สถานะเมีย - 5

1430 Words
"สงสัยจะอร่อยจัด" "หืม?" ฉันเลิกคิ้วถามเมื่อจู่ ๆ กิเลนก็โพล่งออกมาเบา ๆ "ฉันบอกว่า สงสัยพี่แต้วจะอร่อยจัด ดูสิ กินหมดเลย" เดี๋ยวนะ! ถ้าหมายถึงพี่แต้วจริง ทำไมนายต้องยิ้มมุมปากแล้วเหลือบมองมาทางฉันแบบมีเลศนัยด้วยอะ? อ้อ... รู้เหตุผลแล้ว เพราะว่าข้าวผัดที่กิเลนทำฉันกินเกลี้ยงไม่เหลือสักเม็ดแม้แต่กระเทียมนี่เอง "ที่กินหมดเพราะว่าฉันกลัวนายจะเสียใจหรอกนะ ไม่ไช่เพราะรสชาติอร่อยสักนิดเลย" ฉิบ!! อยากตีปากตัวเองจัง แบบนี้หมอนี่ก็รู้สิว่ากับข้าวฝีมือเขามันอร่อยจนฉันหยุดกินไม่ได้ "น่าซาบซึ้งใจจัง" เกลียดหมอนี่ตอนที่ทำหน้ากวนประสาทที่สุด!! "อิ่มแล้ว ฉันไม่ช่วยล้างนะ ขอตัวกลับเลยแล้วกัน" "เดี๋ยวไปส่ง" "ไม่เป็นไร ฉันเรียกแท็กซี่กลับเองได้" "แต่นี่มืดมากแล้ว ระวังเป็นข่าวหน้าหนึ่ง" "นี่นายแช่งฉันเหรอ?" "เปล่า ฉันก็แค่ไม่อยากมีเอี่ยวเวลาเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เพราะคนสุดท้ายที่เธออยู่ด้วยคือฉัน" ไอ้... จะพูดจากันดี ๆ ให้พ้นวันไม่ได้เลยหรือไงนะ Rrrrr โชคดีที่มีสายเข้ามาซะก่อน ไม่งั้นฉันคงได้วีนไอ้บ้ากิเลนต่ออีกสักยกก่อนกลับ "ว่าไงยู" เป็นยูโรน่ะที่โทรเข้ามา [แยมอยู่ไหนเหรอ เรามาหาที่สตูฯ หว้า แต่คลาดกัน] "กำลังจะกลับห้องน่ะ พอดีแวะมาธุระที่อื่นน่ะ" [หว้าบอกว่าแยมไม่ได้เอารถมาเมื่อเช้า แล้วนี่ไปทำธุระยังไง แล้วจะกลับยังไง] "ยู ใจเย็น ๆ ถามที่ละคำนะ" หมอนี่เป็นแบบนี้ทุกที ห่วงจนเกินเหตุ [โทษที เราเป็นห่วงน่ะ] "ขอบใจที่เป็นห่วง แยมอยู่ไม่ไกลคอนโดฯ เท่าไหร่ นั่งแท็กซี่ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึงห้องแล้ว" พูดมั่วไปงั้นแหละ เอาจริง ๆ ยังไม่รู้เลยว่าคอนโดฯ กิเลนอยู่มุมไหนของกรุงเทพฯ เพราะตอนเขาพามาฉันดันหลับยังไงล่ะ [ให้เราไปรับมั้ย? ตอนนี้เราอยู่ที่xxxx] ยูโร... ต่อให้นายจะบอกว่าอยู่แถวไหนก็ไม่มีประโยชน์เพราะขนาดฉันยังไม่รู้เลยว่าอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพน่ะ "ไม่เป็นไรจริง ๆ แยมกลับเองได้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วแค่นี้ก่อนนะ" [เอางั้นเหรอ] ฟังเสียงถอนหายใจแบบเศร้า ๆ ของเพื่อนสนิทแล้วรู้สึกไม่ดีเลย ยูโรเป็นแบบนี้ตั้งแต่เรารู้จักกันตอนเรียนมหาลัยแล้วล่ะ หมอนี่ชอบเป็นห่วงคนรอบข้างเสมอ ห่วงหนักห่วงเกินเหตุก็ยังมีเลย "ไว้ถ้าถึงห้องแล้วแยมคอลวิดีโอไปแล้วกันนะ" และสุดท้ายฉันต้องงัดไม้เด็ดแบบนี้มาใช้เขาถึงจะยอม [โอเค เราจะรอนะ] "จ้า ๆ" พอตกลงกันเสร็จฉันก็กดตัดสายพร้อมส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยกับความดื้อของเพื่อนคนนี้ "คบกันเหรอ?" "ห๊ะ?" "เธอกับหมอนั่น คบกันเหรอ?" "นายหมายถึงยูโรกับฉัน" ถามย้ำอีกรอบเพื่อความแน่ใจ "อืม" กิเลนพยักหน้ายืนยันเล็กน้อย "นายจะบ้าเหรอ เป็นเพื่อนกันมาจะสิบปีอยู่แล้ว ใครจะมาบ้าคบกันตอนนี้ล่ะ" ถ้าเมื่อก่อนก็ไม่แน่ ฉันต่อประโยคท้ายในใจ "เพื่อนกันสิบปีแล้วเปลี่ยนเป็นแฟนไม่ได้?" กิเลนถามฉันเสียงติดฉุนเล็กน้อย อะไรของหมอนี่! "เป็นเพื่อนกันดีอยู่แล้ว จะมาอยากเป็นแฟนกันทำไม" ฉันถามกลับ "นั่นสิ เพื่อนกันมัน(ส์)ดีกว่า" ทำไมฉันถึงรู้สึกถึงสายตาบางอย่างที่ทอดมองออกมาของกิเลนกันนะ มันให้ความรู้สึกอึดอัดปนกับความเย็นยะเยือกแปลก ๆ "ใช่เพื่อนกันย่อมดีกว่าเลื่อนขั้นเป็นแฟน" ฉันตอบออกไปเพราะไม่อยากให้ห้องตกอยู่ในความเงียบ "เมี๊ยวววว" เสียงเจ้าแมวอ้วนดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่มันจะเดินเอาหน้ามาคลอเคลียที่ขาฉัน หมับ... กำลังจะก้มลงไปอุ้มเจ้าขี้อ้อนแต่ถูกเจ้าของอย่างกิเลนคว้าไปก่อน "เราควรจะกลับห้องตัวเองได้แล้ว แยกย้ายดีกว่า" กึก... ทำไมรู้สึกเหมือนถูกไล่ยังไงไม่รู้ ตกลงไอ้บ้ากิเลนนี่มันยังไง เดี๋ยวคุ้มดีคุ้มร้าย อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าฉันตอนเป็นประจำเดือนซะอีก เฮ้อ!! เลิศฟ้าคอนโดฯ, 08.34 PM ฉันออกจากคอนโดฯ กิเลนราว ๆ ทุ่มนิด ๆ แล้วรู้อะไรไหม? คอนโดฯ หมอนี่ไม่ได้ไกลจากคอนโดฯ ที่ฉันพักอยู่เลย ห่างกันแค่สองซอยเล็ก ๆ เท่านั้น คำถามคือ... แล้วทำไมหมอนั่นไม่มาส่งที่คอนโดฯ ฉันตั้งแต่แรก? [หว้าเช็ครูปที่แยมถ่ายเมื่อเช้าแล้ว สวยทุกรูปเลย นี่ว่าจะเอารูปที่แยมนั่งเหม่อมองวิวข้างหน้าไปแขวนไว้หน้าสตูฯ เพราะหว้าชอบรูปนั้นมันดูมีเสน่ห์] ลูกหว้าที่อยู่ในสายวิดีโอคอลฯ กับฉันพูดขึ้น "เอาสิ ถ้าหว้าชอบแยมอนุญาต" ฉันกำลังซับผมที่เพิ่งสระอยู่ที่ปลายเตียง [เราบอกหลายครั้งแล้วอย่าสระผมก่อนนอน] ยูโรแทรกขึ้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง "ก็วันนี้แยมเหนื่อยและเหนียวตัว ไม่สระผมคงนอนไม่หลับ" โดนพี่ ๆ ช่างทำผมเปลี่ยนทรงผมไปตั้งหลายทรง น้ำยาเคมีทั้งนั้นบนหัว ไม่ให้สระคงไม่ไหวมั้ง [งั้นก็เช็ดให้แห้ง อย่าเพิ่งนอนตอนผมหมาด ๆ ล่ะ] "จ้า ๆ คุณพ่อยูโร" เสียงเหน็บแนมของฉันเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะลูกหว้าและยูโร ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น นี่เกือบจะสามทุ่มแล้วใครมาหาฉันตอนนี้ "แป๊บนะทุกคน มีคนมาน่ะ" ฉันบอกเพื่อน ๆ ที่อยู่ในสาย ก่อนจะสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองแล้วเดินไปส่องตาแมวที่ประตู แกร๊ก แอ๊ดดดด "โห.... นี่ไปตกถังเหล้าที่ไหนมาน่ะเฮีย" นึกว่าใครมาหาดึก ๆ ดื่น ๆ ที่ไหนได้ เฮียราชันย์นี่เอง "ขับไม่ไหว ขอค้างที่นี่นะ" น้ำเสียงยานคางแหบพร่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เอ่ยบอก ก่อนจะเดินผ่านฉันเข้าไปในห้องนอน "นี่เฮียเป็นอะไรทำไมถึงดื่มหนักขนาดนี้?" ไม่เคยเห็นลูกพี่ลูกน้องฉันคนนี้ดื่มจนเมามายขนาดนี้มาก่อน อืม... ก็หลังจากเมื่อสี่ปีที่ผ่านมาล่ะนะ "นอนห้องนี้ได้?" คนเมาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องนอนส่วนตัวฉันแล้วค่อยเอ่ยถาม [นั่นเสียงเฮียราชย์หรือเปล่าน่ะ] ลืมไปเลยว่ายังคอลฯ กับพวกลูกหว้าอยู่ "คุยสายอยู่เหรอ งั้นตามสบายเถอะ" พูดเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของห้องเชียวนะ "ทุกคน แยมต้องขอวางสายก่อนนะ ขอไปจัดการคนขี้เมาก่อน" เดินมาบอกลาลูกหว้าและยูโรก่อนจะตัดสายเพื่อนทิ้งไป "เฮีย" ตอนนี้ถึงเวลาจัดการตัวปัญหาใหม่ก่อน "เฮียราชย์!" ฉันเพิ่มระดับความดังของเสียงเรียกคนที่นอนเอามือก่ายหน้าปิดตาเอาไว้ "อืม" เฮียราชันย์ยอมออกเสียงให้ฉันรู้ว่าเขารอฟังอยู่ "อะไรทำให้คนที่ไม่เคยเมาหัวราน้ำแบบเฮียต้องหมดสภาพขนาดนี้ ถามไป พลางเดินเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมอุปกรณ์มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ญาติผู้พี่ "เฮียเมานี่มันน่าแปลกขนาดนั้นเลย?" เสียงแหบพร่าตอบกลับมา "แปลก มากด้วย" ฉันเดินถือกะละมังใบเล็ก ๆ พร้อมผ้าขนหนูเตรียมพร้อมจะเช็ดหน้าให้คนเมา "วันนี้เฮียเจอผู้หญิงคนหนึ่ง" มือที่เตรียมจะเอื้อมไปเช็ดหน้าชะงักค้าง "มองเผิน ๆ เฮียนึกว่า..." ฉันรีบทาบผ้าเย็น ๆ ลงบนแก้มข้างขวาเพื่อเรียกสติคนเมา "เฮียตาฝาดเปล่า" ฉันพยายามชวนคุยแต่เฮียราชันย์กลับนิ่งเงียบ "อืม ก็แค่คล้าย แต่ไม่ใช่" มือที่กำลังเช็ดใบหน้าให้เขาอยู่หยุดชะงักเรื่องราวในอดีตของเฮียราชันย์เริ่มผุดขึ้นมาให้ฉันโมโหเล่น "สี่ปีแล้ว ปล่อยวางบ้างเถอะ" ฉันพูดคำนี้มาเป็นรอบที่ล้านแล้ว ภายนอกเฮียราชันย์คือผู้ชายสุขุม นิ่งเย็น แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าข้างในญาติฉันคนนี้เปราะบางแค่ไหน "ต่อให้สิบปี เฮียก็ลืมไม่ลง"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD