05 : 32 น.
"ฝันไปทำงานก่อนนะคะแม่" ทอฝันหันกลับมาตะโกนบอกคนเป็นแม่ที่กำลังทำขนมและเตรียมทำอาหารเช้าอยู่ในครัว เมื่อตัวเองกำลังจะออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ของวัน
"ระวังตัวด้วยนะลูก นี่ก็ยังไม่สว่างดีเลย" น้ำเสียงนุ่มนวลของ สายฝน แม่ของทอฝันเอ่ยบอกอย่างห่วงใย
"ค่าา~" เสียงใสตอบรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกจากรั้วบ้านหลังเล็กไปตามถนนที่เงียบสงบ
ร่างบางของทอฝันเดินออกมาตามทางที่พอมีแสงสว่างอยู่บ้าง เพื่อเดินไปขึ้นรถเมล์ที่หน้าปากซอย ทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์เธอจะออกมาทำงานพิเศษ เพื่อให้แม่ของเธอได้พักผ่อน เพราะถ้าเป็นวันธรรมดาที่เธอกับไต้ฝุ่นไปเรียน แม่ของเธอก็จะคอยทำขนมเพื่อนำไปฝากขายตามร้านเบเกอรี ร้านกาแฟต่าง ๆ แม้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็ทำให้ทั้งสามคนอยู่กันอย่างไม่ขัดสน บวกกับงานพิเศษที่เธอทำด้วยแล้ว อาจจะไม่เหลือให้เก็บ แต่เธอกับแม่ก็ไม่เคยที่จะยื่นมือไปขอร้องใคร ถ้าตราบใดที่เธอยังมีแรงพอให้ทำได้อยู่ เธอก็คงจะไม่บากหน้าไปขอร้องคนอื่นให้เขาสมเพชเวทนาไปมากกว่านี้ เพราะแค่นี้ครอบครัวของเธอก็โดนดูถูกเหยียดหยามมากพอแล้ว
"สวัสดีค่ะพี่อร" เสียงใสของทอฝันเอ่ยทักทายคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาจดอะไรบางอย่างลงสมุดบันทึกขนาดเล็กอยู่ เธอใช้เวลานั่งรถมาไม่ถึงสิบนาที ก็มาถึงที่ทำงาน
"หวัดดีจ้า มาก่อนเวลาอีกแล้วนะเรา" อร เจ้าของร้านกาแฟที่ทอฝันทำงานอยู่เอ่ยทักขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"แค่ไม่กี่นาทีเองค่ะ งั้นเดี๋ยวฝันเตรียมของเปิดร้านเลยนะคะ" พูดจบทอฝันก็เดินเอากระเป๋าไปเก็บหลังร้าน ก่อนจะจัดการเตรียมของเพื่อรอเปิดร้านตามเวลา ซึ่งร้านของอรถ้าเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะเปิดตั้งแต่หกโมงเช้าและปิดตอนบ่ายสามโมง เลยทำให้เธอต้องรีบมาตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ทุกอาทิตย์
"วันนี้ไม่มีขนมมาฝากขายด้วยเหรอฝัน" อรเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นทอฝันถืออะไรมาด้วยนอกจากกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก
"ไม่มีเลยค่ะพี่อร เมื่อวานอาจารย์ปล่อยช้ากว่าจะถึงบ้านก็เย็นมากแล้วเลยไม่ได้ทำเลยค่ะ" ร้านอรก็เป็นหนึ่งในร้านที่เธอมักจะนำขนมที่แม่ทำมาฝากขายเป็นประจำทุกสัปดาห์
"แบบนี้ลูกค้าได้ด่าพี่แย่เลยสิ เขาบ่น ๆ กันหลายคนเลยว่าเมื่อไหร่จะมีขนมมาอีก" อรเอ่ยทีเล่นทีจริง เพราะร้านกาแฟของเธอมีแต่พวกเบเกอรี่ไม่มีขนมไทยเลยสักอย่าง จนทอฝันนำมาฝากขายนั่นแหละ และปรากฎว่าลูกค้าดันชอบมากจนต้องถามหาทุกวัน
"คริคริ~ เอาไว้อาทิตย์หน้าฝันจะให้คุณแม่ทำมาเยอะ ๆ นะคะ ฝากบอกลูกค้าอดใจรอก่อนนะ" ตอนแรกเธอก็ไม่คิดเหรอกว่าขนมที่แม่เธอทำจะขายได้ และมีลูกค้าถามถึงเยอะขนาดนี้ แค่กะว่านำมาฝากขายขอแค่ขายได้เธอก็ดีใจมากแล้ว
"รับปากแล้วนะ"
"แน่นอนค่ะ ^^ "
ทอฝันจัดการทุกอย่างเสร็จก็เดินไปติดป้ายหน้าร้านทันที ว่าตอนนี้ร้านกาแฟได้เปิดบริการแล้วตามเวลาเป๊ะ ๆ ก่อนเธอจะเดินกลับมาประจำที่เคาน์เตอร์ข้าง ๆ กับอร
กริ๊ง~
ยังไม่ทันไรเสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้นมา เมื่อมีลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน ก่อนที่ทอฝันจะรีบเดินมารับออเดอร์ถึงโต๊ะอย่างคล่องแคล่ว
"สวัสดีค่ะ คุณลูกค้าจะรับอะไรดีคะ" เสียงใสเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ ก่อนจะยื่นเมนูเครื่องดื่มให้กับลูกค้าคนแรกของวันนี้ที่เปิดร้านได้ไม่ทันจะถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ
"กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล" เสียงเข้มเอ่ยขึ้นทันที โดยที่ยังไม่ได้เปิดเมนูที่เธอยื่นให้
"กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลนะคะ คุณลูกค้าจะทานนี่หรือรับกลับบ้านดีคะ" เธอยังคงเอ่ยถามต่อ เมื่อมองออกไปข้างนอกเหมือนมีรถจอดรอเขาอยู่
"กลับบ้าน เร็วด้วยนะครับ"
"ได้ค่ะ" พอได้ยินแบบนั้นทอฝันก็รีบเดินมายื่นออเดอร์ให้กับอรทันที กลัวว่าถ้าช้ากว่านี้คงจะถูกชายผู้นี้จับหักคอเอาได้ ดูแล้วคงจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ การแต่งตัวก็ออกจะเต็มยศด้วยการใส่สูท แต่จะดูดีและเข้ากับหน้าตาเขามากกว่านี้ ถ้าสูทชุดนั้นไม่ใช่สีดำสนิททั้งชุด เพราะมันทำให้เขาดูน่ากลัวเกินไป
"รีบไปเสิร์ฟเลยฝัน ดูท่าทางแล้วเขาคงจะรีบจริง ๆ " อรวางแก้วกาแฟที่เพิ่งจะชงเสร็จลงบนถาดให้กับทอฝัน ก่อนจะเอ่ยบอกให้เธอรีบนำไปเสิร์ฟ
ร้านของอรเป็นร้านเล็ก ๆ ที่มีโต๊ะไว้บริการลูกค้าแค่ไม่กี่โต๊ะ พนักงานในร้านจึงมีแต่ทอฝันที่จะมาทำช่วงวันหยุดส่วนวันธรรมดาก็จะมีพนักงานอีกคนมาทำ
"กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลได้แล้วค่ะ" ทอฝันวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะอย่างมั่นคง
พรึบ!
"ไม่ต้องทอน" แบงก์พันถูกควักออกจากกระเป๋ามาวางลงบนโต๊ะอย่างเร่งรีบ ก่อนที่ชายคนนั้นจะถือแก้วกาแฟเดินออกไปเลยทันทีที่พูดจบ
"รีบอะไรขนาดนั้นกัน" เสียงใสบ่นเบา ๆ ตามหลังอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก แล้วหยิบเงินเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์
"กาแฟแก้วละเป็นพันเลยพี่อร"
"ดวงดีแต่เช้าเลยนะเรา"
"ดีมันก็ดีอยู่หรอกค่ะ แต่ดูแล้วก็ขี้อวดไม่เบาเลย" ถึงเขาคนนั้นจะรวยแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่ควรละเลยค่าของเงินแบบนี้ เพราะกว่าจะหาได้แต่ละบาทนั้นเธอรู้ดีว่ามันเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะได้มา...
"กาแฟครับนาย" ทันทีที่ขึ้นมาบนรถ อีธาน ก็ยื่นแก้วกาแฟให้ผู้เป็นนาย ที่กำลังนั่งหน้าเครียดอยู่เบาะรถด้านหลัง
"อืม รีบไปได้แล้ว" คริสเตียน เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่นิ่งขรึม เอ่ยขึ้นเสียงเรียบอย่างไม่สบอารมณ์นัก
"จะไปไหนก่อนดีครับ" อีธานถามเมื่อไม่รู้ว่าเจ้านายหนุ่มนั้นจะให้ไปที่ไหนก่อน
"แล้วมึงคิดว่ากูควรจะไปไหนก่อน" คริสเตียนตั้งคำถามกลับไปยังลูกน้องคนสนิท ทำให้อีธานเข้าใจได้ทันทีว่าควรจะไปที่ไหนก่อนเป็นอันดับแรก
"ออกรถ เข้าบริษัทก่อน" แล้วอีธานก็หันไปสั่งลูกน้องที่ทำหน้าที่ขับรถให้รีบออกรถทันที ก่อนที่เจ้านายหนุ่มจะอารมณ์เสีย และพาลให้เดือดร้อนกันไปหมด
คริสเตียนเอาแต่นั่งนิ่งเงียบคิ้วหนาขมวดเข้าหากันตลอดการเดินทาง เพราะเขาได้รับคำสั่งจากพ่อของเขาให้มาบริหารงานที่แถบเอเชีย และเขาจะต้องมาปักหลักอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม เพื่อช่วยกอบกู้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในแถบเอเชีย ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ ต่างจากปีก่อนที่พ่อเขาเป็นคนเข้ามาดูแลและบริหารเอง แต่พอพ่อเขาวางมือจากทางนี้ ก็ไว้วางใจให้คนที่ตัวเองมั่นใจในฝีมือและความซื่อสัตย์เข้ามาดูแลแทน จากที่เคยรุ่งเรืองกลับตกต่ำลงเรื่อย ๆ อย่างน่าสงสัย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และในเวลาเพียงแค่ปีกว่า ๆ บริษัทขาดทุนไปไม่รู้กี่ร้อยล้าน
ร่างสูงสง่าของคริสเตียนก้าวเดินอย่างมาดมั่นเข้ามายังบริษัทยักษ์ใหญ่ ทุกสายตาต่างจับจ้องมองมาที่เขาเป็นตาเดียว ด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างคริสเตียนจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้ ทุกคนที่นี่ต่างก็เคยเห็นเพียงรูปถ่ายเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับเขาตัวเป็น ๆ เพราะตั้งแต่ที่คริสเตียนได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นประธานใหญ่จากคนเป็นพ่อเพื่อให้ขึ้นมาดูแลธุรกิจต่อ ทุกคนที่นี่ก็ยังไม่เคยเจอเขาตัวเป็น ๆ เลยสักครั้ง
"เรียกประชุมหัวหน้าทุกฝ่าย เดี๋ยวนี้!" คำสั่งเสียงเด็ดขาดของอีธานทำให้ผู้จัดการของที่นี่ถึงกับลนลานทำตัวไม่ถูก เพราะยังไม่ทันได้เอ่ยปากทักทายก็ถูกออกคำสั่งแล้ว
"อะ เอ่อ..."
"เดี๋ยวนี้!" อีธานย้ำชัดอีกรอบ เมื่อเห็นว่าคริสเตียนเดินเข้าไปในห้องประชุมไปแล้ว
"ครับคุณอีธาน"
การมาแบบกะทันหันของคริสเตียนทำให้พนักงานทุกคนต่างทำตัวไม่ถูก เพราะเคยได้ยินมาว่าคริสเตียนนั้นเด็ดขาดในคำพูดมาก และดูท่าแล้วน่าจะเป็นจริงอย่างที่ได้ยินมา
สิบนาทีต่อมา…
เสียงพูดคุยกันต่าง ๆ นา ๆ ดังขึ้นมาไม่หยุด เมื่อทุกฝ่ายถูกเรียกประชุมกะทันหันแบบนี้ ทำเอาคริสเตียนถึงกับโมโหขึ้นมาทันทีที่คนในห้องนี้ต่างไร้มารยาทในการเข้าร่วมงานกับเขา
ปัง!
ฝ่ามือหนาฟาดลงบนโต๊ะเสียงดังลั่น ก่อนที่คริสเตียนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วประกาศลั่นอย่างชัดเจน ด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก แต่คนฟังกลับรู้สึกได้ถึงความดุดันและน่าเกรงขาม
"ผมจะไม่อ้อมค้อม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะเข้ามาบริหารงานที่นี่ด้วยตัวเอง สิ่งที่พวกคุณทุกคนต้องทำให้ผมคือ..."
คำพูดที่ถูกเว้นไว้ทำให้ทุกคนต่างพากันซุบซิบนินทากันอย่างไร้มารยาท ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัดอีกครั้ง
"รายละเอียดบัญชีรายรับรายจ่ายของทุกฝ่าย พรุ่งนี้แปดโมงเช้า ทุกฝ่ายต้องมีส่งให้ผม"
พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องประชุมไปทันที โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านจากทุกคนในที่ประชุมเลยสักนิด ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้คงไม่เหมาะที่จะทำงานร่วมกับเขา
"อะไรกันเนี่ย แบบนี้ใครจะไปทำทัน"
"ทำไมท่านประธานถึงได้โหดขนาดนี้กัน"
"คุณคริสเตียนให้เวลาพวกเราหน่อยนะคะ!"
"ถ้าพรุ่งนี้ท่านประธานไม่ได้บัญชีจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ดูท่าทางเขาน่ากลัวมากเลย"
"ผมว่าเราลองตามไปคุยกับท่านดีไหม ขอเวลาให้พวกเราได้รวบรวมกันก่อน อย่างน้อยก็น่าจะเป็นอาทิตย์เลยนะกว่าจะรวบรวมยอดได้"
เสียงพูดคุยดังกึกก้องไปทั่วห้องประชุมไม่หยุด ก่อนจะมีคนหนึ่งเสนอความคิดเห็นขึ้นมา
"ใช่ๆๆ"
"ฉันเห็นด้วยเลยค่ะ"
"พวกผมก็เหมือนกัน"
"เห็นด้วยๆๆๆ"
"ทุกคนฟัง!" คนทั้งห้องต่างเงียบกริบอย่างพร้อมเพรียง เมื่อเสียงของอีธานดังขึ้นมาอย่างน่าเกรงขามไม่ต่างจากผู้เป็นนายอย่างคริสเตียน
"พรุ่งนี้แปดโมงเช้า ผมจะรอพวกคุณที่ห้องนี้ หวังว่าพวกคุณจะมาตรงเวลานะครับ และนี่คือหนังสือลาออกถ้าใครคิดว่าทำไม่ได้เชิญมารับไปได้เลย" พูดจบอีธานก็วางซองสีขาวสะอาดปึกใหญ่ในมือลงบนโต๊ะ ก่อนที่เขาจะเดินตามคริสเตียนออกไปอีกคน ทิ้งให้ทั้งห้องประชุมต่างก็มีเสียงพูดคุยกันดังขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งต่อว่าและนินทาสารพัดคำพูด
"ท่านประธานสวัสดีครับ"
ชายวัยกลางคนรีบเอ่ยทักทายคริสเตียนทันทีที่เขาเดินมาถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง ที่ถูกจัดเตรียมไว้เป็นห้องทำงานของเขาโดยเฉพาะ
"คุณเป็นใคร" คริสเตียนเอ่ยถามเสียงนิ่ง พลางมองชายวัยกลางคนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
"ผมชื่อชาลีฟครับ ผมมาทำหน้าที่เป็นเลขาของท่านประธานครับ" ชาลีฟเอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมกับก้มหัวให้เขาอย่างสุภาพ
"อืม ผมฝากด้วยแล้วกัน" คริสเตียนพยักหน้ารับเมื่อได้คำตอบ ก่อนที่เขาจะเปิดประตูเข้าห้องไปอย่างไม่สนใจชาลีฟที่กำลังจะเอ่ยพูดกับเขาต่อ
เพราะเขาต้องการหลีกเลี่ยงบทสนทนาที่ไม่จำเป็น และต้องการที่จะพักผ่อน หลังจากที่เดินทางมาถึงเขาก็ตรงมาที่นี่ทันทีโดยที่ยังไม่ได้พัก
"อีธาน" คริสเตียนเอ่ยเรียกชื่อลูกน้องคนสนิท ทั้งที่ยังหลับตาเอนหลังอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ภายในห้องทำงาน
"จะให้เรียกมานี่หรือที่โรงแรมครับ" อีธานถามอย่างรู้กันว่าตอนนี้ผู้เป็นนายนั้นต้องการอะไร
"โรงแรม จัดการด้วยด่วนที่สุด"
"ได้ครับนาย" อีธานก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป เพื่อไปจัดการคัดคนให้ผู้เป็นนายด้วยตัวเอง เพราะรู้จักนิสัยใจคอของคริสเตียนดี ว่าเวลาที่เครียด ๆ ถ้าได้ปลดปล่อยกับหญิงสาวสวย ๆ สักคน ก็จะทำให้คริสเตียนอารมณ์ดีขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง
แต่ผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นคนที่ถูกคัดมาอย่างดี ถึงคริสเตียนจะมีอะไรกับผู้หญิงมาเยอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงที่เข้าหาเขาทุกคนจะได้ขึ้นเตียงกับเขาทุกคน เพราะบางคนก็ดูดีเพียงแค่ภายนอก แต่ภายในนั้นแทบจะไม่หลงเหลืออะไรให้น่าหลงใหลได้เลย ด้วยเหตุนี้เขาถึงต้องเป็นคนจัดการคัดหญิงสาวให้กับผู้เป็นนายด้วยตัวเองอย่างรู้กัน