"สงสัยจะอร่อยจัด"
"หืม?" ฉันเลิกคิ้วถามเมื่อจู่ ๆ กิเลนก็โพล่งออกมาเบา ๆ
"ฉันบอกว่า สงสัยพี่แต้วจะอร่อยจัด ดูสิ กินหมดเลย"
เดี๋ยวนะ! ถ้าหมายถึงพี่แต้วจริง ทำไมนายต้องยิ้มมุมปากแล้วเหลือบมองมาทางฉันแบบมีเลศนัยด้วยอะ?
อ้อ... รู้เหตุผลแล้ว เพราะว่าข้าวผัดที่กิเลนทำฉันกินเกลี้ยงไม่เหลือสักเม็ดแม้แต่กระเทียมนี่เอง
"ที่กินหมดเพราะว่าฉันกลัวนายจะเสียใจหรอกนะ ไม่ไช่เพราะรสชาติอร่อยสักนิดเลย" ฉิบ!! อยากตีปากตัวเองจัง
แบบนี้หมอนี่ก็รู้สิว่ากับข้าวฝีมือเขามันอร่อยจนฉันหยุดกินไม่ได้
"น่าซาบซึ้งใจจัง" เกลียดหมอนี่ตอนที่ทำหน้ากวนประสาทที่สุด!!
"อิ่มแล้ว ฉันไม่ช่วยล้างนะ ขอตัวกลับเลยแล้วกัน"
"เดี๋ยวไปส่ง"
"ไม่เป็นไร ฉันเรียกแท็กซี่กลับเองได้"
"แต่นี่มืดมากแล้ว ระวังเป็นข่าวหน้าหนึ่ง"
"นี่นายแช่งฉันเหรอ?"
"เปล่า ฉันก็แค่ไม่อยากมีเอี่ยวเวลาเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เพราะคนสุดท้ายที่เธออยู่ด้วยคือฉัน" ไอ้... จะพูดจากันดี ๆ ให้พ้นวันไม่ได้เลยหรือไงนะ
Rrrrr
โชคดีที่มีสายเข้ามาซะก่อน ไม่งั้นฉันคงได้วีนไอ้บ้ากิเลนต่ออีกสักยกก่อนกลับ
"ว่าไงยู" เป็นยูโรน่ะที่โทรเข้ามา
[แยมอยู่ไหนเหรอ เรามาหาที่สตูฯ หว้า แต่คลาดกัน]
"กำลังจะกลับห้องน่ะ พอดีแวะมาธุระที่อื่นน่ะ"
[หว้าบอกว่าแยมไม่ได้เอารถมาเมื่อเช้า แล้วนี่ไปทำธุระยังไง แล้วจะกลับยังไง]
"ยู ใจเย็น ๆ ถามที่ละคำนะ" หมอนี่เป็นแบบนี้ทุกที ห่วงจนเกินเหตุ
[โทษที เราเป็นห่วงน่ะ]
"ขอบใจที่เป็นห่วง แยมอยู่ไม่ไกลคอนโดฯ เท่าไหร่ นั่งแท็กซี่ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึงห้องแล้ว"
พูดมั่วไปงั้นแหละ เอาจริง ๆ ยังไม่รู้เลยว่าคอนโดฯ กิเลนอยู่มุมไหนของกรุงเทพฯ เพราะตอนเขาพามาฉันดันหลับยังไงล่ะ
[ให้เราไปรับมั้ย? ตอนนี้เราอยู่ที่xxxx]
ยูโร... ต่อให้นายจะบอกว่าอยู่แถวไหนก็ไม่มีประโยชน์เพราะขนาดฉันยังไม่รู้เลยว่าอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพน่ะ
"ไม่เป็นไรจริง ๆ แยมกลับเองได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วแค่นี้ก่อนนะ"
[เอางั้นเหรอ]
ฟังเสียงถอนหายใจแบบเศร้า ๆ ของเพื่อนสนิทแล้วรู้สึกไม่ดีเลย
ยูโรเป็นแบบนี้ตั้งแต่เรารู้จักกันตอนเรียนมหาลัยแล้วล่ะ หมอนี่ชอบเป็นห่วงคนรอบข้างเสมอ ห่วงหนักห่วงเกินเหตุก็ยังมีเลย
"ไว้ถ้าถึงห้องแล้วแยมคอลวิดีโอไปแล้วกันนะ" และสุดท้ายฉันต้องงัดไม้เด็ดแบบนี้มาใช้เขาถึงจะยอม [โอเค เราจะรอนะ]
"จ้า ๆ" พอตกลงกันเสร็จฉันก็กดตัดสายพร้อมส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยกับความดื้อของเพื่อนคนนี้
"คบกันเหรอ?"
"ห๊ะ?"
"เธอกับหมอนั่น คบกันเหรอ?"
"นายหมายถึงยูโรกับฉัน" ถามย้ำอีกรอบเพื่อความแน่ใจ
"อืม" กิเลนพยักหน้ายืนยันเล็กน้อย
"นายจะบ้าเหรอ เป็นเพื่อนกันมาจะสิบปีอยู่แล้ว ใครจะมาบ้าคบกันตอนนี้ล่ะ"
ถ้าเมื่อก่อนก็ไม่แน่ ฉันต่อประโยคท้ายในใจ
"เพื่อนกันสิบปีแล้วเปลี่ยนเป็นแฟนไม่ได้?" กิเลนถามฉันเสียงติดฉุนเล็กน้อย
อะไรของหมอนี่!
"เป็นเพื่อนกันดีอยู่แล้ว จะมาอยากเป็นแฟนกันทำไม" ฉันถามกลับ
"นั่นสิ เพื่อนกันมัน(ส์)ดีกว่า"
ทำไมฉันถึงรู้สึกถึงสายตาบางอย่างที่ทอดมองออกมาของกิเลนกันนะ มันให้ความรู้สึกอึดอัดปนกับความเย็นยะเยือกแปลก ๆ
"ใช่เพื่อนกันย่อมดีกว่าเลื่อนขั้นเป็นแฟน" ฉันตอบออกไปเพราะไม่อยากให้ห้องตกอยู่ในความเงียบ
"เมี๊ยวววว" เสียงเจ้าแมวอ้วนดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่มันจะเดินเอาหน้ามาคลอเคลียที่ขาฉัน
หมับ... กำลังจะก้มลงไปอุ้มเจ้าขี้อ้อนแต่ถูกเจ้าของอย่างกิเลนคว้าไปก่อน
"เราควรจะกลับห้องตัวเองได้แล้ว แยกย้ายดีกว่า"
กึก... ทำไมรู้สึกเหมือนถูกไล่ยังไงไม่รู้ ตกลงไอ้บ้ากิเลนนี่มันยังไง
เดี๋ยวคุ้มดีคุ้มร้าย อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าฉันตอนเป็นประจำเดือนซะอีก
เฮ้อ!!
เลิศฟ้าคอนโดฯ, 08.34 PM
ฉันออกจากคอนโดฯ กิเลนราว ๆ ทุ่มนิด ๆ แล้วรู้อะไรไหม? คอนโดฯ หมอนี่ไม่ได้ไกลจากคอนโดฯ ที่ฉันพักอยู่เลย ห่างกันแค่สองซอยเล็ก ๆ เท่านั้น
คำถามคือ... แล้วทำไมหมอนั่นไม่มาส่งที่คอนโดฯ ฉันตั้งแต่แรก?
[หว้าเช็ครูปที่แยมถ่ายเมื่อเช้าแล้ว สวยทุกรูปเลย นี่ว่าจะเอารูปที่แยมนั่งเหม่อมองวิวข้างหน้าไปแขวนไว้หน้าสตูฯ เพราะหว้าชอบรูปนั้นมันดูมีเสน่ห์]
ลูกหว้าที่อยู่ในสายวิดีโอคอลฯ กับฉันพูดขึ้น
"เอาสิ ถ้าหว้าชอบแยมอนุญาต" ฉันกำลังซับผมที่เพิ่งสระอยู่ที่ปลายเตียง
[เราบอกหลายครั้งแล้วอย่าสระผมก่อนนอน] ยูโรแทรกขึ้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง
"ก็วันนี้แยมเหนื่อยและเหนียวตัว ไม่สระผมคงนอนไม่หลับ"
โดนพี่ ๆ ช่างทำผมเปลี่ยนทรงผมไปตั้งหลายทรง น้ำยาเคมีทั้งนั้นบนหัว ไม่ให้สระคงไม่ไหวมั้ง [งั้นก็เช็ดให้แห้ง อย่าเพิ่งนอนตอนผมหมาด ๆ ล่ะ]
"จ้า ๆ คุณพ่อยูโร"
เสียงเหน็บแนมของฉันเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะลูกหว้าและยูโร
ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง
เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น นี่เกือบจะสามทุ่มแล้วใครมาหาฉันตอนนี้
"แป๊บนะทุกคน มีคนมาน่ะ" ฉันบอกเพื่อน ๆ ที่อยู่ในสาย ก่อนจะสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองแล้วเดินไปส่องตาแมวที่ประตู
แกร๊ก แอ๊ดดดด
"โห.... นี่ไปตกถังเหล้าที่ไหนมาน่ะเฮีย"
นึกว่าใครมาหาดึก ๆ ดื่น ๆ ที่ไหนได้ เฮียราชันย์นี่เอง
"ขับไม่ไหว ขอค้างที่นี่นะ" น้ำเสียงยานคางแหบพร่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เอ่ยบอก ก่อนจะเดินผ่านฉันเข้าไปในห้องนอน "นี่เฮียเป็นอะไรทำไมถึงดื่มหนักขนาดนี้?"
ไม่เคยเห็นลูกพี่ลูกน้องฉันคนนี้ดื่มจนเมามายขนาดนี้มาก่อน
อืม... ก็หลังจากเมื่อสี่ปีที่ผ่านมาล่ะนะ
"นอนห้องนี้ได้?"
คนเมาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องนอนส่วนตัวฉันแล้วค่อยเอ่ยถาม
[นั่นเสียงเฮียราชย์หรือเปล่าน่ะ] ลืมไปเลยว่ายังคอลฯ กับพวกลูกหว้าอยู่
"คุยสายอยู่เหรอ งั้นตามสบายเถอะ" พูดเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของห้องเชียวนะ
"ทุกคน แยมต้องขอวางสายก่อนนะ ขอไปจัดการคนขี้เมาก่อน"
เดินมาบอกลาลูกหว้าและยูโรก่อนจะตัดสายเพื่อนทิ้งไป
"เฮีย" ตอนนี้ถึงเวลาจัดการตัวปัญหาใหม่ก่อน "เฮียราชย์!"
ฉันเพิ่มระดับความดังของเสียงเรียกคนที่นอนเอามือก่ายหน้าปิดตาเอาไว้
"อืม" เฮียราชันย์ยอมออกเสียงให้ฉันรู้ว่าเขารอฟังอยู่
"อะไรทำให้คนที่ไม่เคยเมาหัวราน้ำแบบเฮียต้องหมดสภาพขนาดนี้
ถามไป พลางเดินเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมอุปกรณ์มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ญาติผู้พี่
"เฮียเมานี่มันน่าแปลกขนาดนั้นเลย?" เสียงแหบพร่าตอบกลับมา
"แปลก มากด้วย" ฉันเดินถือกะละมังใบเล็ก ๆ พร้อมผ้าขนหนูเตรียมพร้อมจะเช็ดหน้าให้คนเมา
"วันนี้เฮียเจอผู้หญิงคนหนึ่ง"
มือที่เตรียมจะเอื้อมไปเช็ดหน้าชะงักค้าง
"มองเผิน ๆ เฮียนึกว่า..."
ฉันรีบทาบผ้าเย็น ๆ ลงบนแก้มข้างขวาเพื่อเรียกสติคนเมา
"เฮียตาฝาดเปล่า" ฉันพยายามชวนคุยแต่เฮียราชันย์กลับนิ่งเงียบ
"อืม ก็แค่คล้าย แต่ไม่ใช่"
มือที่กำลังเช็ดใบหน้าให้เขาอยู่หยุดชะงักเรื่องราวในอดีตของเฮียราชันย์เริ่มผุดขึ้นมาให้ฉันโมโหเล่น
"สี่ปีแล้ว ปล่อยวางบ้างเถอะ" ฉันพูดคำนี้มาเป็นรอบที่ล้านแล้ว
ภายนอกเฮียราชันย์คือผู้ชายสุขุม นิ่งเย็น แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าข้างในญาติฉันคนนี้เปราะบางแค่ไหน "ต่อให้สิบปี เฮียก็ลืมไม่ลง"