่าที่สง่าและดูมีเสน่ห์ จนเธออดจิกผ้าม่านแล้วยิ้มออกมาไม่ได้ สุมิตราแอบรักพี่ชายข้างบ้านมาตั้งแต่เด็ก เธออยู่ทุกเหตุการณ์ ตั้งแต่เขาเริ่มคบแฟนคนแรก อกหักครั้งแรก จนตอนนี้เขามีแฟนคนที่สอง คนล่าสุดพามาอยู่บ้านด้วยแล้วก็ทะเลาะกันไปยกใหญ่ และเลิกกันเมื่อเดือนที่แล้ว แม่ของตะวัน พี่ชายข้างบ้านของเธอก็สนับสนุนเธอให้กับเขามาตั้งแต่ ผู้ใหญ่อาจจะพูดทีเล่นทีจริง แต่สำหรับสุมิตรา เธอคิดจริง และอยากเป็นสะใภ้ของบ้านข้างๆ จะแย่แล้ว “ตอนนั้นเราเด็กไป แต่ตอนนี้พี่ตะวันอกหักรอบสอง ไม่ต้องห่วงนะคะสุจะดามใจพี่เอง” เธอพึมพำออกมาแล้วลงไปข้างล่างเพื่อทานอาหารเช้าก่อนออกไปทำงาน “ยิ้มอะไร” มารดาของเธอถาม “ยิ้มดีใจที่พ่อกับแม่จะได้ไปเที่ยวที่หัวหินไงคะ” เธอบอกแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “แต่แม่อยากให้สุไปด้วยจริงๆ นะลูก” “พ่อกับแม่ไปเถอะค่ะ ทริปวัยทอง จะให้วัยรุ่นไปด้วยเดี๋ยวสุทำตัวไม่ถูก อีกอย่างลางานไม่ได้เลยจริงๆ ค่ะ” สุมิตราบอกมารดาแล้วทานอาหารตรงหน้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “แม่ฝากป้าศรีดูแลหนูแล้วนะ ถ้ามีอะไรก็บอกป้าศรีได้” “ค่ะแม่” เธอรีบทานอาหารตรงหน้าแล้วไหว้พ่อกับแม่เพื่อไปทำงานในเช้าวันนี้ ********************** วันถัดมา สุมิตรายืนส่งพ่อแม่ขึ้นรถตู้ไปกับเพื่อนๆ ของพวกเขา ศรีจันทร์มารดาของตะวันเดินมาแตะไหล่เธอแล้วยิ้มให้แก่กัน “มีอะไรให้ช่วยก็บอกป้านะลูก ไม่ต้องเกรงใจ” “ค่ะป้าศรี ขอบคุณมากนะคะ” สุมิตราพูดแล้วก็ส่องเข้าไปในบ้านมองหาตะวัน “พี่เขากำลังทานข้าวอยู่ เดี๋ยวก็ไปทำงานแล้ว ไปทำงานพร้อมพี่เขาไหมล่ะ เดี๋ยวป้าบอกพี่เขารอ” “ไม่เป็นไรค่ะ สุเกรงใจ ที่ทำงานอยู่คนละทางด้วย” เธอบอกแล้วอมยิ้มที่ศรีจันทร์มักจะหาทางช่วยเธอให้ได้ใกล้ชิดกับตะวันอยู่เสมอ “พี่เขากำลังเศร้า ช่วงนี้เลยพูดน้อย ไม่สดใสเลย ถ้ามีคนเข้าไปดามใจช่วงนี้ เขาอาจจะหวั่นไหวได้ง่ายๆ ลองดูนะสุ” “ป้าศรีชงให้สุกับพี่ตะวันแบบนี้ตลอดเลย พี่ตะวันเขาคงอึดอัด เจอสุทีไรก็ถอนหายใจใส่ตลอดเลย สุไม่กล้าหรอกค่ะ” สุมิตราแกล้งทำเหมือนว่าน้อยใจแล้วพูดอย่างน่าสงสาร ในใจนั้นอยากเสนอตัวไปดามใจให้เขาเต็มทีแล้ว “แฟนแต่ละคนมีแต่คนที่ไม่เข้าตาป้า คนแรกก็ชอบแต่งตัวชอบเที่ยว คนล่าสุดนี่เหมือนจะดีทำงานบ้านทำกับข้าวแต่ว่าเห็นแก่เงิน อยากได้ของแบรนด์เนมไปอวดชาวบ้าน ให้ตะวันหาเงินคนเดียว จริงอยู่ว่าช่วยงานบ้าน แต่หลักๆ ก็ป้าทำอยู่ดี นี่เลิกกันเพราะพี่เขาไม่ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมให้ ป้าล่ะปวดหัว” ศรีจันทร์บ่นออกมาเป็นชุดถึงอดีตคนรักทั้งสองของตะวัน ในตอนนั้นตะวันมองมาที่มารดาและน้องสาวข้างบ้าน เขาเบือนหน้าหนีไม่สนใจที่จะทักทายเธอเลยสักคำ นั่นก็เป็นเพราะไม่อยากให้ความหวัง ไม่ชอบที่มารดาของตนชอบพูดสนับสนุนให้เขากับเธอชอบพอกัน และไม่ชอบที่สุมิตรามองเขาด้วยแววตาที่แสดงถึงความรู้สึกอย่างชัดเจน เพราะเธอไม่ใช่แนวของเขา สุมิตรามองตามพี่ชายข้างบ้านขับรถออกไปด้วยความรู้สึกที่น้อยใจลึกๆ รู้ดีว่าเขาไม่ได้รู้สึกกับเธอ แต่ตราบใดที่ยังมีหวังอยู่เธอก็ไม่อยากยอมแพ้ หัวใจเธอหวั่นไหวไปกับคำพูดของศรีจันทร์และมารดาของเธอที่พูดกรอกหูทุกวัน ว่าเธอเหมาะสมกับตะวัน แม้ตอนนั้นเขาจะมีคนรักแต่ศรีจันทร์ก็ยังพูดให้เธอมีความหวัง จนยากที่จะถอนใจ แต่ที่ผ่านมาตะวันก็ดูออกว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเขา แล้วขีดเส้นชัดเจนว่าไม่อยากให้เธอข้ามไปหาเขา เธอไหว้ลาศรีจันทร์แล้วออกไปทำงานตามปกติ ในใจคิดวางแผน จะใช้ช่วงที่เขาอกหักและตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่นี่แหละ ทำให้เขาหวั่นไหวไปกับเธอแล้วลงเอยกันให้ได้ ********************** หลังจากกลับมาจากทำงาน สุมิตราก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย พรุ่งนี้วันอาทิตย์ คืนนี้เธอวางแผนจะดูหนังรอบดึกเพื่อที่จะรอตะวันกลับบ้าน เพราะคืนวันเสาร์เขามักจะออกไปสังสรรค์แล้วกลับดึกๆ เสมอ แค่เธอได้มองเขากลับมาอย่างปลอดภัย เท่านั้นเธอก็สุขใจมากพอแล้ว แต่อยู่ๆ ไฟที่บ้านของเธอก็ดับลง หญิงสาวนั่งตกใจตัวสั่นด้วยความกลัว โชคดีที่ตอนนี้พึ่งจะหกโมงกว่า ยังพอมีแสงให้เธอเดินไปเตรียมไฟฉายมาถือเอาไว้ ไม่นานนักศรีจันทร์ก็มากดกริ่งรั้ว สุมิตราก็เปิดไฟฉายเดินออกมาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล “ไฟดับเหรอลูก” “ค่ะป้าศรี แต่ไม่เป็นไรค่ะ สุอยู่ได้” เธอตอบไป ในใจรู้สึกกังวลเพราะเธอต้องอยู่คนเดียวในความมืดทั้งคืน “งั้นไปรอที่บ้านป้าก่อน พรุ่งนี้ค่อยให้ช่างไปดูให้ ทั้งร้อนทั้งยุง อยู่คนเดียวได้ยังไง” ศรีจันทร์บอกด้วยความเป็นห่วง “ถ้าดับทั้งคืน สุจะทำไงล่ะคะ เกรงใจแย่เลย” “ดับทั้งคืนก็นอนที่นู่นเลย ไปล็อกบ้านให้เรียบร้อย ป้าจะรออยู่ตรงนี้” ศรีจันทร์พูดด้วยความห่วงใยจนเธอรู้สึกได้ หญิงสาวเดินไปปิดล็อกประตูแล้วเดินกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ดูเกรงใจ เดินตามศรีจันทร์ไปที่บ้าน ตอนนี้พ่อและอาของตะวันกำลังนั่งดื่มกันอยู่ เธอไหว้ทั้งสองคนแล้วยิ้มให้ เกรงใจที่มารบกวนอยู่เหมือนกัน “ให้สุนอนตรงไหนคะ” เธอถามด้วยความกังวล ศรีจันทร์ยิ้มด้วยความเอ็นดูหันไปมองน้องของสามีที่วันนี้มาดื่มเหล้าด้วย คิดว่าคงจะเมาแล้วค้างที่นี่เหมือนกัน “อืม ห้องรับแขกเหมือนว่าจะไม่ว่างแล้วล่ะ เอาเป็นว่าสุไปนอนห้องของพี่เขาก่อนก็ได้ ถ้าพี่เขากลับมาป้าจะบอกให้เขาไปนอนห้องรับแขกกับอาเขานั่นแหละ” “สุเกรงใจจังเลยค่ะ” “ไม่ต้องเกรงใจ ป้ายังยืนยันคำเดิมนะว่าอยากให้สุมาเป็นลูกสะใภ้ป้า” “ป้าศรี” เธอเรียกศรีจันทร์แล้วอมยิ้มแก้มแดงด้วยความเขินอาย สุมิตรานั่งรอจนดึกดื่นแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าตะวันจะกลับมาจนกระทั่งศรีจันทร์ที่กำลังจะเข้านอนแล้วมาเคาะห้องบอกกับเธอให้นอนไปเลยไม่ต้องรอเขา “สุนอนหลับให้สบายนะไม่ต้องกังวล ป้าส่งข้อความไปบอกตะวันแล้ว ว่าให้ไปนอนห้องรับแขก” “ขอบคุณค่ะป้าศรี” สุมิตรารู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากที่เธอไม่มีโอกาสได้เจอเขาก่อนนอน ‘ขอให้พี่ตะวันเมาแล้วเข้าห้องผิดด้วยเถอะ จะได้ลงเอยกันสักที’ เธอลุ้นในใจ แล้วแอบหัวเราะในความคิดพิเรนทร์ของตนเอง ********************** ในตอนกลางดึกที่สุมิตรานอนหลับไปแล้ว มีมืออุ่นหยาบโอบกอดเข้ามาจากด้านหลังแล้วใช้จมูกคลอเคลียเธออยู่อย่างนั้น สักพักหญิงสาวรู้สึกเหมือนเธอกำลังถูกถอดกางเกงออกจากร่าง มีคนกำลังมุดหน้าละเลงลิ้นตวัดเกี่ยวจุดกระสันของเธอและแยงปลายลิ้นกระดกเข้าออกรัวๆ มันเป็นความรู้สึกที่มีความสุข เสียวซ่านจนไม่อยากให้มันจบลง หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความแฉะและปริมาณน้ำหล่อลื่นจากเสียงดูดเลียดังกระตุ้นความกำหนัดจนเธอขนลุกซู่ไปหมด สุมิตราบิดตัวครางออกมาอย่างสุขสมคิดว่ามันเป็นเพียงความฝันแต่ว่าเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ และการเคลื่อนไหวเข้ามาในร่างของตน เขาถอดเสื้อของเธอออกไป มุดหน้าดูดเลียยอดอกเธอ จนต้องแอ่นอกรับปลายลิ้นชื้นนั้น ก่อนที่จะโดนเขาทาบทับเธอโยกสะโพกบดเบียดแท่งลำเข้าหาหน้าท้องแล้วจูบปากเธออย่างดูดดื่ม ปลายลิ้นกระหวัดเกี่ยวอย่างชำนาญจนเธอต้องยกมือกอดเขาแล้วจิกที่แผ่นหลังเพื่อระบายความเสียวซ่าน เขาจับแกนกายแข็งแรงของตนกดเข้าไปในลำตัวเธอ หยิกสาวเกร็งจิกปลายเท้า มือทุบตีที่หัวไหล่ของเขาเมื่อเขาล่วงล้ำเธอในครั้งแรก เจ้าของร่างกำยำชะงักไปสักพักก่อนจะเริ่มขยับตัวเข้าไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเสียงหายใจหอบถี่ของเขาที่ดังคลอกับเสียงครางของหญิงสาวเบาๆ สุมิตราครางออกมาด้วยความสุข รับการเข้ามาของเขาอย่างเต็มใจแล้วสูดปากครางถี่ๆ เมื่อใกล้ถึงจุดหมายแล้ว เขาทำให้เธอถึงเส้นชัยแล้วยังคงสอดใส่เข้าไปอย่างถี่ยิบในท่านั้น ก่อนจะยันตัวขึ้นคุกเข่า จับเธอนอนตะแคงแล้วสอดใส่ในท่าทแยงเข้าหาเธอ หญิงสาวดึงหมอนมาอุดปากตัวเองแล้วครางใส่หมอนด้วยความเสียว เธอถูกเขาทำให้เกิดความกำหนัดอีกครั้ง แล้วครางใส่หมอนอย่างบ้าคลั่งเมื่อโดนปลายหัวหยักเกาะเกี่ยวจุดกระสันด้านในด้วยความเร็วที่ต่อเนื่อง หญิงสาวตัวอ่อนลงไป แต่ว่าอีกฝ่ายยังคงโถมแรงลงไปไม่หยุดหย่อน สุมิตรายิ้มออกมาอย่างมีความสุข ไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งที่เธอคิดเอาไว้นั้นจะเป็นจริง ตะวันกลับมาที่ห้องแล้วกำลังปลดปล่อยความปรารถนากับเธออยู่ในตอนนี้ ความรู้สึกสุดท้ายของเธอคือตนเองโล่งสบาย สมองปลอดโปร่ง แล้วหลับไปโดยที่เสียงเนื้อกระทบกันยังคงดังก้องในโสตประสาทของเธอ ********************** สุมิตราตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยความสดชื่น เธออยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่าตั้งแต่เมื่อคืน อมยิ้มให้กับตัวเองแล้วรีบใส่เสื้อผ้าลงไปข้างล่างเพื่อที่จะกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านของตัวเอง “เดี๋ยวสุขอตัวไปอาบน้ำนะคะ เดี๋ยวจะมาช่วยทำกับข้าว” “ไม่เป็นไร รีบไปอาบน้ำแล้วมาทานข้าวด้วยกันเถอะ ไฟดับไม่รู้ว่าจะมีอะไรให้ทานไหม” “งั้นสุไม่เกรงใจแล้วนะคะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่สดใส “ว่าแต่เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม” ศรีจันทร์ถามขณะที่กำลังหั่นผักไปด้วยผักไปด้วย “หลับสบายดีค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่ป้าศรีใจดีกับสุมากขนาดนี้ เอ่อ แล้วพี่ตะวันล่ะคะ” เธอถามเมื่อตื่นมาก็ไม่เห็นตะวันแล้ว “โอ๊ย รายนั้นยังไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนเลย ไม่รู้เมื่อไหร่จะกลับ คงจะเมานอนหลับคารถไม่ก็คงไปนอนบ้านเพื่อนนั่นแหละ” คำตอบของศรีจันทร์ทำให้สุมิตราถึงกับยืนนิ่งด้วยความตกใจ ถ้าตะวันไม่ได้กลับมาแล้วเมื่อคืนใครกันล่ะที่เป็นคนทำแบบนั้นกับเธอ “ดูหน้าซีดๆ นะเป็นอะไรหรือเปล่าลูก” “เปล่าค่ะป้าศรี สุคิดถึงพ่อกับแม่ค่ะ แล้วก็เป็นห่วงบ้านด้วย ถ้ายังงั้นสุขอตัวกลับก่อนนะคะ” เธอรีบพูดออกตัว ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อแล้ว และคิดว่าตัวเองไม่ดีพอสำหรับตะวันแล้ว ตอนนั้นเองเธอก็เดินผ่านชายวัยกลางคนทั้งสอง สุมิตราไหว้ลา มองหน้าทั้งสองคนทำตัวปกติและส่งยิ้มให้เธอ หญิงสาวฝืนยิ้มด้วยความอึดอัด หญิงสาวกลับบ้านไปเอาแต่ร้องไห้ คิดถึงแผนการที่น่ารังเกียจของตัวเองจนทำให้ตัวเองต้องได้รับผลตอบแทนที่เลวร้ายอย่างนี้ ความรู้สึกเมื่อคืนที่เธอยินยอมไปเพราะคิดว่าเป็นตะวัน เธอทำด้วยความเต็มใจและรู้สึกมีความสุข แต่พอมาถึงตอนนี้มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายเสียเหลือเกินที่เธอนั้นยอมพลีกายให้กับผู้ชายคนไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้เธอคงไม่มีหน้าไปรักชอบตะวันอีกต่อไปแล้ว เพราะหนึ่งในสองคนนั้นคนใดคนหนึ่งต้องรู้ถึงสิ่งที่เธอโดนกระทำ การที่จะเข้าไปเป็นสะใภ้บ้านหลังนั้นมันก็คงจะเป็นเรื่องด่างพร้อยมากๆ การแอบรักมาสิบกว่าปีต้องจบลงเพียงเพราะความโง่ๆ รู้ดีว่าต่อไปนี้ควรตัดใจจากตะวัน เพราะฝันร้ายเมื่อคืนนี้คงทำให้เธอไม่กล้าสู้หน้าเขาอีกแล้ว สุมิตราได้แต่นอนร้องไห้อยู่ภายในบ้านทั้งวัน เธอไม่ได้ออกไปไหน ศรีจันทร์ที่เป็นห่วงเธอเดินมาถามไถ่แต่ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตูให้จนต้องกลับบ้านไปแล้วไปบ่นเรื่องนี้ให้กับตะวันที่พึ่งกลับมาถึงฟัง “น่าเป็นห่วงน้องนะ เมื่อคืนก็ไฟดับคงขวัญเสียไม่น้อย” “ไฟดับเหรอครับ” ตะวันขมวดคิ้ว “ใช่ แม่เลยให้น้องไปนอนห้องของเรานั่นแหละ” ศรีจันทร์บอกลูกชายตัวดี “แม่เลิกพูดให้เราสองคนชอบพอกันสักที เลิกวางแผนบ้าๆ เพื่อให้สุมาใกล้ชิดผมได้หรือเปล่า สิบกว่าปีที่ผ่านมาผมชัดเจนแล้วนะว่าไม่ได้คิดอะไรกับสุ” ตะวันบอกกับมารดา เขาคิดว่าการที่เธอมานอนที่ห้องของเขานั้น คงเป็นแผนการที่มารดาของเขาหวังให้เขากับเธอมีอะไรกันแล้วบังคับให้เขาต้องรับผิดชอบเธอ “แม่ไม่ใช้แผนต่ำๆ แบบนั้นหรอกนะ” “แล้วห้องรับแขกก็มี ทำไมไม่ให้สุไปนอนล่ะครับ” เขาขึ้นเสียงกับมารดา “อาของแกเมาแล้วนอนห้องนั้น อีกอย่างแม่ก็ส่งข้อความไปบอกแกแล้ว ไม่ได้อ่านหรือยังไง จะมาโวยวายอะไรตอนนี้” ศรีจันทร์พูดด้วยความโมโหที่ลูกชายขึ้นเสียงกับเธอแบบนี้ แต่พยายามไม่ถือสาเพราะจิตใจเขาอยู่ในช่วงที่เจ็บช้ำเพราะคนรักหอบข้าวของหนีไป ตะวันถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกหงุดหงิด เขาเดินกลับขึ้นห้องไปในตอนนั้น ศรีจันทร์มองตามลูกชาย มันคงเป็นความผิดของเธอที่อยากให้สุมิตรามาเป็นลูกสะใภ้ของตนเอง เพราะอยากให้ลูกชายแต่งงานกับคนบ้านใกล้เรือนเคียงที่มีฐานะเท่าเทียมกัน จะได้ไม่ไกลไปจากสายตา แต่ลืมคิดไปว่าลูกชายของตนเองนั้นไม่เคยมีใจให้สุมิตราเลย ตบมือข้างเดียวไม่ดังอย่างนี้ไม่พอยังสร้างแผลใจให้กับสุมิตราอีกด้วย **********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD