บทที่ 3

1268 Words
บทที่3 “คุณหนูเหลียงมีจดหมายจากกองทัพด่านหน้าเมืองฉีขอรับ” เสียงเช่นนี้จะดังขึ้นในทุกเช้า ตั้งแต่หลิวเหว่ยไปถึงค่ายทหารเจ้าตัวก็ใช้เบี้ยเลี้ยงที่มีจ้างนกจากหน่วยส่งข่าวที่มีนกพิราบให้กับคนที่อยากส่งข่าวกลับที่บ้านเพื่อไม่ให้คนในครอบครัวต้องเป็นห่วง แต่หลิวเหว่ยนั้นส่งจดหมายหาลู่จื้อเกือบทุกวันจนคนทั้งกองทัพรู้แล้วว่าชายคนนี้รักคู่หมั้นของตนเองมากแค่เพียงใด แต่ถ้าใครได้เห็นใบหน้าบุตรีของราชครูก็คงพอจะเข้าใจได้ ‘ข้าเล่าเรื่องที่นี่ให้เจ้ารู้ไม่ได้เพราะพวกเขาเปิดดูข้อความก่อน แค่อยากให้รู้ว่า อาหารวันนี้ไม่อร่อยเหมือนที่เจ้าทำให้เลย’ ถ้อยคำที่เขียนในจดหมายส่งให้คู่หมายราวกับคุณชายเจ้าสำราญเกี้ยวพาหญิงสาว ค่อนข้างทำให้คนในค่ายแปลกใจกับลักษณะของชายหนุ่มที่แสดงออกให้คนในค่ายได้เห็น บางวันชายหนุ่มก็บ่นดินฟ้าอากาศให้หญิงสาวได้ฟัง บ้างก็เล่าว่าคนที่หน่วยส่งข่าวนี่ล้อเลียนเขามากแค่ไหนกับถ้อยคำแต่ละคำที่เขียนส่งให้กับคู่หมั้นของตน แต่หลังจากส่งจดหมายอยู่เช่นนั้นเป็นเดือนสงครามที่แท้จริงก็เริ่มขึ้น หลิวเหว่ยไม่มีเวลาจะส่งจดหมายให้กับหญิงคนรักอีก เพราะหน่วยข่าวต้องใช้ทำภารกิจที่สำคัญกว่านั้น ข้าศึกที่ลอบกัดอย่างไม่รู้ตัวทำให้เสียกำลังพลไปบางส่วน แต่หลิวเหว่ยก็ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เขายังอาสาที่จะออกไปจัดการข้าศึกอีกด้วย ขณะที่ทางชายแดนวุ่นวายลู่จื้อที่พอจะได้ยินมาบ้างก็พยายามทำตัวให้เคยชินกับการเงียบจากหลิวเหว่ย แต่นางก็กลับกังวลใจเหลือเกิน กลัวไปหมดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่นางรักหรือเปล่า หากก่อนหน้านี้รู้ว่าจะเกิดสงครามใหญ่ขึ้นในช่วงของชีวิตจะไม่ยอมให้หลิวเหว่ยเป็นทหารเด็ดขาด อีกฝ่ายเก่งการรบนางเข้าใจ แต่นางไม่อาจจะปล่อยวางจิตใจของตนได้ วัน ๆ ก็เอาแต่คิดว่าตอนนี้เขาจะยังปลอดภัยไหม หรือได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า นี่มันช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมานกันยิ่งนัก “เสี่ยวจื้อกินข้าวหน่อยไหมลูก วันนี้ทั้งวันแม่ยังไม่เห็นลูกกินอะไรเลยนะ” หญิงสาวส่ายหน้าน้อย ๆ จนคนเป็นพ่อทนไม่ได้ “หากจะรักทหารเจ้าก็ต้องทำตัวเป็นปราการหลังที่ดีให้เขาให้ได้ แม้จิตใจจะวุ่นวายมากเพียงใดก็ตาม” ได้ฟังคำของบิดาดวงตาสวยที่เคลือบไปด้วยน้ำตาก็หันมามองจนชายมีอายุต้องถอดใจ จากที่ต้องการจะสั่งสอนคงต้องปลอบนางด้วยกระมัง “เสี่ยวจื้อลูก มิใช่พ่อไม่เข้าใจความรู้สึกของเจ้ากับหลิวเหว่ย แต่ว่าตำลึงเงินตำลึงทองที่พวกเจ้าได้มา ต่างใช้ไปกับการสื่อสารโดยนกพิราบ หากเกิดเรื่องที่จะต้องส่งให้เขาจริง ๆ จะทำเช่นไรเล่าลูก” ใบหน้าสวยหงอยจนคนเป็นพ่อต้องหยุดพูด “พ่อไม่ว่าแล้ว ไม่ว่าแล้วอยากทำอะไรก็ทำตามใจเจ้าเถอะ” ถึงแม้จะเอ่ยเช่นนั้นแต่ลู่จื้อก็รู้ว่าบิดาหวังดี นางจึงเขียนบันทึกและต้ังใจจะแลกกับชายหนุ่มในเวลาที่เขากลับมา แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่กลับมาในเร็ววัน จากห้าวัน เป็นสิบวัน และเป็นหนึ่งเดือน ช่วงเวลาที่อีกฝ่ายไม่ได้ส่งข่าวกลับมาแล้วนางเองก็ส่งอะไรไปที่กองทัพชายแดนไม่ได้เลยนอกจากข้อความสุดท้ายที่ส่งมา ‘รักเจ้าและคิดถึงเจ้าทุกลมหายใจ รอข้า’ ข้อความนี้สั้นกว่าทุกครั้งแต่มันกลับสลักลงในหัวใจลู่จื้อทุกตัวอักษร “ถ้าอยากส่งข่าวก็คงจะต้องส่งไปพร้อมกับเสบียง ติดสินบนคนที่ขนของไป แต่ก็นะอาจจะถึงหรือไม่ถึงก็ได้ และหากอยากได้จดหมายตอบกลับก็คงจะยากกว่า ช่วงนี้ในกองทัพไม่ให้ใครเขียนจดหมายออกมาหรอก กลัวความลับหรือพวกยุธวิธีทางการรบรั่วไหลน่ะ แม่นางจะส่งไปหาสามีที่ออกรบหรือ ช่วงก่อนก็เห็นมาส่งบ่อย ๆ” ลู่จื้อยิ้มจาง ๆ ให้คนดูแลนกส่งข่าว “คู่หมั้นเจ้าคะ คู่หมั้นของข้า” คนมีอายุที่ได้ฟังก็ถอนหายใจ “หากเขาไม่ตอบกลับอะไรมาเลยจริง ๆ แม้กระทั่งส่งผ้าสักชิ้นก็ทำไม่ได้แล้วล่ะก็ ลองไปตรวจสอบดูว่ามีชื่อส่งกลับมาหรือไม่” คำที่ได้ยินทำเอาหญิงสาวเข่าอ่อน “หมายถึงสิ้นหรือเจ้าคะ” คนถูกถามพยักหน้า“เรื่องปกติแม่นาง และยิ่งศึกหนักเช่นนี้ไม่แปลกเลยจริง ๆ” ลู่จื้อไม่รู้จะเอ่ยคำใดได้อีก“ขอบคุณนะเจ้าคะ” หญิงสาวเดินเหมือนร่างไร้วิญญากลับไปที่จวนของตน คนเป็นแม่เห็นก็ตกใจ “เป็นอะไรหรือเสี่ยวจื้อของแม่” หญิงสาวเงยหน้ามองมารดาด้วยแววตาเศร้าเพราะว่าเกิดมาไม่เคยต้องเสียใจ และไม่เคยห่างคนที่รักเลยสักคนครอบครัวอยู่พร้อมหน้า จึงรู้สึกเศร้าโศกเสียใจมากกับการจากกันกับหลิวเหว่ยครั้งนี้ ถึงจะบรรเทาด้วยจดหมายได้บ้าง แต่มันก็ทำเอาไม่อยากทำอะไรเลย คนเป็นพ่อเห็นเช่นนั้นก็ทนไม่ได้ “เหลียงลู่จื้อเข้าไปคุยกับพ่อหน่อย” เพียงแค่ถูกเรียกชื่อเต็ม ๆ ชัดเจนถึงเพียงนี้ก็ทำให้รู้แล้วว่าบิดาคงจะตำหนิหรือสั่งสอนอะไรนางเป็นแน่ “พ่อเคยสอนให้เราอ่อนแอขนาดนี้เลยหรือ” ลู่จื้อก้มหน้า นางรู้ว่าจะต้องโดนตำหนิ รู้ว่าตัวเองอารมณ์อ่อนไหวและไม่ใช่สติตรึกตรองแต่เรื่องเช่นนี้นางคงจะตรองอยู่ไม่ไหวแล้ว “ข้าก็แค่เป็นห่วงพี่หลิวเหว่ย ท่านพ่อรู้หรือไม่คนในตลาดเขาพูดถึงศึกครั้งนี้เช่นไร แม้แต่จดหมายก็ส่งไปไม่ได้ด้วยซ้ำ” แม้จะเห็นว่าบุตรสาวเสียใจ แต่อีกเรื่องที่เขาต้องเตือนก็คือเรื่องจดหมาย “พ่อเข้าใจว่าเจ้าต้องการไต่ถามความเป็นไปของหลิวเหว่ย แต่นึกบางหรือไม่ว่ามีคนจำเป็นต้องส่งข่าวมากกว่า มันอาจจะเป็นเรื่องเป็นเรื่องตาย” ใบหน้าสวยหมองลง “ลูกขอโทษ” “มิต้องขอโทษพ่อหรอก แต่ตั้งสติหน่อยเสี่ยวจื้อ หลิวเหว่ยเองก็คงไม่อยากให้เจ้าเป็นเช่นนี้” ลู่จื้อพยักหน้ารับทั้งน้ำตาคลอหน่วย สิ่งที่บิดาเอ่ยมาทั้งหมดนางรับรู้และเข้าใจ แต่นางมิอาจหักห้ามความกังวลและเป็นห่วงอีกคนที่อยู่ไกลได้เลย สมองกับจิตใจของนางสวนทางกันอย่างร้ายกาจ รู้ว่าต้องทำสิ่งใดแต่ก็ทำตามสิ่งที่หัวใจต้องการมากกว่า แค่เพียงได้รู้ว่าเขายังอยู่ดีคงพอจะบรรเทาความกังวลของนางลงได้มิน้อย ลู่จื้อก้มหน้า น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงกระดาษแผ่นเล็กที่นางพยายามจะส่งตอบกลับไปให้ชายคนรักแต่ก็มิอาจส่งไปได้ ‘ท่านพี่ได้โปรดรักษาตัวให้ดีแล้วรีบกลับมาเข้าพิธีกับข้า ข้าจะรอท่านกลับมา’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD