คืนแต่งงาน

1519 Words
เพราะถูกรายล้อมด้วยม่านมนตราขั้นสูงสุดที่องค์ชายปีศาจสร้างขึ้นกักขังไว้ “ข้าจะทำเช่นไรดีหลิ่งจี...ข้าขอโทษที่ไม่เชื่อคำเจ้าตั้งแต่แรก ข้าคิดถึงพวกเจ้าทุกคน เยว่ผิง ซือเซียน” เจียวอวี่นั่งกอดเข่าสีหน้าเศร้าซึม มองไปทางไหนก็มืดมิดไปเสียหมด มีแค่แสงสว่างจากคบเพลิงข้างกำแพงเพียงดวงเดียวที่พอจะให้นัยน์ตาหงส์มองเห็นพื้นที่รอบ ๆ เวลาผ่านไปนานจนไม่อาจจะรู้ได้ว่าตอนนี้เข้าสู่ยามใด ชายหนุ่มที่นอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่นานราวสองชั่วยามได้แต่พลิกตัวกลับไปกลับมาบนเตียงกว้าง ทุกครั้งที่ข่มตาลงนอนก็จะเจอแต่ใบหน้าเนียนใสของใครบางคนที่รอบกายของหญิงสาวส่งกลิ่นหอมละมุนของบุปผา นัยน์ตาหงส์ที่เรียวแต่กลมโตคล้ายกับมีน้ำใสคลออยู่ตลอดเวลานั้นฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัว “โธ่เว้ย!” จิ่นเหิงรีบลุกขึ้นและลงจากเตียงนอน เดินไปหยิบชุดคลุมแล้วเดินหายวับออกจากห้องบรรทมไปอย่างรวดเร็ว “เจ็บนะเจ้าคะ” เจียวอวี่ตกใจตื่นขึ้น เมื่ออยู่ ๆ ก็ถูกมือใหญ่ปริศนากระชากต้นแขนซ้ายให้ลุกยืนขึ้น “เจ้าร่ายมนตร์อันใดใส่ข้ากัน” จิ่นเหิงกระชากแขนหญิงสาวให้ลุกขึ้น ร่างบางเซถลาเข้าหาอกแกร่ง “ท่านพูดเรื่องอันใดกัน ข้าไม่เข้าใจเจ้าค่ะ” เจียวอวี่ใช้มือขวาที่ว่างดันอกแกร่งเอาไว้ไม่ให้มาประชิดตัว “เหตุใดทุกครั้งที่ข้าจะหลับตานอนต้องมีหน้าของเจ้ามาวนเวียนในหัวของข้าด้วย” จิ่นเหิงโวยวายเสียงดังแล้วพาเจียวอวี่หายตัวออกไปจากคุกลับใต้ดินพร้อมกัน “โอ๊ย!” ร่างบางถูกเหวี่ยงลงบนเตียงกว้างอย่างแรง ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้โต้ตอบก็ถูกชายหนุ่มร่ายมนตราพันธนาการใส่ เป็นผลทำให้นางไม่สามารถขยับตัว ได้แต่นอนนิ่งค้างอยู่ในท่านอนหงาย “ห้ามเจ้าส่งเสียงดังรบกวน…ข้าจะนอน” จิ่นเหิงกล่าวจบก็ล้มตัวลงนอนข้างหญิงสาวที่ขยับตัวไม่ได้หน้าตาเฉย เจียวอวี่ที่ถูกพาตัวมาจากคุกลับใต้ดิน เดิมนอนเหน็บหนาวอยู่นั้นสุดแสนจะทรมาน แต่พอถูกองค์ชายปีศาจที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวแล้วพาตัวนางมาอยู่ที่ห้องบรรทมก็เกิดอาการใจไม่ดี กลัวว่าองค์ชายปีศาจที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายนี้จะทำมิดีมิร้ายขึ้นมา จึงพูดเสียงเบาว่า “องค์ชายเพคะ ท่านคลายเวทพันธนาการออกให้ข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าสัญญาว่าจะอยู่เงียบ ๆ ไม่รบกวนการนอนของท่าน” เจียวอวี่พยายามจะหันหน้าไปพูดกับชายหนุ่มที่นอนอยู่ด้านข้าง แต่ก็ไม่มีวี่แววที่ชายหนุ่มจะตอบกลับมา “องค์ชาย...เพคะ” เจียวอวี่เรียกคนที่นอนอยู่ข้างกายอีกครั้งหนึ่ง แต่ร่างสูงไม่ตอบ หญิงสาวเลยเข้าใจว่าชายหนุ่มคงจะหลับไปแล้วจึงพยายามหลับตาลงเช่นกัน แต่ไม่ทันที่เทพธิดาสาวจะหลับตาลงได้สนิท ก็ถูกชายหนุ่มที่นอนอยู่ด้านข้างลุกขึ้นมาคร่อมร่าง พร้อมกับรวบมือบางไปจับไว้เหนือหัว เดิมก็ไม่สามารถขยับตัวได้อยู่แล้วยังถูกร่างใหญ่มาทาบทับตัวอีก ยิ่งทำให้คนใต้ร่างอึดอัดและตกใจ จึงกล่าวออกไปว่า “นี่ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ” เจียวอวี่เบิกนัยน์ตาหงส์กว้าง มองสบตาชายหนุ่มด้านบนด้วยแววตาตื่นตระหนก “ข้าบอกให้เจ้าอยู่เงียบ ๆ อย่ารบกวนข้า เหตุใดถึงพูดไม่รู้เรื่อง” องค์ชายปีศาจผู้แสนจะเอาแต่ใจตำหนิหญิงสาวใต้ร่าง พลางมองสำรวจทั่วใบหน้าใส “องค์ชายช่วยปลดเวทพันธนาการให้หม่อมฉันก่อนได้ไหมเพคะ หม่อมฉันสัญญาว่าจะไม่ส่งเสียงรบกวนองค์ชายแม้เพียงครึ่งคำ” เจียวอวี่พยายามพูดหวานหว่านล้อมองค์ชายปีศาจ “ถ้าข้าไม่อยากปลดเวทพันธนาการให้แล้วเจ้าจะทำอันใดข้าได้ ท่านเทพธิดา” จิ่นเหิงยียวนกวนประสาทคนใต้ร่าง เจียวอวี่มองสบตาชายหนุ่มอย่างนิ่ง ๆ ไม่แสดงอารมณ์ร้อนรนหรือโวยวายอย่างที่ชายหนุ่มคิด เพียงเท่านี้กลับทำให้องค์ชายปีศาจผู้เอาแต่ใจรู้สึกร้อนรนขึ้นมาเสียเอง “ข้าถาม เหตุใดเจ้าถึงไม่ตอบ” จิ่นเหิงใช้มืออีกข้างที่ว่างบีบเข้าที่ปลายคางหญิงสาวอย่างแรงเพื่อหวังให้นางร้องออกมาแม้เพียงสักครึ่งคำ เช่นนั้นชายหนุ่มจึงจะรู้สึกดีพระทัยสมปรารถนา แต่หญิงสาวกลับต่อต้าน นางเม้มริมฝีปากบางแน่น ไม่ยอมร้องออกมาแม้เพียงคำเดียว การกระทำนี้กลับสร้างความโมโหให้กับชายหนุ่มเป็นอย่างมาก “ดี! เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องพูด และถ้าข้าทำอะไรเจ้าขึ้นมาก็อย่ามาร้องไห้ให้ข้าได้ยินแม้เพียงครึ่งคำ” ชายหนุ่มพูดจบก็กดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางอย่างรุนแรง “อือ อื้อ!” หญิงสาวที่ขยับตัวหนีไม่ได้ ได้แต่พยายามหันหน้าหนีการกระทำที่อุกอาจจากชายหนุ่ม ร่างสูงที่ไม่สามารถสอดลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากบางได้จึงใช้เขี้ยวคมขบเข้าที่ริมฝีปากสาวอย่างแรง จึงทำให้เจียวอวี่ตกใจและรู้สึกเจ็บจนเผลออ้าปากจะต่อว่าชายหนุ่ม “อื้อ เจ็บนะ อ่อยอ้าอะ! (ปล่อยข้านะ!)” เจียวอวี่ที่ถูกร่างสูงขบริมฝีปากบางจนเลือดซิบจึงพยายามเอ่ยต่อว่ากายแกร่งด้านบน แต่ก็พูดได้เพียงแค่สองคำ ร่างสูงที่คร่อมกายอยู่ด้านบนก็บดเบียดริมฝีปากร้อนลงมาบนริมฝีปากบางของหญิงสาว กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั้งโพรงปากหวาน แต่ก็ไม่อาจฉุดรั้งคนใจร้ายให้หยุดกระทำย่ำยีได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว “อืม” เสียงครางอย่างพึงพอใจจากบุรุษที่หลงลืมตัวบดริมฝีปากร้อนจูบหญิงสาวที่ตนเอ่ยปากบอกว่า ‘เกลียดนักหนา’ เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งพันปีกาลที่ชายหนุ่มเผลอตัวใกล้ชิดกับสตรีอย่างลึกซึ้งถึงเพียงนี้ ไฟราคะถูกจุดจนไม่อาจจะดับมอดลงได้ ชายหนุ่มปล่อยให้ไฟตัณหาราคะครอบงำจิต ไม่อาจหยุดความต้องการของบุรุษเพศได้ เคลื่อนใบหน้าคมลงซุกไซ้ซอกคอบาง กลิ่นหอมของบุปผาอ่อน ๆ ที่เขาไม่รู้ตัวเลยสักเพียงนิดว่าได้เสพติดและหลงใหลเข้าแล้ว “อื้อ ยะ อย่านะ หยุดทำเช่นนี้นะเจ้าปีศาจบ้า” เจียวอวี่ตกใจที่ชายหนุ่มเคลื่อนใบหน้าลงมาซุกไซ้ซอกคอ มันทั้งรู้สึกตกใจแล้วก็รู้สึกสยิวทั่วทั้งกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พยายามเบี่ยงใบหน้าหันหนีริมฝีปากร้อนที่กำลังขบเม้มลำคออย่างปีศาจที่หิวกระหาย “กล้าว่าข้าเป็นปีศาจบ้า ปากดีเช่นนี้เจ้าไม่อยากอยู่แล้วใช่หรือไม่” จิ่นเหิงเงยหน้าขึ้นมาข่มขู่หญิงสาวเมื่อชายหนุ่มได้ยินคำพูดที่ไม่เข้าหู “ฆ่าข้าเลยเจ้าค่ะ ข้ายอมตายแต่ไม่ยอมให้ท่านข่มเหงรังแกกันเช่นนี้แน่” เจียวอวี่ทำใจกล้าท้าทายองค์ชายปีศาจที่แสนจะโหดเหี้ยมน่ากลัวตรงหน้า “ไม่ต้องท้าทาย ข้าจะให้เจ้าได้ตายแน่ แต่ข้าไม่อยากได้ชีวิตเทพของเจ้าหรอก” ชายหนุ่มใช้สายตาโลมเลียไปทั่วร่างกายของเทพธิดาสาว สร้างความร้อน ๆ หนาว ๆ ให้กับคนใต้ร่างที่เผลอปากเก่งอยู่ไม่น้อย “อย่าคิดทำอะไรบ้า ๆ นะ อื้อ! ปล่อย! อือ อื้อ” หญิงสาวพูดได้เพียงครึ่งคำก็ถูกร่างสูงก้มลงประกบริมฝีปากบดเบียดลิ้นร้อนลงมาควานหาน้ำหวานจากโพรงปากสาว กายแกร่งด้านบนใช้ฝ่ามือหนาฉีกกระชากชุดเจ้าสาวของหญิงสาวจนแหลก เหลือแต่เอี๊ยมตัวบางที่ปิดบังยอดปทุมถันทรงใหญ่โตนั่นเพียงตัวเดียว ชายหนุ่มไม่รอช้า ใช้ฝ่ามือร้ายจู่โจมเคล้นคลึงทรวงอกใหญ่โตของหญิงสาวอย่างมัวเมา “อา ยะ อย่า อื้อ” หญิงสาวร้องครางห้ามชายหนุ่มด้านบนอย่างไม่เป็นภาษา แต่ก็ไม่สามารถห้ามความร้อนแรงที่ถูกกระทำย่ำยีได้เลย “อา อะ อ้า” หญิงสาวรู้สึกเสียวสยิวไปทั่วทั้งร่างบาง เมื่อถูกชายหนุ่มด้านบนใช้ลิ้นร้อนเลียลิ้มชิมยอดปทุมถันนั่นอย่างรุนแรง “อืม” ร่างสูงด้านบนค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมออกอย่างรวดเร็ว ทั้งกายเหลือเพียงกางเกงสีขาวบางปิดบังแท่งรักร้อนที่แข็งขืนนั่นไว้ พร้อมกับค่อย ๆ โลมเลียไปตามผิวกายสาวที่ทั้งส่งกลิ่นหอมและมีรสชาติหวานจนน่าจับกินไปทั้งตัว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD