[ระบบ] ราชาหมาป่าสีเงิน ระดับ 45 กลับสู่เขตล่าสัตว์อีกครั้ง ทุกท่านโปรดระวังตัว
ถ้ามองในมุมของผู้เล่นเลเวล 40 เจ้าบอสตัวนี้อาจได้ชื่อว่าเพชฌฆาตแห่งสัตว์ป่า แต่สำหรับผู้เล่นเลเวล 145 ซึ่งเป็นผู้เล่นระดับสูงสุดอย่างอี้ฟาน มันก็แค่น้องหมาที่เอาไว้ลับดาบเล่น
ฉินฟวง มังกรดำดิน และสาวน้อยคนเดียวในกลุ่ม ฟินฟินนาเล่ ต่างยืนอ้าปากค้างกับการมาเยือนของราชาในระยะเผาขน หลังจากที่สาวงามอีกคนเดินไปเตะมันที่เบา ๆ และลากมันมาหาพวกเขาที่ยืนอยู่
“เอ้า ตีสิ” อี้ฟานพูดเรียกสติเด็กน้อยทั้งสาม ในขณะที่ตนเองยืนชนให้
“อะไรนะ!” ฉินฟวงเปิดปากเป็นคนแรกหลังจากเรียกสติกลับมาได้
อี้ฟานกลอกตามองฟ้า สิ่งที่เธอเกลียดเป็นอันดับสุดท้ายคือการพูดซ้ำนี่แหละ นัยน์ตาสวยเหลือบมองอาวุธของแต่ละคนที่ยังเป็นแค่อาวุธระดับธรรมดาหาซื้อจากร้านค้าในเมือง ถ้าเปลี่ยนระดับหน่อยคงเวลได้ง่ายกว่านี้
“ตีมันให้ตาย แล้วเอาของที่ได้ไปแลกอาวุธซะ” ถ้าจำไม่ผิดน่าจะได้อาวุธระดับหายากกระมัง
ฉินฟวงมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความฉงน ทำไมอยู่ ๆ ถึงทำตัวดีขึ้นมาหลังจากเกรียนแจมสัตว์อสูรของพวกเขาจนเก็บเนื้อไม่ได้สักชิ้น แถมตอนนี้ยังยืนล่อให้อีก
คิดจะทำอะไรกันแน่ หรือแค่เกิดสำนึกผิดขึ้นมา? ฉินฟวงคิดอย่างไม่ไว้ใจคนตรงหน้า
“เอ้า รีบ ๆ ตีสิ หมดเวลามันคลั่งขึ้นมาก็ตัวใครตัวมันนะ” อี้ฟานเอ่ยเร่งพร้อมกับมองเวลาที่อยู่บนหลอดเลือดของบอสราชา “อย่าทำให้ความใจดีของฉันต้องสูญเปล่า เจ้าหมาน้อยนี่คลั่งขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือน”
เจ้าหมาน้อย? สามพี่น้องเหลือบมองร่างยักษ์ตรงหน้าอีกครั้ง
น้อยตรงไหน!
สามพี่น้องกลืนน้ำลายลงคอ ช่างเป็นความใจดีที่พวกเขาไม่กล้ารับเอาไว้จริง ๆ
“แน่ใจแค่ไหนว่ามันจะไม่หันกลับมาตีพวกเรา” เสียงทุ้มถามด้วยความไม่มั่นใจ ตามความเข้าใจจากที่เล่นเกมมา ถ้ามีคนทำความเสียหายได้มากกว่าคนชน บอสมันต้องหันกลับมาตีคนที่ทำความเสียหายได้เยอะที่สุด
และพวกเขาสามคนที่มีเลเวลแค่สี่สิบ จะเอาพลังป้องกันจากไหนมารับมือกับราชาตัวนี้ได้ ลำพังแค่โดนเล็บมันสะกิดเข้าหน่อยคงโดนส่งกลับเมืองในชั่วพริบตา!
ฉินฟวงซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มเริ่มลำบากใจ ถ้าหากเขายอมทำตามก็เท่ากับกลืนน้ำลายตัวเองที่ป่าวประกาศต่อว่าผู้หญิงคนนี้กลางช่องโลก สุดท้ายก็กลายเป็นคนไร้ศักดิ์ศรียอมรับความช่วยเหลือจากคนเกรียน
“พี่ฉิน...” น้องสาวคนเดียวในกลุ่มมองตาละห้อย ความจริงเธออยากได้อาวุธใหม่มานานแล้ว ลำพังไม้เท้าในมือก็ใช้ว่าจะมีพลังมากพอ ยิ่งอาชีพนักบวชที่เลือกเล่นนั้นเป็นอาชีพที่มีพลังโจมตีน้อยที่สุดด้วย
ฉินฟวงมองตากลมกำลังอ้อนวอนขอให้ตนใจอ่อน และเมื่อหันไปปรึกษากับน้องชายอีกคน
“ฉันก็อยากได้ดาบเล่มใหม่ ยอมสักครั้งไม่ทำให้เสียศักดิ์ศรีหรอกนะ” มังกรดำดินมองดาบไม้ของตน แม้ว่าอาชีพนักดาบจะเป็นอาชีพที่มีพลังโจมตีสูงสุดในเกม แต่พลังโจมตีของเขากลับน้อยกว่ามือกระบี่บางคนที่เลเวลน้อยกว่าด้วยซ้ำ
ไม่ใช่แค่น้องทั้งสองที่ต้องการอาวุธใหม่ แม้แต่เขาเองก็อยากได้เหมือนกัน แต่จะให้รับน้ำใจจากเจ้าคนเกรียนนี่ มันทำใจได้ลำบากเสียจริง!
“ตกลงจะตีไหม ไม่ตีฉันจะเก็บมันเองล่ะนะ” อี้ฟานเริ่มรำคาญ ไม่รู้ว่าทั้งสามแอบคุยอะไรกัน แต่มันทำให้เธอเสียเวลา เธอเงื้อมมีดสั้นในมือขึ้น หมายปลิดชีวิตในคราเดียว
“พี่ฉิน!”
“พี่ใหญ่!”
“เดี๋ยว! ตีก็ได้!” ฉินฟวงยกมือยอมแพ้ ยอมเสียศักดิ์ศรีสักครั้งเพื่อครอบครัวคงไม่เสียหายอะไร!
อี้ฟานเก็บมีดแล้วยืนให้ราชาหมาป่าสีเงินสะกิดไปมา “งั้นก็ตีสิ ตามสบายเลย”
“แล้วเธอไม่ตีเหรอ” ฟินฟินนาเล่เอ่ยถาม สาวน้อยลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นหลอดเลือดหลายแสนของมัน ด้วยพลังโจมตีคนละไม่กี่ร้อยของเหล่าพี่ชาย กว่ามันจะตายคงใช้เวลาเป็นชั่วโมง ผู้เล่นคนอื่นเมื่อเห็นระบบประกาศต่างก็หนีหายกันไปหมด
“ถ้ายังอยากได้อาวุธใหม่ก็หุบปากแล้วตีซะ”
ฟินฟินนาเล่หยุดพูดตามคำสั่ง ส่วนฉินฟวงได้แต่ฟังอย่างไม่พอใจ สาวงามอะไรในปากถึงมีแต่สุนัข!
แม้ทั้งสามคนจะไม่พอใจแต่ก็ได้แต่เก็บมันไว้ ในเมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือแต่บุญคุณความแค้นอยู่คนละส่วน อย่าให้ถึงวันของพวกเขาก็แล้วกัน!
อี้ฟานมองสามพี่น้องโจมตีเจ้าหมาน้อยด้วยความขำขัน เลเวลแค่สี่สิบ แถมมีกันแค่สามคน จะเอาพลังโจมตีจากไหนมาสู้ ถ้าเธอไม่แอบใช้พิษลดพลังป้องกันของมันให้เป็นระยะ ๆ ก็คงตีไม่เข้า หญิงสาวเแอบเขียนป้ายเชียร์แล้วโบกไปมาอย่างคนให้กำลังใจ
“เมื่อไหร่จะตายสักที!” สามพี่น้องตีไปบ่นไป ใส่ไปสุดแรงจนค่าความอิ่มเริ่มลดลงทีละนิด ตามความเหนื่อยล้าของตัวเอง
พอหันไปมองคนที่ยืนลอยหน้าลอยตาอยู่เฉย ๆ คอยล่อให้อย่างเดียวก็อดเคืองไม่ได้ เจ้าตัวไม่คิดจะช่วยเลยสักนิดแถมยังมีหน้ามาโบกป้ายเชียร์อีกต่างหาก! ทำเอาเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาเต้นตามจนความดันขึ้น
ระบบตั้งค่าเวลาคลั่งของบอสใหญ่ประจำแผนที่ไว้ที่ตัวละยี่สิบนาที ดังนั้นมันจึงเหลือเฟือถ้าหากมีผู้เล่นราว ๆ สิบคนหรือยี่สิบคนมาช่วยกันรุม แต่นี่มีผู้เล่นแค่สามคนที่ช่วยกันตีจนร่างอาบชุ่มไปด้วยเหงื่อ ส่วนอีกคนนอกจากยืนล่อและแอบปล่อยพิษแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรอีกเลย ทั้ง ๆ ที่ค่าโจมตีของอี้ฟานมีมากพอจะทำให้ราชาหมาป่าสีเงินหายไปได้ภายในหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำ!
“นี่... ฉันขอโทษที่ว่าเธอในช่องโลก แต่ช่วยตีบอสได้ไหม” ฟินฟินนาเล่ทนไม่ไหวเมื่อเห็นเวลาที่เหลืออยู่กับเลือดอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ทำให้รู้ว่ายังไงก็ฆ่าไม่ทันแน่ ๆ
“ไม่ล่ะ” เสียงหวานปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก อันที่จริงเธอไม่ได้ถือความกับคำพูดในช่องโลกสักเท่าไหร่
แค่ช่วยล่อก็น่าจะมากพอแล้ว
“แต่มันจะไม่ทันเวลา” สาวน้อยแทบอยากจะร้องไห้ โอกาสแบบนี้ใช้ว่าจะมีมาบ่อย ๆ ลำพังทีมของพวกเธอคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงชีวิตสู้กับบอสตัวนี้แน่ ๆ
ในขณะที่ฉินฟวงพี่ใหญ่ของกลุ่มก็ได้แต่กัดฟันโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าค่าพลังของตนยังน้อยเกินไปที่จะล้มบอสตัวนี้ แต่เขาก็อยากให้น้อง ๆ ได้มีของดี ๆ ใช้กัน
“ต้องทำยังไง คุณถึงจะช่วย” ฉินฟวงถาม ท่ามกลางความตะลึงของน้องชายน้องสาว เพราะไม่คิดว่าพี่ใหญ่ปากหนักจะกล้าเอ่ยขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
อี้ฟานเลิกคิ้วมองชายตรงหน้า ก่อนริมฝีปากคลี่ยิ้มออกอย่างเจ้าเล่ห์ ปกติเธอไม่ใช่คนชอบแกล้ง แต่ก็ไม่เคยปล่อยผ่านความสนุกของตัวเองเลยสักครั้ง
“งั้น... ขอร้องสิ” เสียงหวานตอบกลับ
“ก็ได้... ได้โปรดช่วยผมและน้อง ๆ ตีบอสตัวนี้ด้วยครับ” ฉินฟวงไม่อยากเสียเวลาต่อปากต่อคำ จึงกัดฟันพูดคำขอร้องออกมาอย่างง่ายดาย ไหน ๆ ก็ไม่เหลือศักดิ์ศรีแล้ว เพื่อน้อง ๆ เขาทำได้หมด
อี้ฟานถอนหายใจออกมาเบา ๆ เฮ้อ... ยอมง่ายจัง ไม่เห็นสนุกเลย
ในเมื่อโดนขอร้องขนาดนี้แล้ว สาวงามอย่างเธอจะไม่ช่วยก็กระไรอยู่ แถมเธอก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไรขนาดนั้น (เหรอ)
“ชวนทีมสิ” เสียงหวานสั่ง
ฉินฟวงชวนหญิงสาวเข้าทีมอย่างรวดเร็ว ทันทีที่หน้าต่างแสดงแถบสถานะของสมาชิกใหม่ปรากฏขึ้นทั้งสามคนถึงกับอึ้งเมื่อรู้ถึงความจริงตรงหน้า
ผู้เล่นระดับ 145 เซียนขั้น 5
อี้ฟาน พลังชีวิต [4,761,600] กำลังภายใน [300,131]
แค่เลือดของอี้ฟานก็เยอะกว่าบอสที่พวกเขาตีอยู่ถึงสามเท่า! ไม่ต้องถามว่ามากกว่าพวกเขากี่เท่า ในเมื่อเลือดของพวกเขาสามคนรวมกันยังไม่ถึงแสนเลยด้วยซ้ำ!