วันต่อมา…
เพราะบ่ายวันนั้นฉันเป็นคนลั่นวาจาออกไปเอง เช้าวันต่อมาพวกเราเลยนัดรวมตัวกันที่หน้าตึกคณะวิศวฯ แต่พอมาคิดได้ว่า ฉันเองก็ไม่ได้รู้จักนักศึกษาชายคนนั้นเป็นการส่วนตัว ที่สำคัญการพบกันระหว่างเรามันก็เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญทั้งสองครั้ง แผนการที่คิดว่าจะทำก็เลยเหมือนจะต้องเป็นอันยกเลิกไป
“ไงล่ะเจ้าชายของมหาชน เมื่อวานพูดซะดิบดี เอาเข้าจริงงานดันล่ม” ไอ้พีบ่นอุบท่าทางเซ็งชีวิตหลังจากที่เมื่อวานมันแสดงท่าทีครึกครื้นมาตลอดหลังจากมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างมากว่าวันนี้จะได้ใช้กำลัง
“ก็ข้าลืมนี่หว่า ว่าไม่รู้จักมัน” ฉันแย้ง ลึกๆ ก็รู้สึกเสียดายใช่เล่นที่วันนี้อาจต้องพลาดเรื่องสนุกๆ
“ถ้าไม่มีไรทำ ไปเตะบอลกับพวกพี่โอ๊ตป่ะ แก้เซ็ง” เทาที่น่าจะมองความรู้สึกฉันออก เสนอขึ้น พลางตบไหล่เบาๆ ขณะลุกขึ้น เหมือนเป็นการเรียก เมื่อไม่มีทางเลือก พวกเราทั้งหมดก็จำต้องลุกตามคำชวนของมัน ทว่า…
“พี่เก้าคะ…” เสียงหวานเล็กๆ ของใครบางคน ทำพวกเราทั้งหมดเหลือบมองไปยังเจ้าของเสียงโดยพร้อมเพรียง ก่อนพบเข้ากับนักศึกษาหญิงตัวเล็กๆ น่าตาน่ารัก เธอทำผมทรงบ๊อบสั้นเหมือนตุ๊กตา ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนว่าเธอจะชื่อ
‘โกกิ’ แถมป๊อบมากในหมู่ผู้ชายเพราะตัวเล็ก แถมยังมีความน่ารักในแบบที่เด็กผู้หญิงควรจะมี ที่สำคัญผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนเป็นแฟนคลับของฉันเอง
“ขอเวลาคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ?” โกกิเอ่ยปากถามน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ ท่าทางนอบน้อมและเคอะเขินทำให้เธอดูน่ารักเข้าไปอีก
“เอาสิ” ฉันรับปาก พลางก้าวเท้าลงบันไดหน้าตึกคณะเข้าไปหาเธอ ปล่อยเพื่อสนิทสองคนยืนมองด้วยความอิจฉา
“คืออย่างงี้ค่ะ หนูว่าหนูจะซื้อเค้กให้พี่เก้าตอนวันเกิด” เธอเริ่มพูดเข้าประเด็นทันทีที่ฉันก้าวลงบันไดขั้นสุดท้ายมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ “ความจริงแล้วหนูก็ไปสั่งเค้กมาให้แล้วนะคะ แต่ดูเหมือนว่าทางร้านเขาจะไม่เข้าใจรสชาติที่หนูต้องการ”
“อ่าหะ… แล้วยังไงต่อ?” ฉันถามพลางแขนลงกับราวกั้นบันได มองหน้าคนพูดตามนิสัยเคยชิน
โกกิแสดงสีหน้าเขินอาย บิดตัวไปมา ใบหน้าขาวเนียนเธอกำลังขึ้นสีจางๆ จากนั้นก็พูดออกมา
“หนะ หนูอยากชวนพี่เก้าไปที่ร้านเค้กที่ว่าน่ะค่ะ”
เค้กเหรอ? น่าแปลกนะที่ผู้หญิงหลายๆ คนชื่นชอบเค้กเป็นชีวิตจิตใจ กินได้ไม่รู้จักเบื่อ ต่างจากฉันเพียงแค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกเลี่ยนในคออย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่แค่เค้กหรอก ทุกอย่างที่ขึ้นชื่อว่าขนมหวาน ไม่ว่าอะไรก็ไม่ชอบทั้งหมดนั่นแหละ
“กิไม่ต้องซื้อให้พี่ก็ได้ พอดีว่าพี่ไม่ชอบกินพวก…” ฉันพยายามปฏิเสธน้ำใจของเธอให้ดูไม่ทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายจนเกินไป แต่…
“หนูรู้ค่ะ ว่าพี่เก้าไม่ชอบกินของหวานๆ หนูเลยสั่งให้เขาทำเค้กที่มีรสชาติเหมือนดาร์กช็อกโกแลตเอาไว้ แต่หนูกลัวว่ารสชาติอาจจะไม่ถูกปากพี่น่ะค่ะ ก็เลยอยากจะลองชวนพี่ไปชิมเค้กที่ร้านนั้นทำสักหน่อย…”
“คือว่าวันนี้พี่…”
ฟึ่บ!
“น้องอุตส่าห์ชวน ก็ไปสักหน่อยดิ วันนี้มึงตั้งใจจะโดดอยู่แล้วไม่ใช่อ่อเก้า?” เสียงเข้มเอ่ยขัดขึ้น พร้อมด้วยท่อนแขนหนักๆ ของไอ้พีพาดวางลงบนบ่าอย่างรู้มาก พลอยให้เด็กสาวตัวเล็กตรงหน้าฉีกยิ้มกว้างพลางปรบมือแปะๆ
“พวกพี่ๆ ก็ไปด้วยกันนะคะ เดี๋ยวหนูเลี้ยงเองก็ได้” แถมยังเอ่ยปากเสนออย่างมีความหวัง
“เอาสิ ถ้าที่นั่นมีเอสเพรสโซ่ให้ดื่ม เก้าก็คงไม่ตายเพราะเค้กหวานๆ หรอกเนอะ” คำพูดหักคอแถมยังตอบรับกันเองอย่างหน้าตาเฉยของเพื่อนสนิท ทำให้ฉันได้แต่เหลือบมองพวกมันตาขวางที่บังอาจรู้ดี และเมื่อหันกลับไปมองหน้าโกกิซึ่งเต็มไปด้วยความหวังเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยแล้ว ฉันก็เลยไม่มีทางเลือก จำต้องตอบรับคำชวนในที่สุด
“อ่าๆ ไปก็ไป” ไอ้พีที่แสดงออกว่าอยากไปจนออกนอกหน้าร้องเยส! เสียงดังลั่น ด้วยความหมั่นไส้ฉันจึงจงใจกระแทกศอกใส่ท้องมันอย่างเต็มแรง แล้วหันไปคว้ามือโกกิให้เดินตามไปจุดที่จอดรถมอเตอร์ไซค์เอาไว้
ฉันให้โกกิซ้อนท้ายไปด้วยกัน และบึ่งรถไปตามทางที่เธอบอก แน่ล่ะ ในเมื่อทั้งชีวิตฉันไม่เคยพาตัวเองเฉียดเข้าใกล้ร้านเค้กอะไรแบบนี้สักนิด ส่วนไอ้เทากับพีก็บิดรถตามหลังมาอย่างติดๆ
พวกเราทั้งหมดถึงร้านที่เป็นเป้าหมายในเวลาไม่ถึง20นาที นับระยะทางตั้งแต่หน้าตึกคณะไปจนถึงร้าน
ร้านเค้กแห่งนี้หนาตาไปด้วยนักศึกษาจากหลายๆ ที่ รวมไปถึงพนักงานสาวออฟฟิต น้อยมากที่จะเห็นผู้ชายสักคน เพราะที่เห็นก็คงจะเป็นพวกที่มากับแฟนเท่านั้น บรรยากาศของร้านเหมือนหลุดออกมาจากในหนังสือนิตยสารต่างประเทศไม่เล่มใดก็เล่มหนึ่ง มีพื้นที่ให้นั่งทั้งภายในตัวร้านและนอกร้าน ในตัวร้านตกแต่งสไตล์โมเดิลหน่อยๆ ส่วนด้านนอกร้านให้บรรยากาศเหมือนนั่งจิบชากาแฟกินเค้กอยู่กลางทุ่งดอกไม้ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนถึงเต็มร้านแบบนี้
“พี่เก้า ไปนั่งรอกิที่โต๊ะหมายเลข 3 นะคะ กิจองไว้แล้ว” คนตัวเล็กรัวคำพูดบอกทางทันทีเมื่อลงจากรถ ท่าทางเธอดูรีบร้อนคล้ายกับมีธุระ
“แล้วเอ็งจะไปไหนอ่ะ?”
“หนูสั่งของที่ร้านหนังสือข้างๆ เอาไว้ค่ะ ขอตัวไปเอาแป๊บนะคะ” โกกิพูดน้ำเสียงเขินๆ เธอก้มหัวลงเล็กน้อย ก่อนหันหลังวิ่งย้อนกลับไปอีกทาง ปล่อยให้ฉันยืนนิ่งแบบคงไม่รู้ที่กับเพื่อรักสองคน
“ไหนๆ ก็พลาดเรื่องไอ้เด็กนั่นไปแล้ว คิดซะว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศดิ” เทาพูดยิ้มๆ พร้อมทั้งเดินตบไหล่ฉันสองทีก่อนเดินตรงเข้าไปในร้าน ตรงไปยังจุดที่โกกิบอกให้รอ
เปลี่ยนบรรยากาศเหรอ… ขอให้มันดีเถอะ
ฉันได้แต่ภาวนาในใจยอมกลับหันหลังเดินตามหลังไอ้เทากับไอ้พีเข้าไปในร้าน วินาทีที่เดินย่างกรายเข้ามาภายในบริเวณ สายตาของผู้หญิงซึ่งกำลังมีความสุขกับขนมหวานตรงหน้ารวมไปถึงเครื่องดื่มสีสันสดใส ก็เริ่มจับโฟกัสมาที่ฉันทันที
เพราะคล้ายกับเป็นเรื่องชินไปแล้วฉันจึงทำได้แค่กลอกตาเซ็งๆ เดินผ่านโต๊ะพวกเธอไป ท่ามกลางเสียงซุบซิบที่ฟังแล้วโคตรจะขัดใจ
“หนุ่มวิศวฯมหาวิทยาลัยไหนอ่ะแก หล๊อหล่อ~”
“คนสุดท้ายหล่อปังพังจิตใจมาก มีแฟนยังก็ไม่รู้~~” ถึงจะบอกว่าไม่ค่อยสนใจสายตาหรือคำชมคนนอกที่มักมองว่าฉันเหมือนผู้ชายก็ตาม แต่เอาเข้าจริงลึกๆ ฉันก็อยากตะโกนแซกหน้าพวกเธอกลับไปเหมือนกันนะ ว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงมาด้วยฝีมือผู้ชายเท่านั้น !
แต่ก็นะ บอกไปพวกเธออาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกก็ได้ ก็ฉันดันตัวสูงอย่างกับเปรต แถมยังเสียงห้าวออกไปทางแมนขนาดนี้ แถมตอนนี้ชุดแต่งกายฉันยังเป็นเสื้อกล้ามสีดำสวมทัมด้วยช็อปวิศวะด้านนอก กับกางเกงยีนเข้ารูปขาดๆ เซอร์ๆ แบบผู้ชาย บอกให้ตายพวกเธอคงจะเชื่อหรอก…
“เฮ้อออ~” ฉันถอนใจอย่างเหนื่อยหน่ายชีวิต พลางทิ้งตัวลงนั่งยังโต๊ะหมายเลข 3 พานให้ไอ้เทากับไอ้พีเหลือบมองอย่างพร้อมเพรียงกัน
“นั่งปุ๊บก็ถอนหายใจเลยนะมึง” ไอ้พีมนุษย์ปากไวเอ่ยปากแซว ขณะมือไม้ยุ่งอยู่กับการแจกเมนูอาหารส่งให้ฉันกับไอ้เทาคนละใบ “กินไรสั่ง น้องคนนั้นเลี้ยง~”
งานกินฟรี ทำให้เพื่อนชายคนนี้อารมณ์ดีกว่าที่เคย ฉันพยายามเลี่ยงความสนใจจากสายตาของเด็กสาวๆ รอบโต๊ะที่นั่ง ลดสายตาไล่อ่านเมนูทีละรายการแก้เซ็ง โดยมีเสียงของไอ้พีถามอยู่ตลอดเวลา
“พวกมึงจะสั่งอะไรกันวะ?”
“ไม่รู้ ถามเก้า” ส่วนไอ้เทาก็โบ้ยมาที่ฉัน จำต้องไล่อ่านรายชื่ออาหารที่ไม่คุ้นตาเลยสักนิด
“สวัสดีครับ ชูเคร่ คาร์เฟ่ยินต้อนรับ” เสียงของบุคคลซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพนักงานของร้านเอ่ยทักขึ้นอย่างนอบน้อม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฉันลดเมนูในมือลง จนสามารถมองเห็นหน้าของเด็กหนุ่มในชุดพ่อครัวทำขนมได้อย่างชัดเจน
เขาไม่ได้สนใจฉัน สายตาเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง แต่ก็ครู่เดียว นัยน์ตาคมแสนคุ้นจึงค่อยๆ เหลือบกลับมามองพวกเราที่โต๊ะ เมื่อสายตาของเราสองคนสบเข้ากันโดยบังเอิญ วินาทีนั้นสีหน้าเรียบเฉยของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่นั่นไม่ใช่กับฉันที่จู่ๆ รอยยิ้มมันดันกระตุกเหยียดเองแบบไม่สามารถบังคับได้
ใช่ เขาคือผู้ชายคนเดียวกับที่ฉันกำลังตามหาตัวอยู่ เข้าข่ายบังเอิญโลกกลม พรหมลิขิต ก็ว่าได้
ไอ้ลูกเจี๊ยบ!