"ที่ผ่านมาพี่อาคินพยายามเข้าถึงข้อมูลคุณ แต่อีฟปกปิดเพราะคิดว่าเลิกกับคุณแล้วก็อยากให้มันจบๆ ไม่นึกว่าพี่อาคินจะเอาตัวประกันไปเรียกร้องให้คุณออกมาแก้ปัญหา แต่ถึงยังไงอีฟสัญญาว่าถ้าพี่อาคินมีผู้หญิงคนนั้นในมือเขาจะต้องปล่อยให้เธอกลับมาหาคุณและเขาไม่มีทางทำร้ายผู้หญิงคนนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาเพราะคนที่เขาต้องการคือคุณ ดังนั้นคุณอย่าลงมือทำเองเพราะมันไม่ปลอดภัย ให้อีฟจัดการที่เหลือนะคะ"
"ที่อยากจัดการเรื่องนี้เพราะรู้สึกผิดใช่ไหม รู้เอาไว้ด้วยนะเรื่องที่คุณทำกับนทแล้วผมเอาคืนน่ะต่อให้ต้องแลกกับการที่ต่างคนต่างไปคุณก็ยังชดใช้ไม่หมดหรอกเอวิตา ที่คุณรับปากว่าจะจัดการเรื่องนิ้งเป็นหน้าที่ของคุณอยู่แล้ว แต่ถึงยังไงคุณก็ควรจำไว้ว่าชีวิตของคุณที่เหลืออย่าไปทำอย่างนั้นกับใครอีกล่ะ" ทินบอกเสียงเรียบ
เอวิตารู้สึกชาไปทั้งตัวความเจ็บปวดที่รวดร้าวถาโถมเข้ามามากมายเกินจะรับไหว แต่เธอก็ฝืนยืนคุยกับเขาต่อโดยที่ซ่อนความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ น่าขันนักที่เธอยังมีความรักและความปรารถนาดีต่อเขาแม้ว่าเขาจะเกลียดและมองเธอเหมือนอยากเหยียบให้จมดิน โดยไม่ปิดบังอีกต่อไป
"ตอนนี้ฉันเข้าใจดีทุกอย่างแล้วค่ะ ขอโทษที่ฉันอาจจะชดเชยความผิดไม่หมดแล้วก็ขอบคุณที่จะเลิกแล้วต่อกันไม่ทำร้ายฉันอีก แต่ก่อนจะไปฉันมีคำถามที่อยากจะขอถาม"
"..." เขาไม่พูดอะไรแต่เลิกคิ้ว เธอเลยถามต่อ
"ที่ทำทุกอย่างเพราะแค้น ไม่มีความรู้สึกอะไรต่อกันเลยใช่ไหมคะ"
"อืม"
หญิงสาวน้ำตาคลอ แต่ก็พยักหน้า ข่มกลั้นก้อนสะอื้นจนไหล่สั่นไปหมด เธอพยายามมองหน้าเขาแล้วยิ้มให้
"ก็ดีค่ะ ถ้าอย่างนั้นก่อนที่จะขอให้พี่อาคินปล่อยผู้หญิงคนนั้น คุณต้องสัญญากับฉันอย่างหนึ่งก่อน"
"ก่อนที่จะตกลงผมต้องรู้ก่อนว่าสัญญาเรื่องอะไร"
"สิ่งที่ฉันต้องการคือ หลังจากนี้ตลอดไป เราจะไม่เกี่ยวข้องกันอีกไม่ว่ากรณีใดๆ "
"ได้สิ ผมต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว"
"หลังจากนี้ เราจะไม่เจอหน้ากันอีกตลอดกาล"
"ตกลง"
เสียงบอกของเขาหนักแน่น ไม่ลังเล เอวิตายิ้มทั้งน้ำตา จากนั้นเธอก็ใช้ขาที่มีเรี่ยวเเรงเฮือกสุดท้ายของตัวเองเดินออกมา มือเล็กปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่กี่หยดดวงหน้าก็แห้งเหือดเหมือนไม่เคยร้องไห้มาก่อนเพราะเธอร้องมามากพอในช่วงที่ผ่านมา ในตอนที่ก้าวเดินนั้นมีรอยยิ้มบนใบหน้าเธอ
รอยยิ้มนั้นมันฝืนกับความรู้สึกแค่ไหน เขาคงไม่มีวันรู้
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่มีวันเชื่อว่า จะมีวันหนึ่งที่หัวใจเธอเศร้าหมองและเจ็บปวดที่สุด เธอกลับยิ้มได้แถมยังไม่ร้องไห้ออกมา
นั่นคงเป็นเพราะว่าเธอบ่งบอกเรื่องราวแก่ใครไม่ได้ เพราะต้องการปกปิดมันเอาไว้ให้อยู่ในส่วนลึกสุดของหัวใจ และไม่มีวันปล่อยให้ใครขุดมันขึ้นมา
ตลอดกาล...
เฮือก!
เอวิตาตื่นจากภวังค์ฝัน เธอผุดลุกขึ้นมาเพราะเผลอตัว พี่ก้อยที่นั่งอยู่ข้างเตียงเพราะว่าตื่นก่อนลุกขึ้นมายืนมองเธออย่างตื่นตกใจ
"คุณอีฟ... ลุกพรวดขึ้นมาแบบนี้นี่ฝันร้ายหรือเปล่าคะ ค่อยๆ ขยับนะคะ เดี๋ยวกระทบกระเทือน" นางเดินมาลูบไหล่ปลอบโยน
จากนั้นอาคินก็เดินเข้ามา เอวิตาหายใจเข้าออกลึกๆ หลายรอบ นึกถึงเรื่องที่ตามมาหลอกหลอนในฝัน เธอยังคงฝันร้ายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเพราะว่าไม่ได้จัดการเรื่องที่รับปากกับทินอย่างจริงจังเพราะไม่มีโอกาส พอเห็นหน้าพี่ชายที่ใต้ตาคล้ำและอิดโรยชัดเจนมากเธอก็อ้าปากจะคุยแต่อาคินพูดแทรกขึ้นมาก่อน
"ง่วง... ขอนอนก่อน พี่ก้อยเฝ้าอีฟแทนผมก่อนนะ” แล้วเขาก็เดินไปยังเตียงที่อยู่ในห้องเดียวกันแล้วล้มตัวลงนอน โดยที่เอวิตาและพี่ก้อยได้แต่มองตาปริบๆ
"อะไรของเขา เมื่อคืนก็รีบออกไป ตอนเช้ารีบเข้ามาแต่เช้ามืดแล้วมานอนต่อ... ไปอดนอนมาจากไหนของเค้านะ..."
แน่นอนว่าคำถามของเอวิตาไม่มีคำตอบ มีแค่เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของพี่ชายเท่านั้นที่บ่งบอกว่าคนที่นอนนิ่งเหมือนตายนั้นยังหายใจอยู่
ช่วงบ่ายที่อากาศเมืองไทยร้อนจัด นลินวิภานั่งเท้าคางกับโต๊ะทำงานภายในห้องนอนเธอหันหน้าไปทางกระจกใสของหน้าต่างแบบเต็มบาน มองวิวและรถราที่เคลื่อนที่อยู่ด้านนอก วิวนี้เป็นวิวที่ทำให้เธอไม่เบื่อที่จะต้องถูกกักขังอยู่เพียงแต่ในห้อง และส่วนใหญ่วิษุวัตจะมาอยู่กับเธอทำให้การถูกกักขังของเธอไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป
ตอนนี้เธอขอเพียงอย่างเดียวให้พวกเขาคิดว่าเลี้ยงเธอไว้ก็เปลืองข้าวสุกและคงไม่ได้อะไรจากเธอเพราะข้อมูลของเธอกับทินนั้นเดิมทีไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย...
หญิงสาวถอนหายใจ วิษุวัตออกไปข้างนอกบ่อยในตอนนี้ เธอออกแบบห้องเก็บไว้ในคอลเล็กชั่นมากมายและทำหลายต่อหลายอย่างไปแล้วในช่วงเวลาที่ว่าง ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนที่เธอทำตัวเหมือนรอเขากลับบ้าน