บัญชาฟ้า ลิขิตปีศาจหลากร้อยเล่ห์
ดึงสองเผ่าพันธุ์ให้มาอยู่ร่วมกัน
“เจียวอวี่อยู่ที่ไหน รีบหนีไป” เสียงของจ้านหลิ่งจี เทพธิดาชั้นก่อเกิดระดับเก้ามีหน้าที่ดูแลน้ำตะโกนบอกสหายรัก ในขณะที่กำลังเหาะเหินลงมาจากบนฟ้าที่มีทหารสวรรค์ไล่ตามมาติด ๆ
“ข้างนอกเสียงดังโวยวายอะไรกันหรือเยว่ผิง” เทพธิดาดูแลพืชพรรณนามว่าจ้านเจียวอวี่ ถามเทพดูแลรับใช้ข้างกาย
“เสียงของคุณหนูหลิ่งจีเจ้าค่ะ” เยว่ผิงเอ่ยตอบผู้เป็นเจ้านาย เทพธิดาดูแลพืชพรรณยืนรอสหายรักให้เข้ามาภายในตำหนักไม่ไหวจึงรีบเดินออกไปที่หน้าวัง และภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของหญิงสาวก็คือสหายรักกำลังปล่อยพลังปราณสู้กับทหารสวรรค์อยู่
“เกิดเหตุอันใดขึ้น” เจียวอวี่รีบออกไปสกัดทหารสวรรค์ที่ปล่อยปราณยุทธ์ขั้นก่อเกิดระดับเจ็ดใส่หลิ่งจีที่มีปราณยุทธ์เพียงขั้นก่อเกิดระดับเก้าเท่านั้น เพียงแค่เทพธิดาสาวเจ้าของวังบุปผาสาดพลังปราณยุทธ์ขั้นสูงระดับแปดใส่ ทหารสวรรค์ก็พากันล้มลงดิ้นทุรนทุราย
“เจียวอวี่ เจ้าต้องรีบหนีไปเดี๋ยวนี้ ข้าไปบังเอิญได้ยินท่านเง็กเซียนทรงปรึกษาหารือกับท่านแม่ทัพสวรรค์ ว่าจะส่งเจ้าไปเป็นเครื่องบรรณาการจากสวรรค์เพื่อทำข้อยุติสงครามระหว่างเผ่าปีศาจตระกูลเฝิงที่แข็งแกร่งมากขึ้นในรอบสองพันปีที่ผ่านมา และกองทัพสวรรค์อาจจะต้านทานได้ไม่เกินหนึ่งร้อยปี เพราะมีเทพแปรพักตร์เข้าฝั่งมารกันมาก ซึ่งฝั่งมารก็อยู่ใต้อำนาจเผ่าปีศาจตระกูลเฝิงอีกที ดังนั้นเจ้าต้องรีบหนีไป เพราะจากที่ได้ยินมานั้น องค์ราชาปีศาจต้องการให้เจ้าไปเป็นพระชายาในองค์รัชทายาทที่ขึ้นชื่อเรื่องโหดเหี้ยมอำมหิตและไม่ชอบสตรีมากที่สุด” หลิ่งจีพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วงในสวัสดิภาพของสหายรักที่เติบโตด้วยกันมายาวนานกว่าหลายพันปีกาล
“หลิ่งจีใจเย็นก่อน เรื่องที่เจ้าพูดจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน” เจียวอวี่ทำหน้าสงสัยจนไม่อาจจะปักใจเชื่อเรื่องราวพวกนี้ได้ทั้งหมด ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อมั่นในสหายรัก เพียงแต่หญิงสาวคาดการณ์ว่าต้องมีสิ่งใดที่ทำให้หลิ่งจีเกิดความเข้าใจผิดเป็นแน่ กองทัพสวรรค์ไม่มีทางจะพ่ายแพ้เผ่าปีศาจตระกูลเฝิง ระหว่างที่เทพธิดาดูแลพืชพรรณกำลังครุ่นคิดในใจอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดลมวูบใหญ่พัดมาพร้อมกับการปรากฏกายของแม่ทัพสวรรค์
“ที่หลิ่งจีพูดทั้งหมดเป็นความจริง” แม่ทัพสวรรค์นามว่าจิ้นฝู นำกองทัพสวรรค์มาหนึ่งร้อยตนเพื่อมาพาเทพธิดาดูแลพืชพรรณไปตามพระประสงค์ขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้
“ท่านแม่ทัพอย่าพาเจียวอวี่ไปนะเจ้าคะ” หลิ่งจีกางมือทั้งสองออกเพื่อปกป้องสหายรักเพียงคนเดียวบนสวรรค์ชั้นฟ้า
“หลบไปหลิ่งจี เจ้าจะขัดราชโองการของเง็กเซียนฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ” จิ้นฝูประกาศกร้าว พร้อมกับยกมือขึ้นเพื่อจะปล่อยปราณยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับแปดใส่หลิ่งจี
“ท่านแม่ทัพอย่าทำอันใดหลิ่งจีเลยเจ้าค่ะ” เจียวอวี่รีบดึงแขนสหายรักให้มาหลบที่ด้านหลังในขณะที่นางเผชิญหน้าอยู่กับท่านแม่ทัพ เพราะกลัวว่าเขาจะสาดพลังปราณยุทธ์ใส่หลิ่งจี
“ท่านเทพธิดาต้องไปกับข้าตามราชโองการของท่านเง็กเซียนฮ่องเต้” จิ้นฝูเอ่ยบอกเจียวอวี่ที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า
“รับราชโองการ เทพธิดาดูแลพืชพรรณ ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ทรงมอบเจ้าให้ไปเป็นเครื่องบรรณาการแก่เผ่าปีศาจตระกูลเฝิง จุดประสงค์เพื่อให้ไปเป็นพระชายาในองค์ชายรัชทายาทเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างสองภพ จบราชโองการ” จิ้นฝูประกาศราชโองการในนามองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ทวยเทพทุกตนก้มหน้าคุกเข่าอย่างพร้อมเพรียงเพื่อรับราชโองการ
“รับราชโองการเพคะ” เสียงของเจียวอวี่เปล่งออกมาแผ่วเบา หญิงสาวรู้สึกตกใจและยืนนิ่งค้างไปในทันที
“เจียวอวี่ เป็นอันใดมากหรือไม่” หลิ่งจีมองสหายรักที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเป็นห่วง
“ไม่มีเวลาแล้ว เจ้าต้องไปกับข้าเดี๋ยวนี้” จิ้นฝูกล่าวจบก็ร่ายมนตราเรียกเกี้ยวเจ้าสาวให้ปรากฏขึ้นมา เทพธิดาสาวถูกเปลี่ยนให้อยู่ในชุดเจ้าสาวสีแดง
“เจียวอวี่…” หลิ่งจีจับมือสหายรักแน่น
“หลิ่งจี ข้าฝากดูแลวังบุปผา ส่วนซือเซียนและเยว่ผิงต้องดูแลหลิ่งจีให้ดี ถ้าข้าได้ขึ้นมาสวรรค์จะรีบมาเยี่ยมเยียนพวกเจ้า” เจียวอวี่พูดจบก็ดึงมือหลิ่งจีออก และเดินขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ก่อนจะหันมามองทุกคนด้วยแววตาอาลัย
“ข้าจะยอมทำเพื่อสวรรค์ของพวกเรา” หญิงสาวกล่าวจบก็หันหลังเดินขึ้นเกี้ยวไปทันที โดยมีท่านแม่ทัพสวรรค์เป็นคนนำขบวนเกี้ยวเจ้าสาวเดินทางไปยังดินแดนปีศาจ
ณ วังเป่ยเปียน (วังรัชทายาท) ดินแดนปีศาจ
“ลูกไม่แต่งพ่ะย่ะค่ะ ทำไมเสด็จพ่อถึงไม่ถามความสมัครใจของลูกก่อน” องค์รัชทายาทปีศาจนามว่าเฝิงจิ่นเหิง โวยวายเสียงดังลั่น บุรุษมีสีหน้าไม่พอใจอย่างมากที่ได้รู้ว่าตนเองถูกจับคลุมถุงชนให้แต่งงานในวันนี้
“เจ้าไม่แต่งงานไม่ได้ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับศึกสงครามหลายพันปีระหว่างเผ่าปีศาจของเรากับสวรรค์ ข้าอยากจะสละราชสมบัติเต็มทน และเจ้าจะขึ้นครองราชย์ได้ก็ต่อเมื่อต้องมีพระชายาแล้วเท่านั้น ไม่มีผู้ใดเหมาะสมที่จะเป็นลูกสะใภ้ข้าไปกว่าเทพธิดาจ้านเจียวอวี่อีกแล้ว” ราชาปีศาจประกาศกร้าว
“ลูกไม่สนใจว่านางจะเป็นเทพธิดาหรือไม่ หรือแม้ว่านางจะเป็นปีศาจลูกก็ไม่อยากแต่ง” จิ่นเหิงตีหน้าดุดัน เขาดึงดันอย่างคนที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ
“นี่เป็นราชโองการ และเจ้าไม่มีสิทธิ์เลือก” ราชาปีศาจตัดบทแล้วหันหลังสลัดผ้าคลุมหายวับออกจากวังเป่ยเปียนไป
เมื่อราชาปีศาจเสด็จออกจากวังไปแล้ว องค์รัชทายาทก็หันหน้าไปหาองครักษ์ข้างกายที่มีนามว่าหยางหลินทันที
“เจ้าไปจัดการอย่าให้ขบวนเจ้าสาวมาถึงดินแดนปีศาจ ข้าไม่เชื่อว่าเผ่าปีศาจที่แข็งแกร่งอย่างเราจะต่อกรกับกองทัพสวรรค์ของจิ้นฝูไม่ได้” จิ่นเหิงยืนกำหมัดแน่น นัยน์ตาดุดัน บุรุษรู้สึกกระหายในการทำศึกสงครามมากยิ่ง
ตัดภาพมาที่ขบวนเกี้ยวของเจ้าสาว
“เจ้าอย่าได้คิดกล่าวโทษหรือโกรธเคืองท่านเง็กเซียนฮ่องเต้เลย พระองค์ตัดสินใจเช่นนี้ล้วนมีเหตุผล” จิ้นฝูพยายามปลอบใจเทพธิดาพืชพรรณที่มีรูปโฉมสะคราญเลื่องลือไปทั่วทั้งสามภพ
“ข้าไม่ได้โกรธเคืองท่านเง็กเซียนฮ่องเต้เลยเจ้าค่ะ ข้าทราบดีว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผล หากข้าได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยยุติสงครามระหว่างสองภพนี้ได้ ข้าก็ยินยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ทุกคนต้องนองเลือด” เจียวอวี่นั่งก้มหน้ามองมือทั้งสองด้วยแววตาเศร้าซึม แต่ยังคงน้ำเสียงสดใสไว้เพราะไม่อยากให้ท่านแม่ทัพจิ้นฝูรู้สึกผิด
“ท่านแม่ทัพขอรับ มีกองทัพเผ่าปีศาจจำนวนหนึ่งมาขัดขวางหน้าขบวนเกี้ยวบริเวณทางเข้าดินแดนปีศาจขอรับ” ทหารสวรรค์ผู้หนึ่งรีบเข้ามารายงานท่านแม่ทัพที่ยืนอยู่หน้าเกี้ยวเจ้าสาวทันที
“บังอาจนัก! ใครที่กล้ามาขวางทางขบวนเกี้ยวว่าที่พระชายาองค์รัชทายาทปีศาจ” แม่ทัพจิ้นฝูประกาศพร้อมกับส่งสัญลักษณ์เทพขึ้นบนท้องฟ้าเพื่อส่งสัญญาณให้องค์ราชาปีศาจรู้ว่าขบวนเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงแล้ว
ฉับพลันทั่วทั้งบรรยากาศและในบริเวณนี้ก็มีความรู้สึกอ้างว้างและเหน็บหนาวเข้ามาแทนที่ การเสด็จมาขององค์ราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่พร้อมกับกองทัพปีศาจประมาณหนึ่งร้อยตนได้ปรากฏขึ้นด้านหน้าของขบวนเกี้ยวเจ้าสาว
“หนาวจัง” เจียวอวี่ที่อยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวสัมผัสได้ถึงบรรยากาศวังเวงและเหน็บหนาว สตรีจึงยกมือขึ้นมากอดตัวเองไว้เพื่อคลายความหนาว
“ขอต้อนรับท่านแม่ทัพและท่านเทพธิดาสู่ดินแดนปีศาจ” ราชาปีศาจนั่งอยู่บนหลังสัตว์อสูรตัวมหึมาประกาศกร้าว เสียงเฮจากเหล่าปีศาจและสัตว์อสูรดังลั่นก้องกังวานไปทั่วสารทิศ
“กระหม่อมมีนามว่าจิ้นฝู มาในนามขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ขอนำขบวนเกี้ยวเจ้าสาวมาส่งตามสัญญาพ่ะย่ะค่ะ”
จิ้นฝูกล่าวเสียงดัง พร้อมกับยื่นฎีกาสัญญาสงบศึกระหว่างสองภพเป็นเวลาห้าพันปีกาลนับจากวันนี้ให้กับปีศาจตนหนึ่งนำไปถวายให้องค์ราชาปีศาจ