หลายวันต่อมา
"วันนี้หนูจะติดรถใครไปมหาลัยได้บ้างคะ" นาเบลในชุดนักศึกษา แบบถูกกฏระเบียบของทางมหาวิทยาลัยทุกประการ แต่งเติมเครื่องสำอางค์เล็กน้อย ดูโตเป็นสาวเต็มวัย มีส่วนเว้าส่วนโค้งเด่นประจักษ์
"....." ท่อนแขนเรียวเล็กกอดหนังสือเรียนแนบอกอวบ แววตาใสซื่อมองชายหนุ่มมาดเนียบที่นั่งสูบบุหรี่ กำลังใช้ความคิดอ่านแฟ้มเอกสาร เตรียมตัวเข้าประชุมผู้ถือหุ้นเช่นเคย ถึงจะผ่านมาหลายวันต้องใช้ชีวิตร่วมกันในเพ้นเฮ้าส์ เขายังทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน แทบนับประโยคพูดคุยก็ว่าได้
"ไอ้โจ!" เสียงเข้มดังก้อง แม้นัยน์ตาคมจดจ่อสิ่งสำคัญในมือ
"ครับนาย" โจกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามคำเรียกเจ้านาย ชุดสูทสีดำกริบดูลึกลับเหมาะสมกับตำแหน่งผู้ช่วยคนสนิท แม้แต่ใบหน้ายังนิ่งเรียบเหมือนกัน
"ไปส่งเธอที่มหาลัย"
"ครับ"
"แล้วนี่สำหรับเธอ" ต้นไม้ล้วงหยิบกระเป๋าตังค์ในกางเกงสแลค ควักแบงค์สีม่วงหนึ่งใบส่งให้เด็กสาว เหมือนกับผู้ปกครองกำลังจ่ายเงินให้ค่าขนม เขาทราบจากพ่อแม่ของเธอว่ายังอยากให้เข้มงวด เพื่อไม่ให้เด็กสาวติดนิสัยเคยตัวและชอบฟุ่มเฟือย ในวัยที่ยังไม่สามารถหาเงินด้วยตัวเอง
"ขอบคุณค่ะ ถ้าเหลือหนูจะเอามาหยอดกระปุกนะคะ" รอยยิ้มหวานผุดขึ้นอย่างดีใจ รีบก้มไหว้แล้วรับเงินใส่กระเป๋าสะพาย ถึงแม้รู้ว่าเงินแค่นี้เป็นเพียงเศษกระดาษของเขา แต่ก็อยากประหยัดตามที่ถูกอบรมมา ร่างอรชรหมุนตัวเตรียมไปเรียนวันแรก โจได้ออกไปหน้าห้อง ให้เวลาเธอได้ก้มสวมใส่รองเท้าส้นสูงตามอัธยาศัยเสียก่อน
"ปิดประตู!!!"
"คะ???" ดวงกลมโตขยายไม่เข้าใจ หันมองตามเสียงตะหวาด
ปั้ง!!!!
"พระไม่มีบ้างหรอ ผีถึงกล้าเข้าสิง" เสียงใสบ่นพึมพำ แค่ก้มใส่รองเท้าผิดตรงไหน ถึงขนาดต้องปาสิ่งของปิดประตูแทน ร่างอรชรยังก้มๆเงยๆ หรือเพราะแม่สั่งคู่นี้จากเมืองนอก ไซส์เลยไม่พอดีกับเท้าตัวเอง เลยต้องพยามยัดอยู่นาน
"จะอีกนานไหม" เหมือนกำลังบอกเป็นนัยๆว่ารำคาญ คงอยากให้เธอไปไกลๆพ้นสายตาเต็มทน
"นี่พี่ไม้!หนูรีบแล้ว" ใช่เธอพยามรีบแล้ว แต่การสวมรองส้นสูงมีหัวเข็มกลัดกับเชือกรัดแบบนี้ไม่ง่าย เลยจำวางกองหนังสือตรงโต๊ะมุมห้อง นั่งลงยองๆตั้งใจหยิบใสสวมใส่อีกที
"มันแสบตา" ต้นไม้ถอนใจเฮือกใหญ่ แววตาคมเพ่งมองเนินสามเหลี่ยม โผล่โชว์ออกมาจากกระโปรงนักศึกษา ผ้าสีชมพูอ่อนสดใสดั่งวัยแรกแย้ม ตอนแรกแค่ตั้งใจจะปิดประตูกดดันให้เร่งรีบ แต่เจ้าตัวยังทำเดียงสา หากเป็นคนอื่นคงไม่อดกลั้นได้เท่าเขาเช่นนี้ ช่างน่าถือไม้เรียวฟาดตีเสียจริง
"ก็มองทำไมเล่า" ใบหน้าเห่อแดงสีลูกตำลึง ออกร้อนผ่าวๆเนียมอาย กระชับขาหุบเกร็ง
"เป็นผู้หญิงไม่รู้จักระวัง" มวนบุหรี่ถูกขยี้ดับในถาดแก้ว ปิดแฟ้มเอกสารเสียงดัง ราวบกับเกิดอารมณ์หงุดหงิด ก่อนร่างสูงลุกยืนหยัดจัดชายเสื้อสูทกระชับ ปัดทรงผมเซ็ทเป็นระเบียบยิ่งเสริมบุคลิกสง่า ไม่ลืมหยิบเอาสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋ากางเกง
"จะไปแล้วหรอคะ"
"เออ" คนเอ่ยเร่งสาวเท้ายาว ไม่สนใจว่าจะเดินชนคนกำลังลุกขึ้นหรือไม่ ร่างอรชรเกือบเสียหลักเซล้มลง โชคดีคว้าเกาะพนังทรงตัวทัน
"หยาบคายยันนิสัย"
ณ มหาลัยชื่อดัง
"จอดตรงแหละพี่โจ" ชายหนุ่มทำหน้าที่ขับรถ จอดเทียบริมฟุตบาทหน้ารั้วมหาวิทยาลัยตามคำสั่ง เหลือบมองความเรียบร้อยผ่านกระจกหลัง
"คุณหนูเลิกเรียนกี่โมงครับ" ในช่วงแรกก็โดนเธอเรียกใช้งาน แถมยังขอเบอร์ติดต่อ ครั้นจะขัดก็เกรงโดนว่ารู้ถึงหูเจ้านายชาย
"น่าจะเย็นค่ะ แล้วนี่เบลต้องโทรหาพี่ไม้หรือพี่โจดี"
"โทรหานายก่อนดีกว่าครับ" จะข้ามขั้นตอนได้อย่างไร ในเมื่อเธอได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นเจ้านาย เขาต้องมีหน้าที่รักษาเกียรติและภาพลักษณ์อยู่แล้ว ส่งยิ้มเล็กน้อยให้คนด้านหลัง รู้สึกถูกชะตาเอ็นดูเช่นน้องสาวคนนึง
"งั้นเบลไปก่อนนะคะ มารีน!!!!! เราเรียนที่เดียวกันหรอนี่" นาเบลรีบวิ่งรถทันทีที่ พอเห็นทุกอย่างเรียบร้อยโจเลยขับรถวิ่งสู่ถนนหลัก ใบหน้าอิ่มเอมกระตือรือร้นพิเศษยามเจอคนสนิท มารีนเป็นลูกคนในกลุ่มมาเฟีย มักเล่นด้วยกันตั้งแต่เด็ก ถือหนังสือเรียนต่างคณะกองโต
"ดีใจจังเลยเบลก็เรียนที่นี่หรอ งั้นตอนเย็นเราไปกินไอติมที่เดิมกัน" มารีนแสดงสีหน้าดีใจเหมือนกัน
"ได้สิ มีเรื่องจะเม้าท์เยอะเลย เบลไปก่อนนะเพื่อนมารอแล้ว" ได้เวลานัดหมายพิงค์กับเดียน่าพึ่งถึงเช่นกัน กึ่งเดินกึ่งวิ่งมายังจุดที่เธอยืนอยู่ ครั้นจะทักทายมารีนก็ดันแยกตัวไปก่อนแล้ว
"รีบไปคณะกัน ก่อนพวกเราจะโดนรับน้องตั้งแต่วันแรก"
"ใครถึงก่อนชนะ ฮ่า ฮ่า" ร่างอรชรใช้ความเร็ววิ่งอย่างคล่องตัว ทิ้งเพื่อนสองคนยืนงง ใครว่าเข้าปีหนึ่งแล้วจะเริ่มต้นขึ้นบ้าง สำหรับนาเบลแล้วนิสัยไม่ต่างจากเด็กมัธยมเลย
..................................
นึกจะร้ายให้นึกถึงเฮีย 555